เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

สิทธิและหน้าที่การดูแลบุตรจากคำรายงานของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ตอนที่ 2

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

สิทธิและหน้าที่การดูแลบุตรจากคำรายงานของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ) ตอนที่ 2

 

การให้อาหารแก่บุตร

 

    สิทธิในการให้อาหาร : การให้อาหารแก่เด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยดื่มนมนั้น เป็นประเด็นที่พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ซึ่งพระองค์ได้ทรงกำหนดบทบัญญัติเฉพาะไว้กับเรื่องนี้ในคัมภีร์อัลกุรอานพระผู้เป็นเจ้าได้ทรงตรัสไว้ว่า :

 

وَالْوَالِدَاتُ يُرْضِعْنَ أَوْلَادَهُنَّ حَوْلَيْنِ كَامِلَيْنِ لِمَنْ أَرَادَ أَن يُتِمَّ الرَّضَاعَةَ وَعَلَى الْمَوْلُودِ لَهُ رِزْقُهُنَّ وَكِسْوَتُهُنَّ بِالْمَعْرُوفِ

 

“และมารดาทั้งหลายนั้น (แม้จะหย่าขาดจากสามีแล้วก็ตาม) นางจะให้นมแก่ลูกๆ ของนางในระยะเวลาสองปีเต็ม สำหรับผู้ที่ต้องการจะให้ครบถ้วนในการให้นม และหน้าที่ของพ่อเด็กนั้นคือ (การสนองตอบ) ปัจจัยยังชีพของพวกนางและเครื่องนุ่งห่มของพวกนางโดยชอบธรรม” (17)

 

รางวัลตอบแทนของการให้นมลูก : ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) กล่าวว่า :

 

إذا حَمَلَتِ المَرأَةُ کانَت بِمَنزِلَةِ الصّائِمِ القائِمِ المُجاهِدِ بِنَفسِهِ ومالِهِ فی سَبیلِ اللّه، فَإِذا وَضَعَت کانَ لَها مِنَ الأَجرِ ما لا تَدری ما هُوَ لِعِظَمِهِ، فَإِذا أرضَعَت کانَ لَها بِکلِّ مَصَّةٍ کعِدلِ عِتقِ مُحَرَّرٍ مِن وُلدِ إسماعیلَ، فَإِذا فَرَغَت مِن رِضاعِهِ ضَرَبَ مَلَكٌ عَلی جَنبِها وقالَ: اِستَأنِفِی العَمَلَ، فَقَد غُفِرَ لَكِ

 

"เมื่อหญิงได้ตั้งครรภ์ นางจะอยู่ในฐานะเดียวกับผู้ถือศีลอด ผู้ดำรงนมาซ ผู้ที่ต่อสู้ในทางของอัลลอฮ์ด้วยชีวิตและทรัพย์สินของเขา และเมื่อนางได้ให้กำเนิดบุตรนางจะได้รับรางวัลโดยที่ไม่มีใครรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของรางวัลนั้นได้! และเมื่อนางให้นมบุตรรางวัลของนางในทุกครั้งของการดูดดื่มนั้น จะเท่ากับการปล่อยทาสหนึ่งคนจากลูกหลานของอิสมาอีล (อ) และเมื่อการให้นมบุตรสิ้นสุดลงทูตสวรรค์ (มะลาอิกะฮ์) จะตบลงสีข้างของนางและกล่าวว่า : "พระเจ้าได้ทรงให้อภัยโทษแก่เธอแล้ว ดังนั้นเริ่มต้นการกระทำใหม่เถิด" (18)

 

การให้ศึกษาและการอบรมขัดเกลาบุตร

 

    เกี่ยวกับการให้การศึกษาและการอบรมขัดเกลาบุตรนั้นมีหลายที่อิสลามให้ความสำคัญ :

 

    ความรู้และคำสอนต่างๆ ทางด้านศาสนา อย่างเช่น หลักการศรัทธา, จริยธรรม, การอ่านคัมภีร์อัลกุรอาน, การเรียนรู้บทบัญญัติ (อะห์กาม) และการปฏิบัติอิบาดะฮ์ต่างๆ
    มารยาทและทักษะต่างๆ ทางสังคม


    มารยาทและทักษะต่างๆ ในการป้องกันตน ซึ่งบางส่วนได้กล่าวไปแล้วซึ่งเราจะชี้ถึงอีกบางส่วนในที่นี้

 

รางวัลของการสอนอัลกุรอานและบทบัญญัติของศาสนา

 

     ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) กล่าวว่า :

 

مَنْ عَلَّمَهُ الْقُرْآنَ دُعِيَ بِالْأَبَوَيْنِ فَيُكْسَيَانِ حُلَّتَيْنِ يُضِي‏ءُ مِنْ نُورِهِمَا وُجُوهُ أَهْلِ الْجَنَّةِ

 

"ผู้ใดสอนอัลกุรอานแก่ลูกของเขา บิดามารดาของเขาจะถูกเรียก (ในวันกิยามะฮ์) แล้วคนทั้งสองจะได้รับการสวมใส่เสื้อคลุมสองชิ้น โดยที่ใบหน้าของชาวสวรรค์จะได้รับแสงที่ส่องประกายจากรัศมีของบุคคลทั้งสอง" (19)

 

     ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) กล่าวว่า : "อัลกุรอานจะนำพาชายผู้ซีดเซียวมาในวันกิยามะฮ์ และจะทูลต่อพระผู้เป็นเจ้าว่า : “โอ้พระผู้อภิบาลของข้าฯ! บุคคลนี้เป็นคนที่ข้าฯ ได้ทำให้เขากระหายในยามกลางวัน และทำให้เขาอดหลับอดนอนในยามกลางคืนของเขา และข้าฯ ได้ทำให้ความปรารถนาของเขาต่อความเมตตาของพระองค์เกิดความเข้มแข็ง และข้าฯ ได้ทำให้ความหวังของเขาต่อการอภัยโทษของพระองค์เปิดกว้างขึ้น ดังนั้นขอพระองค์ทรงพิจารณาไปตามความคาดหวังของข้าฯ และความคาดหวังของเขาในพระองค์เถิด พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสูงส่งทรงตรัส (กับทวยเทพ) ว่า : พวกเจ้าจงมอบอำนาจปกครอง (มุลก์) ในมือขวาของเขาและความเป็นอมตะ (คุลด์) ในมือซ้ายของเขาเถิด และจงทำให้เขาอยู่ร่วมกับบรรดาสาวสวรรค์ (ฮุรุลอีน) ผู้เป็นคู่ครองของเขาเถิด และจงสวมใส่เสื้อคลุมเครื่องประดับแก่บิดามารดาของเขา ซึ่งมีค่ามากยิ่งกว่าโลกทั้งหมดและสิ่งที่อยู่ในมัน ดังนั้นผู้คนทั้งหลายในวันกิยามะฮ์จะมองไปยังบิดามารดาของเขาและยกย่องให้เกียรติคนทั้งสอง และตัวเขาเองจะมองไปยังบุคคลทั้งสองและจะประหลาดใจในตำแหน่งของพวกเขา แล้วพวกเขาทั้งหมดจะทูลถามว่า : โอ้พระผู้อภิบาลของเหล่าข้าฯ ! ความยิ่งใหญ่นี้มาจากไหน แล้วไฉนการกระทำ (อะมัล) ทั้งหลายของเหล่าข้าฯ จึงไปไม่ถึงมัน?" .... พระผู้เป็นเจ้าทรงตรัสกับคนทั้งสองว่า: ความยิ่งใหญ่นี้เกิดจากการที่เจ้าทั้งสองได้สอนอัลกุรอานให้กับลูกของพวกเจ้าและการอบรมขัดเกลาเขาบนพื้นฐานของศาสนาอิสลาม ความรักที่มีต่อศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) และอะลี (อ.) ผู้เป็นวะลีย์ของอัลลอฮ์" (20)

 

โทษทัณฑ์ของการละทิ้งการให้การศึกษาด้านศาสนาแก่ลูกๆ

 

    ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) มองไปยังเด็กบางคนแล้วกล่าวว่า : "ความวิบัติจะประสบกับลูกๆ ในยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน) อันเกิดจากบิดาของพวกเขา!" มีผู้ถามว่า : “โอ้ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์! จากบรรดาบิดาที่เป็นผู้ตั้งภาคี (มุชริกีน) ของพวกเขากระนั้นหรือ?” ท่าน กล่าวตอบว่า: “ไม่ใช่! แต่เกิดจากบรรดาบิดาที่เป็นผู้ศรัทธาของพวกเขาที่ไม่สอนสิ่งเกี่ยวกับข้อบังคับทางศาสนาให้แก่พวกเขา และเมื่อลูกๆ ของพวกเขาจะเรียนรู้ พวกเขาก็จะห้ามลูกๆ ของตน และพึงพอใจต่อพวกเขากับผลประโยชน์อันน้อยนิด จากโลกนี้เพียงเท่านั้น ดังนั้นฉันไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับพวกเขาและพวกเขาก็ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับฉัน" (21)

 

การสอนทักษะการป้องกันตัวและทักษะทางสังคม

 

     ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) กล่าวว่า :

 

عَلِّمُوْا أَوْلَادَكُمْ بِالسَّبَاحِةِ وَالرَّمَايَةِ

 

“จงสอนลูกๆ ของพวกท่านให้ว่ายน้ำและยิงธนูเถิด” (22)

 

     นอกจากนี้ท่านได้กล่าวว่า :

 

أَكْرِمُوا أَوْلادَكُمْ وَأَحْسِنُوا آدابَهُمْ يُغْفَرْ لَكُمْ

 

“ท่านทั้งหลายจงให้เกียรติลูกๆ ของพวกท่านและจงสอนมารยาทที่ดีแก่พวกเขา แล้วพวกท่านจะได้รับการอภัยโทษ” (23)

 

    และท่านได้กล่าวอีกว่า :

 

يَا عَلِيُّ! حَقُّ الْوَلَدِ عَلَى وَالِدِهِ أَنْ يُحْسِنَ...آدَابَهُ وَ يَضَعَهُ مَوْضِعًا صَالِحًا

 

“โอ้อะลี! สิทธิของลูกที่มีเหนือบิดาของเขา คือ การสอนมารยาทที่ดีงามแก่เขา และวางเขาในตำแหน่งที่คู่ควร (ซอและห์)” (24)

 

การแสดงความเมตตาต่อลูกๆ

 

    ท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า :

 

مَنْ قَبَّلَ وَلَدَهُ كَتَبَ اللَّهُ عَزَّ وَجَلَّ لَهُ حَسَنَةً

 

“ผู้ใดก็ตามที่จูบลูกของเขา อัลลอฮ์ผู้ทรงเกริกเกียรติ ผู้ทรงเกรียงไกรจะทรงบันทึกความดีงามหนึ่งแก่เขา” (25)

 

     ท่านยังได้กล่าวอีกว่า :

 

أَكْثِرُوْا مِنْ قُبْلَةِ أَولادِكُمْ فَإِنَّ لَكُمْ بِكُلِّ قُبْلَةٍ دَرَجَةً فِي الْجَنَّةِ مَسِيْرَةِ خَمْسِمِائَةِ عَامٍ

 

“ท่านทั้งหลายจงจูบลูกๆ ของพวกท่านให้มาก เพราะแท้จริงด้วยกับทุกการจูบจะได้รับฐานันดรหนึ่งสำหรับพวกท่านในสวรรค์ ซึ่งมีระยะทางห้าร้อยปี” (26)

 

     ปัจจุบันนี้ด้วยกับความก้าวหน้าทางด้านวิทยาการทำให้เป็นที่ประจักษ์ชัดถึงความสำคัญของของการแสดงออกซึ่งความรัก ความเมตตาเอ็นดู โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของการจูบลูกๆ ในการอบรมขัดเกลา (ตัรบียะฮ์) และการเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีงามแก่พวกเขา

 

     อับดุลลอฮ์ อิบนิมัสอูดได้เล่าว่า : ฉันอยู่กับท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ทันใดนั้น ฮุเซน บุตรของท่านอะลี (อ.) ก็ได้เข้ามา ท่านศาสดา (ศ็อลฯ) จึงได้จับตัวเขาไว้ แล้วท่านก็จูบเขา ... และได้วางริมฝีปากของท่านลงบนริมฝีปากของเขา แล้วท่านก็กล่าวว่า :

 

أَللَّهُمَّ إِنِّيْ أُحِبُّهُ فَأَحِبَّهُ وَأَحِبَّ مَنْ يُحِبُّهُ

 

“โอ้อัลลอฮ์! แท้จริงข้าพระองค์รักเขา ดังนั้นขอพระองค์ทรงโปรดรักเขาด้วยเถิด และทรงโปรดรักบุคคลที่รักเขาด้วยเถิด” (27)

 

หมายเหตุ : จากฮะดีษ (วจนะ) บทนี้และดุอาอ์ (คำวิงวอนขอต่อพระผู้เป็นเจ้า) ของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ในฮะดีษบทนี้ ทำให้รับรู้ได้ว่า คำกำชับสั่งเสียของท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ก็คือให้เราทุกคนอบรมขัดเกลาลูกๆ ของของตนให้เป็นผู้ที่รักท่านอิมามฮุเซน (อ.) และลูกคนใดก็ตามที่เป็นผู้ที่รักท่านอิมามฮุเซน (อ.) นั้น ก็จะได้รับผลจากดุอาอ์ของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ด้วย

 

โทษทัณฑ์ของการไม่แสดงความรักและความเมตตาต่อบุตร

 

    วันหนึ่งท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) ได้จูบท่านอิมามฮะซันและท่านอิมามฮุเซน (อ.) ชายผู้หนึ่งซึ่งมีนามว่า อุยัยนะฮ์ หรือในบางรายงานคือ อัลอักเราะอ์ บินฮาบิซ ได้กล่าวต่อท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ว่า : “ข้าพเจ้ามีลูกสิบคน ข้าพเจ้าไม่เคยจูบคนใดจากพวกเขาเลย” ดังนั้นท่านศาสดา (ศ็อลฯ) จึงกล่าวว่า:

 

مَنْ لَا يَرْحَمْ لَا يُرْحَمْ

 

“ผู้ใดก็ตามที่ไม่มีความเมตตา เขาก็จะไม่ได้รับความเมตตา”

 

    ในอีกริวายะฮ์ (คำรายงาน) หนึ่งจาก “ฮัฟศ์ อัลฟัรรออ์” เขากล่าวว่า : ดังนั้นท่านศาสนทูตของอัลลอฮ์ (ศ็อลฯ) จึงโกรธ จนกระทั่งว่าใบหน้าของท่านมีสีซีดเผือด และท่านได้กล่าวกับชายผู้นั้นว่า :

 

إِنْ كَانَ اللَّهُ قَدْ نَزَعَ الرَّحْمَةَ مِنْ قَلْبِكَ فِمَا أَصْنَعُ بِكَ؟  مَنْ لَمْ يَرْحَمْ صَغِيْرَنَا وَ لَمْ يُعَزِّزْ كَبِيْرَنَا فَلَيْسَ مِنَّا

 

“หากอัลลอฮ์ได้ทรงถอดถอนความเมตตาออกจากหัวใจของเจ้า แล้วฉันจะช่วยอะไรกับเจ้าได้? ผู้ใดก็ตามที่ไม่เมตตาเด็กของพวกเราและไม่เคารพให้เกียรติผู้ใหญ่ของพวกเรา ดังนั้นเขาไม่ใช่ส่วนหนึ่งจากเรา (ชาวมุสลิม)” (28)


เชิงอรรถ

 

(17). อัลกุรอาน บทอัลบะกอเราะฮ์ โองการที่ 233

(18). อัลอามาลี, เชคศอดูก, หน้า 411-412

(19).อัลกาฟี, เล่ม 6, หน้า 49

(20). บิฮารุลอันวาร, เล่ม 89, หน้า 32

(21). ญามิอุลอัคบาร, หน้า 106

(22). อัลกาฟี, เล่ม 6, หน้า 47

(23). มะการิมุลอัคลาก, หน้า 222

(24). อัลฟะกีฮ์, เล่ม 4, หน้า 49

(25). อัลกาฟี, เล่ม 6, หน้า 49

(26). เราเฎาะตุลวาอิซีน, หน้า 369

(27). กิฟายะตุลอะซัร, หน้า 81

(28).บิฮารุลอันวาร, เล่ม 43, หน้า 282-283


แปลและเรียบเรียง : เชคมุฮัมมัดนาอีม ประดับญาติ

 

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม