ชีวประวัติท่านหญิงซัยนับ ตอนที่ 3

 

อับดุลลอฮ์ บิน ญะอ์ฟัร ฏอยยัร

 


เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาว ท่านหญิงซัยนับมีผู้หมายปองในตัวท่านมากมาย หนึ่งในนั้นคือ อะซารบุตรของกอยส์ ผู้นำที่เข้มแข็งคนหนึ่งของอาหรับ ท่านอิมามไม่เห็นชอบและไม่ยินยอม เพราะท่านมีผู้ที่หมายมั่นไว้ในใจอยู่แล้ว คืออับดุลลอฮ์ หลานชายของท่าน บุตรของญะอ์ฟัร ฏอยยัร ท่านศาสดาก็ได้เคยหมายมั่นไว้เช่นกัน เมื่อท่านเฝ้ามองอับดุลลอฮ์และท่านหญิงซัยนับตั้งแต่ยังเยาว์ เมื่ออับดุลลอฮ์อายุ ๒๒ปี จึงมาสู่ขอท่านหญิง ซึ่งอิมามอะลีก็ยินดี และเตรียมการจัดพิธีสมรสขึ้น ในขณะนั้นท่านหญิงซัยนับอายุเพียง ๑๑ ปี พิธีได้จัดขึ้นในปี ฮ.ศ. ที่ ๑๖


สิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ที่เป็นเหตุผลหนึ่งของท่านศาสดา ในการเลือกอับดุลลอฮ์ให้กับท่านหญิงซัยนับ ก็เพราะท่านคือบุตรของท่านญะอ์ฟัร บุตรของอบูฏอลิบ พี่ชายของท่านอิมามอะลี ซึ่งรู้จักกันในนาม‘ญะอ์ฟัร ฏอยยัร’ ท่านเป็นมุสลิมกลุ่มแรกที่ออกเดินทางไปเผยแผ่ศาสนาในอบิสซีเนียเพื่อประกาศสัจธรรม


 ‘นมาซญะอ์ฟัร ฏอยยัร’ เป็นนมาซที่ท่านศาสดาสอนให้ท่าน ซึ่งจะได้รับการตอบรับอย่างรวดเร็ว และ เป็นการขออภัยโทษในบาปใหญ่ ท่านถูกสังหารในสงคราม ‘มูตะฮ์’ โดยแขนของท่านถูกตัดจนขาดทั้งสองข้าง ท่านศาสดาร่ำไห้ต่อการสูญเสีย ในครั้งนี้อย่างมาก แต่ท่านก็ได้รับการบอกข่าวดีจากญิบรออีลว่า


ท่านญะอ์ฟัรได้รับปีกทั้งสองข้างแล้ว และจะโบยบินไปพร้อมๆ กับบรรดามะลาอิกะฮ์บนสวนสวรรค์


ท่านศาสดาจึงรุดไปปลอบโยนครอบครัวของผู้กล้าหาญ ท่านลูบที่ศีรษะสมาชิกในครอบครัวทุกคนพร้อมกับอุ้มอับดุลลอฮ์ไว้บนตัก และขอพรต่ออัลลอฮ์ให้คุ้มครองดูแลครอบครัวของญะอ์ฟัร พร้อมกับให้พรอับดุลลอฮ์ในการดำรงชีวิตท่านศาสดารักอับดุลลอฮ์ และเคยนำไปมัสยิดกับท่าน


 ด้วยเหตุนี้ไม่น่าประหลาดใจว่า เหตุใดท่านจึงเลือกอับดุลลอฮ์ให้กับท่านหญิงซัยนับ


ครั้งหนึ่งเมื่ออับดุลลอฮ์ลงทุนซื้อฝูงแกะ ท่านศาสดาได้ขอพรต่ออัลลอฮ์ให้ประทานความสำเร็จให้ท่าน ตั้งแต่นั้นมาอับดุลลอฮ์ก็มีฐานะมั่งคั่ง เจริญรุ่งเรือง ท่านมาจากตระกูลบนีฮาชิม เป็นคนใจบุญเอื้อเฟื้อ เป็นที่รู้จักกันในนาม “กุตูบูศ ซอคเราะฮ์” ท่านเป็นคนสง่างาม นิสัยดี รูปร่างของท่านคล้ายคลึงกับอับดุลลอฮ์บิดาของท่านศาสดา จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ชื่อนี้ถูกเลือกไว้สำหรับท่าน


เมื่ออิมามอะลี ย้ายไปอยู่ที่กูฟะฮ์ และสถาปนาเป็นเมืองหลวงของท่าน หลังจากต้องรับตำแหน่งค่อลีฟะฮ์ อับดุลลอฮ์และท่านหญิงซัยนับ จึงติดตามไปด้วยและพักอยู่ที่นั่น จนกระทั่งอิมามอะลี ถูกสังหาร ท่านทั้งสองจึงย้ายกลับมาอยู่ที่มะดีนะฮ์ด้วยหัวใจที่แตกสลาย อิมามอะลีมีความพึงพอใจในตัวของอับดุลลอฮ์มาก ซึ่งท่านจะมาเยี่ยมเยือนพบปะพูดคุยกับอิมามอะลีจนเป็นกิจวัตร เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับคำสอนของอิสลาม เพราะท่านเคยได้ยินท่านศาสดากล่าวว่า “ฉันคือนครแห่งความรู้ และอะลีคือประตูของมัน”


อับดุลลอฮ์เคยเป็นแม่ทัพที่มีทหารใต้บังคับบัญชาถึง ๑๐, ๐๐๐ คนในสงครามญะมัล (อูฐ) และเคยถูกส่งไปสู้รบในสงครามซิฟฟีน มุอาวิยะฮ์เคยชักชวนให้อับดุลลอฮ์มาเข้าร่วมกับเขา แต่มันเป็นไปไม่ได้


แม้แต่จะคิดเกี่ยวกับข้อเสนอนี้ เพราะท่านคิดเสมอว่า มุอาวิยะฮ์คือศัตรูตัวฉกาจของอิสลาม หลังจากสิ้นอิมามอะลี ท่านก็ยอมรับอิมามฮาซัน เป็นอิมามของท่าน หลังจากนั้นก็อยู่กับอิมามฮูเซนท่านได้ส่งบุตรชายทั้งสองคือ อูนและมุฮัมมัดไปเพื่อช่วยเหลืออิมามฮูเซน ที่กัรบะลา และเมื่อข่าวการสละชีพของบุตรทั้งสองมาถึง ท่านได้ยกมือขึ้นและขอบคุณต่ออัลลอฮ์ ท่านเสียชีวิตเมื่ออายุ ๘๘ ปี


ท่านศาสดานับรวมท่านไว้เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว ด้วยเหตุนี้ จึงควรที่จะมอบความเคารพนับถืออย่างสูงให้กับท่าน และผู้หนึ่งควรจะคิดว่า ท่านก็เป็นหนึ่งในครอบครัวของท่านศาสดา

 

คัดลอกเนื้อหาบางส่วนจากหนังสือ

 

ที่มา หนังสือซัยนับวีรสตรีแห่งอิสลาม

ผู้เขียน ยูซุฟ เอ็น ลาลล์ญี