เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ความหมายและคำอธิบาย นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ คุฏบะฮ์ ที่ 175

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ความหมายและคำอธิบาย นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ คุฏบะฮ์ ที่ 175

 

  อุทาหรณ์ที่ได้รับจากวจนะของพระผู้เป็นเจ้า

 

เป็นคุฏบะฮ์ของอิมามอะลีที่ให้คำตักเตือนกับประชาชน และกล่าวถึงความประเสริฐของกุรอาน พร้อมทั้งห้ามไม่ให้มีการทำอุตริกรรมใด ๆ ในศาสนา รวมทั้งสอนผู้คนเกี่ยวกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้สั่งสอนไว้

 

انْتَفِعُوا بِبَيانِ اللّهِ، وَاتَّعِظُوا بِمَواعِظِ اللّهِ، وَاقْبَلُوا نَصيحَةَ اللّهِ، فَاِنَّ اللّهَ قَدْ اَعْذَرَ اِلَيْكُمْ بِالْجَلِيَّةِ، وَ اَخَذَ عَلَيْكُمْ الْحُجَّةَ وَ بَيَّنَ لَكُمْ مَحابَّهُ مِنَ الاْعْمالِ وَ مَكارِهَهُ مِنْها، لِتَتَّبِعُوا هذِهِ  وَ تَجْتَنِبُوا هذِهِ، فَاِنَّ رَسُولَ اللّهِ صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ كانَ يَقُولُ: اِنَّ الْجَنَّةَ حُفَّتْ بِالْمَكارِهِ، وَ اِنَّ النّارَ حُفَّتْ بِالشَّهَواتِ  وَاعْلَمُوا اَنَّهُ ما مِنْ طاعَةِ اللّهِ شَىْءٌ اِلاّ يَأْتِى فى كُرْه، وَ ما مِنْ مَعْصِيَةِ اللّهِ شَىْءٌ اِلاّ يَأْتى فى شَهْوَة

 

“จงใช้ประโยชน์จากคำสอนของพระผู้เป็นเจ้า ที่ได้ทรงสั่งสอนผู้คนทั้งหลายเอาไว้เถิด จงตอบรับข้อตักเตือนและคำแนะนำต่าง ๆ ของพระองค์ พร้อมทั้งน้อมรับข้อชี้แนะของพระองค์เถิด เพราะพระองค์ทรงใช้เหตุผลอันชัดแจ้งปิดประตูของการแก้ตัว (ที่ไร้เหตุผล) ของพวกท่าน อีกทั้งได้แสดงหลักฐานไว้ให้กับพวกท่านอย่างสมบูรณ์แล้ว พระองค์ได้ทรงสาธยายการกระทำที่พระองค์ทรงรักและสิ่งที่พระองค์ทรงรังเกียจไว้ให้กับพวกท่าน เพื่อให้พวกท่านทั้งหลายปฏิบัติตามในสิ่งที่พระองค์ทรงรักและออกห่างจากสิ่งที่พระองค์ทรงรังเกียจ อีกทั้ง จงฟังสิ่งที่ท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) ได้กล่าวไว้เสมอว่า : สวรรค์จะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางความเจ็บปวด และนรกจะซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตัวเอง พึงรู้เถิดว่า ไม่มีการภักดีใดที่ถูกใช้ให้ปฏิบัตินอกเสียจากว่าธรรมชาติของมนุษย์จะไม่พอใจที่จะปฏิบัติมันและไม่มีบาปใดนอกเสียจากว่าความบาปนั้นจะสอดคล้องกับอารมณ์ใฝ่ต่ำของมนุษย์”

 

فَرَحِمَ اللّهُ رَجُلاً نَزَعَ عَنْ شَهْوَتِهِ، وَ قَمَعَ هَوى نَفْسِهِ، فَاِنَّ هذِهِ النَّفْسَ اَبْعَدُ شَىْء مَنْزِعاً، وَ اِنَّها لا تَزالُ تَنْزِعُ اِلى مَعْصِيَة في هَوًى
 

“ด้วยเหตุนี้เอง ความเมตตาของพระผู้เป็นเจ้าจะอยู่กับผู้ที่หักห้ามอารมณ์ใฝ่ต่ำของตัวเอง พร้อมทั้งขจัดความปรารถนาอันต่ำช้าของตัวเองให้หมดสิ้นไป เพราะงานที่ยากที่สุด คือ การหักห้ามจิตใจที่พยศของตัวเองที่พร้อมจะมุ่งสู่การกระทำบาปอยู่เสมอ”

 


 

وَاعْلَمُوا عِبادَاللّهِ اَنَّ الْمُؤْمِنَ لا يُصْبِحُ وَ لا يُمْسى اِلاّ وَ نَفْسُهُ ظَنُونٌ عِنْدَهُ، فَلايَزالُ زارِياً عَلَيْها وَ مُسْتَزيداً لَها فَكُونُوا كَالسّابِقين قَبْلَكُمْ وَ الْماضينَ اَمامَكُمْ، قَوَّضُوا مِنَ الدُّنْيا تَقْويضَ الرّاحِلِ، وَ طَوَوْها طَىَّ الْمَنازِلِ

 

“โอ้ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ ให้รู้ไว้เถิดว่า ผู้ศรัทธาจะไม่ยอมไว้ใจตัวเองตลอดเวลาทั้งยามเช้าและยามค่ำ จะหาข้อบกพร่องของตัวเอง อีกทั้งยังค้นหาความสมบูรณ์แบบและเพิ่มพูนความดีงามของตนอยู่ตลอดเวลา ดังนั้น จงเป็นดั่งเช่นบรรพบุรุษที่เคยใช้ชีวิตก่อนหน้าพวกท่านเถิด ที่พวกเขาเป็นเหมือนนักเดินทางที่แบกเสาเพิงพักแห่งชีวิตของพวกเขาขึ้นบ่าและพร้อมที่จะเดินทางอยู่ตลอดเวลา พวกเขาเตรียมพร้อมเดินทางเคียงคู่ไปกับการประกอบคุณงามความดีและปลดปล่อยตัวเองให้พ้นจากการยึดติดอยู่กับความสวยงามของโลกแห่งวัตถุ”

 

وَاعْلَمُوا اَنَّ هذَا الْقُرْآنَ هُوَ النّاصِحُ الَّذى لايَغُشُّ، وَ الْهادِى الَّذى لا يُضِلُّ، وَالْمُحَدِّثُ الَّذى لا يَكْذِبُ وَ ما جالَسَ هذَا الْقُرْآنَ اَحَدٌ اِلاَّقامَ عَنْهُ بِزِيادَة اَوْ نُقْصان: زِيادَة فى هُدًى، اَوْ نُقْصان مِنْ عَمًى

 

“พึงรับรู้ถึงความประเสริฐของอัลกุรอานเถิด กุรอาน คือ ผู้ชี้แนะที่ไม่เคยหลอกลวง คือ ผู้ชี้นำที่ไม่เคยทำให้ผู้ใดหลงทาง เป็นผู้พูดที่ไม่เคยโกหก ผู้ใดก็ตามที่ผูกพันธ์อยู่กับอัลกุรอาน เขาจะยืนเคียงคู่กับการเพิ่มขึ้นและลดลงเสมอ นั่นคือ การได้รับข้อชี้แนะเพิ่มขึ้น ส่วนความโง่เขลาและหัวใจอันมืดบอดก็จะลดน้อยลง”

 


وَاعْلَمُوا اَنَّهُ لَيْسَ عَلى اَحَد بَعْدَ الْقُرْآنِ مِنْ فاقَة، وَ لا لاِحَد قَبْلَ الْقُرْآنِ مِنْ غِنًى فَاسْتَشْفُوهُ مِنْ اَدْوائِكُمْ، وَاسْتَعينُوا بِهِ عَلى لاَوائِكُمْ، فَاِنَّ فيهِ شِفاءً مِنْ اَكْبَرِ الدّاءِ وَ هُوَ الْكُفْرُ وَ النِّفاقُ وَ الْغَىُّ وَ الضَّلالُ فَاسْاَلُوا اللَّهَ بِهِ، وَ تَوَجَّهُوا اِلَيْهِ بِحُبِّهِ، وَلاتَسْاَلُوا بِهِ خَلْقَهُ، اِنَّهُ ما تَوَجَّهَ الْعِبادُ اِلَى اللّهِ بِمِثْلِهِ

 

“พึงรู้ไว้เถิดว่า ไม่มีผู้ใดที่จะยากจนและหมดหนทาง เมื่อเขามีกุรอานอยู่เคียงข้าง และไม่มีผู้ใดจะร่ำรวย ก่อนที่จะเขายอมรับกุรอาน ดังนั้น จงร้องขอจากกุรอานเพื่อให้รักษาโรคร้ายของพวกท่านเถิด และจงร้องขอจากกุรอานเพื่อให้พวกท่านได้มีชัยเหนือปัญหาและความยากลำบากทั้งหลาย เพราะในกุรอานนั้นมียารักษาโรคที่ร้ายแรงที่สุด นั่นก็คือโรคแห่งการปฏิเสธศรัทธา โรคแห่งการกลับกลอก และโรคแห่งการหลงทาง และจงร้องขอสิ่งที่พวกท่านต้องการจากอัลลอฮ์โดยผ่านกุรอานเถิด จงมุ่งสู่อัลลอฮ์ไปพร้อมกับความรักที่มีต่อกุรอานและจงอย่าได้ใช้กุรอานเป็นสื่อเพื่อร้องขอสิ่งใดจากผู้อื่นเลย (อีกทั้ง อย่าได้นำกุรอานมาเป็นเครื่องมือเพื่อไปสู่ความฝันทางโลกเลย) เพราะไม่มีสิ่งใดที่บ่าวใช้เป็นสะพานไปสู่พระผู้เป็นเจ้าที่มีเกียรติมากกว่ากุรอานอีกแล้ว”

 

وَاعْلَمُوا اَنَّهُ شافِعٌ مُشَفَّعٌ، وَ قائِلٌ مُصَدَّقٌ; وَ اَنَّهُ مَنْ شَفَعَ لَهُ الْقُرْآنُ يَوْمَ الْقِيامَةِ شُفِّعَ فيهِ، وَ مَنْ مَحَلَ بِهِ الْقُرْآنُ يَوْمَ الْقِيامَةِ صُدِّقَ عَلَيْهِ، فَاِنَّهُ يُنادى مُناد يَوْمَ الْقِيامَةِ: «اَلا اِنَّ كُلَّ حارِث مُبْتَلًى فى حَرْثِهِ وَ عاقِبَةِ عَمَلِهِ غَيْرَ حَرَثَةِ الْقُرْآنِ» فَكُونُوا مِنْ حَرَثَتِهِ وَ اَتْباعِهِ، وَاسْتَدِلُّوهُ عَلى رَبِّكُمْ، وَاسْتَنْصِحُوهُ عَلى اَنْفُسِكُمْ، وَ اتَّهِمُوا عَلَيْهِ آراءَكُمْ، وَاسْتَغِشُّوا فيهِ اَهْـــواءَكُـــمْ
 

“พึงรู้ไว้เถิดว่า กุรอาน คือ ผู้ให้การอนุเคราะห์ที่ถูกรับประกัน เป็นผู้พูดที่คำพูดได้รับการเชื่อถือเสมอ ผู้ใดก็ตามที่กุรอานให้การอนุเคราะห์เขาในวันกิยามะฮ์ก็จะได้รับความปลอดภัย ส่วนใครก็ตามที่กุรอานได้ฟ้องร้องเขาคำพูดของพยานที่ให้ร้ายเขาจะถูกตอบรับ


ในวันกิยามะฮ์ จะมีเสียงประกาศก้องว่า พึงรู้ไว้เถิดว่า วันนี้ทุกคนจะต้องได้รับการทรมานจากเมล็ดพันธ์ (แห่งความชั่ว) ที่ตัวเองปลูกเอาไว้ อีกทั้งจะได้รับผลของสิ่งที่ได้กระทำไว้ ยกเว้นคนที่ปลูกเมล็ดพันธ์แห่งอัลกุรอาน ดังนั้น จงเป็นผู้หว่านเมล็ดพันธ์แห่งกุรอานและเป็นผู้ปฏิบัติตามกุรอานเถิด จงใช้กุรอานไปสู่การรู้จักพระเจ้าและการให้กุรอานเป็นอุทาหรณ์ให้กับตัวเองเถิด ทุกครั้งที่ทัศนะของท่าน (ขัดแย้งกับกุรอาน) จงตำหนิตัวเองเถิด และหากความต้องการของตัวท่านเองขัดแย้งกับกุรอานก็ให้ถือว่าเป็นความต้องการที่ไม่ถูกต้อง”

 

الْعَمَلَ الْعَمَلَ! ثُمَّ النِّهايَةَ النِّهايَةَ! وَالاْ سْتِقامَةَ الاْ سْتِقامَةَ! ثُمَّ الصَّبْرَ الصَّبْرَ! وَ الْوَرَعَ الْوَرَعَ! اِنَّ لَكُمْ نِهايَةً فَانْتَهُوا اِلى نِهايَتِكُمْ، وَ اِنَّ لَكُمْ عَلَماً فَاهْتَدُوا بِعَلَمِكُمْ، وَ اِنَّ لِلاْسْلامِ غايَةً فَانْتَهُوا اِلى غايَتِهِ; وَ اخْرُجُوا اِلَى اللّهِ بِمَا افْتَرَضَ عَلَيْكُمْ مِنْ حَقِّهِ، وَ بَيَّنَ لَكُمْ مِنْ وَظائِفِهِ. اَنَا شاهِدٌ لَكُمْ، وَ حَجيجٌ يَوْمَ الْقِيامَةِ عَنْكُمْ. اَلا وَ اِنَّ الْقَدَرَ السّابِقَ قَدْ وَقَعَ، وَالْقَضاءَ الْماضِىَ قَدْ تَوَرَّدَ، وَ اِنّى مُتَكَلِّمٌ بِعِدَةِ اللّهِ وَ حُجَّتِهِ، قالَ اللّهُ تَعالى: «اِنَّ الَّذينَ قالُوا رَبُّنا اللّهُ ثُمَّ اسْتَقامُوا تَتَنَزَّلُ عَلَيْهِمُ الْمَلائِكَةُ اَلاّتَخافُوا وَ لاتَحْزَنُوا وَ اَبْشِرُوا بِالْجَنَّةِ الَّتى كُنتُمْ تُوعَدُونَ». وَ قَدْ قُلْتُمْ رَبُّنَا اللّهُ، فَاسْتَقيمُوا عَلى كِتابِهِ، وَ عَلى مِنْهاجِ اَمْرِهِ، وَ عَلَى الطَّريقَةِ الصّالِحَةِ مِنْ عِبادَتِهِ، ثُمَّ لاتَمْرُقُوا مِنْها، وَ لاتَبْتَدِعُوا فيها، وَلاتُخالِفُوا عَنْها، فَاِنَّ اَهْلَ الْمُرُوقِ مُنْقَطَعٌ بِهِمْ عِنْدَ اللّهِ يَوْمَ الْقِيامَةِ


เชิญชวนสู่การปฏิบัติ : "จงปฏิบัติ จงปฏิบัติ หลังจากนั้น ก็ให้มุ่งมั่นสู่จุดมุ่งหมาย มุ่งมั่นสู่จุดมุ่งหมาย จงยืนหยัด จงยืนหยัด ต่อจากนั้นให้อดทน จงอดทน จงเคร่งครัด เคร่งครัด (ในเรื่องศาสนา)

 

สำหรับพวกท่านมีความสำเร็จรออยู่แล้ว จงมุ่งไปสู่ความสำเร็จเถิด และสำหรับพวกท่านมีธงนำทางที่ถูกเตรียมไว้แล้ว จงใช้ธงนั้นนำพาตัวเองไปสู่ทางนำเถิด สำหรับศาสนาอิสลามนั้นมีเป้าหมายและความสำเร็จที่ถูกเตรียมไว้แล้ว จงมุ่งไปสู่อิสลามเถิด และจงมุ่งสู่พระผู้เป็นเจ้าด้วยกับการปฏิบัติตามคำสั่งใช้และหน้าที่ที่ถูกมอบหมายเอาไว้ให้แก่พวกท่านเถิด ฉันจะเป็นพยานให้กับการกระทำของพวกท่าน ในวันกิยามะฮ์ฉันจะเป็นตัวแทนพวกท่านเพื่อแสดงหลักฐาน (เกี่ยวกับการกระทำของพวกท่าน) เอง”

 

ثُمَّ اِيّاكُمْ وَ تَهْزيعَ الاَخْلاقِ وَ تَصْريفَها، وَاجْعَلُوا اللِّسانَ واحِداً، وَلْيَخْزُنِ الرَّجُلُ لِسانَهُ، فَاِنَّ هذَا اللِّسانَ جَمُوحٌ بِصاحِبِهِ، وَاللّهِ ما اَرى عَبْداً يَتَّقى تَقْوى تَنْفَعُهُ حَتّى يَخْزُنَ لِسانَهُ. وَ اِنَّ قطعاً لِسانَ الْمُؤْمِنِ مِنْ وَراءِ قَلْبِهِ، وَ اِنَّ قَلْبَ الْمُنافِقِ مِنْ وَراءِ لِسانِهِ،لانَّ الْمُؤْمِنَ اِذا اَرادَ اَنْ يَتَكَلَّمَ بِكَلام تَدَبَّرَهُ فى نَفْسِهِ، فَاِنْ كانَ خَيْراً اَبْداهُ، وَ اِنْ كانَ شَرًّا واراهُ. وَ اِنَّ الْمُنافِقَ يَتَكَلَّمُ بِما اَتى عَلى لِسانِهِ، لايَدْرى ماذا لَهُ وَ ماذا عَلَيْهِ. وَ لَقَدْ قالَ رَسُولُ اللّهِ صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ: «لايَسْتَقيمُ ايمانُ عَبْد حَتّى يَسْتَقيمَ قَلْبُهُ، وَلايَسْتَقيمُ قَلْبُهُ حَتّى يَسْتَقيمَ لِسانُهُ». فَمَنِ اسْتَطاعَ مِنْكُمْ اَنْ يَلْقَى اللّهَ تَعالى وَ هُوَ نَقِىُّ الرّاحَةِ مِنْ دِماءِ الْمُسْلِمينَ وَ اَمْوالِهِمْ، سَليمُ اللِّسانِ مِنْ اَعْراضِهِمْ فَلْيَفْعَلْ
 

ข้อแนะนำสำหรับผู้คนทั้งหลาย : “พีงรู้ไว้เถิดว่า สิ่งที่ถูกกำหนดไว้ก่อนหน้านั้นมันเกิดขึ้นแล้ว และความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าตั้งแต่อดีตในที่สุดก็เกิดขึ้นแล้ว ฉันจะขอเป็นผู้พูดที่ยึดตามคำสัญญาและหลักฐานของพระองค์ ที่ตรัสว่า บรรดาพวกที่กล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา คือ อัลลอฮ์ แล้วพวกเขาก็ตั้งมั่นและยืนหยัด (อยู่บนคำพูดนั้น) บรรดาทูตสวรรค์จะลงมาหาพวกเขา (และจะกล่าวว่า) อย่ากลัวและอย่าเสียใจไปเลย และจะแจ้งข่าวดีกับพวกเขาถึงสวรรค์ที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้ เมื่อพวกท่านกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของเรา คือ อัลลอฮ์ ดังนั้น ก็จงยืนหยัดอยู่บนการปฏิบัติตามคำสั่งใช้ที่มีอยู่ในคัมภีร์ของพระองค์ และให้ยึดมั่นอยู่ในหนทางที่พระองค์ทรงสั่งและหนทางแห่งการทำดีซึ่งนั่นก็คือการเคารพภักดีต่อพระองค์นั่นเอง พวกท่านอย่าทำตัวออกห่างจากคำสอน อีกทั้งอย่าได้ทำอุตริกรรมใดๆ ในคำสอนและอย่าได้หันเหออกจากหนทางของพระองค์เลย เพราะคนที่ออกห่างจากคำสอนของพระองค์ในวันกิยามะฮ์จะถูกตัดขาดจากความเมตตาของพระองค์ และจงระวัง อย่าได้ทำลายมารยาทอันงดงามและอย่าได้แปรเปลี่ยนมารยาทอันงดงามให้กลายเป็นความเคยชินที่เลวร้าย


จงยืนหยัดบนคำพูดที่สัจจริงเถิด บุรุษต้องระวังลิ้นของตัวเอง เพราะลิ้นที่พยศจะทำให้เจ้าของได้รับอันตรายได้ ขอสาบานต่อพระผู้เป็นเจ้า ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่า บ่าวคนหนึ่งที่ไม่ระวังคำพูดของตัวเองจะมีความยำเกรงที่ให้ประโยชน์


ลิ้นของผู้ศรัทธาจะอยู่เบื้องหลังหัวใจ ส่วนหัวใจและสติของคนหน้าไหว้หลังหลอกจะอยู่หลังลิ้น หมายถึงทุกครั้งที่ผู้ศรัทธาต้องการจะพูดสิ่งใดจะคิดใคร่ครวญเสียก่อน ถ้าเป็นสิ่งดี ก็จะเปิดเผยคำพูดนั้นออกมา แต่ถ้ามันเป็นสิ่งไม่ดีและน่ารังเกียจจะปกปิดมันเอาไว้ ส่วนคนหน้าไหว้หลังหลอกคิดอะไรได้ก็จะพูดออกมา โดยที่ก่อนหน้านั้นไม่ได้คิดใคร่ครวญเลยว่าสิ่งใดมีประโยชน์หรือสิ่งใดให้โทษกับตัวเอง ท่านศาสนทูต (ศ็อล ฯ) กล่าวว่า : อีหม่านของบ่าวคนหนึ่งจะไม่สมบูรณ์และมั่นคงจนกว่าหัวใจของเขาจะมั่นคง และหัวใจของเขาจะไม่มั่นคงจนกว่าคำพูดของเขาจะมั่นคง


ใครก็ตามในหมู่พวกท่านที่มีความสามารถจะทำให้ตัวเองพบกับพระผู้เป็นเจ้าด้วยมืออันบริสุทธิ์ที่ไม่ได้ทำลายเลือดเนื้อและทรัพย์สินของมุสลิมอีกทั้งไม่ใช้ลิ้นทำลายเกียรติยศของผู้ใด ก็จงทำเถิด”

 

وَاعْلَمُوا عِبادَ اللّهِ اَنَّ الْمُؤْمِنَ يَسْتَحِلُّ الْعامَ مَا اسْتَحَلَّ عاماً اَوَّلَ، وَ يُحَرِّمُ الْعامَ ما حَرَّمَ عاماً اَوَّلَ. وَ اَنَّ ما اَحْدَثَ النَّاسُ لايُحِلُّ لَكُمْ شَيْئاً مِمّا حُرِّمَ عَلَيْكُمْ، وَلكِنَّ الْحَلالَ ما اَحَلَّ اللّهُ، وَ الْحَرامَ ما حَرَّمَ اللّهُ. فَقَدْ جَرَّبْتُمُ الاُمُورَ وَ ضَرَّسْتُمُوها، وَ وُعِظْتُمْ بِمَنْ كانَ قَبْلَكُمْ، وَ ضُرِبَتِ الاَمْثالُ لَكُمْ، وَ دُعيتُمْ اِلَى الاَمْرِ الْواضِحِ، فَلايَصَمُّ عَنْ ذلِكَ اِلاّ اَصَمُّ، وَ لايَعْمى عَنْ ذلِكَ اِلاّ اَعْمى، وَ مَنْ لَمْ يَنْفَعْهُ اللّهُ بِالْبَلاءِ وَ التَّجارِبِ لَمْ يَنْتَفِعْ بِشَىْء مِنَ الْعِظَةِ، وَ اَتاهُ التَّقْصيرُ مِنْ اَمامِهِ حَتّى يَعْرِفَ ما اَنْكَرَ، وَ يُنْكِرَ ما عَرَفَ.وَ اِنَّمَا النّاسُ رَجُلانِ: مُتَّبِعٌ شِرْعَةً، وَ مُبْتَدِعٌ بِدْعَةً لَيْسَ مَعَهُ مِنَ اللّهِ سُبْحانَهُ بُرْهانُ سُنَّة وَ لا ضِياءُ حُجَّة
 

ห้ามการทำอุตริกรรม : “โอ้ปวงบ่าวของอัลลอฮ์ พึงรู้ไว้เถิดว่า ผู้ศรัทธา คือ คนที่ยึดเอาสิ่งที่ท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) เคยถือเป็นฮะลาลตั้งแต่แรก ให้เป็นที่อนุมัติสำหรับเขาจนถึงปัจจุบันและยึดเอาสิ่งที่เป็นฮะรอมตั้งแต่เริ่มต้นเป็นสิ่งฮะรอมจนถึงปัจจุบัน ส่วนสิ่งที่ประชาชนทำอุตริขึ้นนั้นเป็นฮะรอมสำหรับท่าน จะไม่มีวันเป็นสิ่งฮะลาลได้แม้เพียงเศษเสี้ยวหนึ่งก็ตาม ส่วนฮะลาลก็คือ สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าอนุญาตให้กระทำได้ และฮะรอมก็คือ สิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้ห้ามไว้ ในกิจการและเหตุการณ์ต่าง ๆ ท่านได้รับการถ่ายทอดประสบการณ์มาแล้ว และท่านได้รับบทเรียนและอุทาหรณ์สอนใจจากสภาพการณ์ต่าง ๆ ของชนรุ่นก่อนแล้ว พวกเขาได้แสดงตัวอย่างให้ท่านเห็นและพวกท่านถูกเรียกร้องไปสู่สิ่งที่เป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สุด ดังนั้น สิ่งที่เสียงของมันดังก้องกังวาลไปทั่ว นอกจากคนหูหนวกเท่านั้นที่จะไม่ได้ยินเสียง และเป็นเรื่องชัดเจนและชัดแจ้งที่นอกจากคนที่ตาบอดเท่านั้นที่จะมองไม่เห็นผู้ที่บททดสอบและประสบการณ์ต่างๆ ที่อัลลอฮ์มอบให้ไม่เป็นประโยชน์สำหรับเขา ก็จะไม่ได้รับประโยชน์จากคำสอนต่าง ๆ เลย เขาจะเป็นผู้ไม่มีวิสัยทัศน์และผู้ไร้ความคิด จนทำให้เห็นร้ายเป็นดี และเห็นดีเป็นร้าย ประชาชนมีอยู่สองกลุ่มเท่านั้น กลุ่มหนึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตามหลักคำสอนและหลักการศาสนา อีกกลุ่มเป็นผู้สร้างอุตริกรรมที่ไม่มีหลักฐานใดจากอัลลอฮ์และแบบฉบับใดของท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) อีกทั้งเหตุผลใด ๆ มายืนยันเลย”

 

وَ اِنَّ اللّهَ سُبْحانَهُ لَمْ يَعِظْ اَحَداً بِمِثْلِ هذَا الْقُرْآنِ، فَاِنَّهُ حَبْلُ اللّهِ الْمَتينُ وَ سَبَبُهُ الاَمينُ، وَ فيهِ رَبيعُ الْقَلْبِ وَ يَنابيعُ الْعِلْمِ، وَ ما لِلْقَلْبِ جَلاءٌ غَيْرُهُ، مَعَ اَنَّهُ قَدْ ذَهَبَ الْمُتَذَكِّرُونَ، وَ بَقِىَ النّاسُونَ اَوِ الْمُتَناسُونَ. فَاِذا رَاَيْتُمْ خَيْراً فَاَعينُوا عَلَيْهِ، وَ اِذا رَاَيْتُمْ شَرًّا فَاذْهَبُوا عَنْهُ، فَاِنَّ رَسُولَ اللّهِ صَلَّى اللّهُ عَلَيْهِ وَ آلِهِ كانَ يَقُولُ
«يَا بْنَ آدَمَ، اِعْمَلِ الْخَيْرَ وَ دَعِ الشَّرَّ فَاِذا اَنْتَ جَوادٌ قاصِدٌ»

 

“กุรอาน คัมภีร์แห่งอัลลอฮ์ อัลลอฮ์ไม่ได้สั่งสอนผู้ใดนอกเหนือจากสิ่งที่ถูกกล่าวไว้ในกุรอานเลย เพราะกุรอาน คือ สายเชือกของพระเจ้า เป็นสิ่งที่จะสร้างความปลอดภัย ในกุรอานมีสิ่งที่จะสร้างความชุ่มชื่นให้กับหัวใจ มีสายน้ำแห่งวิทยาการ ไม่มีสิ่งใดจะสร้างแสงสว่างให้กับหัวใจ ยกเว้น กุรอาน โดยเฉพาะในสังคมที่ผู้ที่มีหัวใจตื่นทั้งหลายและเหลือแต่ผู้ที่หลงลืมและคนแกล้งลืม ที่ไหนมีการทำความดีก็จงช่วยเหลือเถิด และที่ใดที่ท่านเห็นความเลวร้ายก็จงออกห่างเถิด เพราะท่านศาสดา (ศ็อล ฯ) ได้กล่าวไว้ว่า :โอ้มนุษย์ทั้งหลาย จงทำความดีและหลีกเลี่ยงการทำความชั่ว ถ้าพวกท่านได้เช่นนี้ท่านก็จะอยู่ในสายทางแห่งความเที่ยงตรง (หนทางแห่งการได้เข้าใกล้ชิดพระผู้เป็นเจ้า)”

 

اَلا وَ اِنَّ الظُّلْمَ ثَلاثَةٌ: فَظُلْمٌ لايُغْفَرُ، وَ ظُلْمٌ لايُتْرَكُ، و ظُلْمٌ مَغْفُورٌ لايُطْلَبُ. فَاَمَّا الظُّلْمُ الَّذى لايُغْفَرُ فَالشِّرْكُ بِاللّهِ، قالَ اللّهُ تَعالى: «اِنَّ اللّهَ لايَغْفِرُ اَنْ يُشْرَكَ بِهِ.» وَ اَمَّا الظُّلْمُ الَّذى يُغْفَرُ فَظُلْمُ الْعَبْدِ نَفْسَهُ عِنْدَ بَعْضِ الْهَناتِ. وَ اَمَّا الظُّلْمُ الَّذى لايُتْرَكُ فَظُلْمُ الْعِبادِ بَعْضِهِمْ بَعْضاً. الْقِصاصُ هُناكَ شَديدٌ، لَيْسَ هُوَ جَرْحاً بِالْمُدى، وَ لاضَرْباً بِالسِّياطِ، وَلكِنَّهُ ما يُسْتَصْغَرُ ذلِكَ مَعَهُ. فَاِيّاكُمْ وَالتَّلَوُّنَ فى دينِ اللّهِ، فَاِنَّ جَماعَةً فيما تَكْرَهُونَ مِنَ الْحَقِّ خَيْرٌ مِنْ فُرْقَة فيما تُحِبُّونَ مِنَ الْباطِلِ، وَ اِنَّ اللّهَ سُبْحانَهُ لَمْ يُعْطِ اَحَداً بِفُرْقَة خَيْراً مِمَّنْ مَضى وَ لا مِمَّنْ بَقِىَ
 

“พึงรับรู้ถึงความอธรรมเถิด ความอธรรมนั้นมีสามแบบ ความอธรรมที่ไม่มีวันได้รับการอภัยโทษเป็นอันขาด ความอธรรมที่มีบทลงโทษอย่างแน่นอนและความอธรรมที่ถูกยกเว้นและไม่ถูกสอบสวน ส่วนอธรรมที่ไม่มีวันได้รับการอภัยโทษ คือ การตั้งภาคีต่อพระผู้เป็นเจ้า อัลลอฮ์ทรงตรัสว่า พระองค์ไม่มีวันให้อภัยผู้ที่ตั้งภาคีเป็นอันขาด ส่วนความอธรรมที่ได้รับการยกเว้น คือ ความอธรรมที่เกิดจากการที่บ่าวคนหนึ่งทำบาปกับตัวเขาเอง ส่วนความอธรรมที่มีบทลงโทษอย่างแน่นอน คือ การที่ผู้หนึ่งกดขี่ผู้อื่น บทลงโทษที่นั้นร้ายแรงมาก ไม่ใช่ (บทลงโทษ) ของการทำให้ผู้อื่นได้รับบาดแผลด้วยมีดหรือการตบหน้าธรรมดา แต่เป็นการลงโทษที่ทำให้สิ่งที่กล่าวมานี้ทั้งหมดดูเล็กน้อยไปเลย อย่าได้เป็นแปรเปลี่ยนในศาสนาของอัลลอฮ์ เพราะความสามัคคีและความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรมที่พวกท่านรังเกียจดีกว่าความแตกแยกในเรื่องที่เป็นโมฆะที่พวกท่านชื่นชอบ เพราะอัลลอฮ์ไม่เคยประทาน (โปรดปราน)ใด เพราะความแตกแยกให้กับผู้คนทั้งในอดีตและปัจจุบัน”

 

اَيُّهَا النّاسُ، طُوبى لِمَنْ شَغَلَهُ عَيْبُهُ عَنْ عُيُوبِ النّاسِ، وَ طُوبى لِمَنْ لَزِمَ بَيْتَهُ، وَ اَكَلَ قُوتَهُ، و اشْتَغَلَ بِطاعَةِ رَبِّهِ، وَ بَكى عَلى خَطيئَتِهِ، فَكانَ مِنْ نَفْسِهِ فى شُغُل، وَ النَّاسُ مِنْهُ في راحَـة
 

ความจำเป็นในการเชื่อฟังพระเจ้า : “โอ้ประชาชนทั้งหลาย ขอแสดงความยินดีกับคนที่คอยหาจุดบกพร่องของตัวเอง จนทำให้ไม่ได้ไปสนใจกับความบกพร่องของคนอื่น และขอแสดงความยินดีกับคนที่คอยดูแลครอบครัวตัวเอง ใช้สอยสิ่งที่ตัวเองหามาได้ ปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าตลอดเวลา ตำหนิการทำความผิดของตัวเอง สาละวนอยู่กับการฝึกฝนตนเองตลอดเวลา และเป็นผู้ที่คนทั่วไปปลอดภัยจาก (ความชั่วร้าย) ของเขา.

 

 

แปลและเรียบเรียง :  วรากร ประดับญาติ

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม