เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

การขออภัยโทษต่อพระเจ้า (เตาบะฮ์) ตอนที่ 3

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5


การขออภัยโทษต่อพระเจ้า (เตาบะฮ์) ตอนที่ 3

 

ที่สุดของการขออภัยโทษ คือ การขจัดสิ่งโสมมทั้งหมดให้ออกไปจากใจ

 

การขอเตาบะฮ์จากอัลลอฮ์ จากการทำบาปทั้งหลายที่เราเคยกระทำ โดยส่วนใหญ่มักจะเน้นถึงสิ่งที่ได้สำแดงออกมาเป็นรูปธรรม เช่น การใช้สายตามองในสิ่งที่เป็นบาป , การใช้มือทำสิ่งที่เป็นบาป เช่นการลักขโมย , การใช้หูฟังในสิ่งที่เป็นบาป , การใช้ปากนินทาว่าร้าย โกหก, การพาตัวเองเข้าไปในที่ที่ไม่เหมาะสม เช่น สถานที่อโคจร ,สถานอบายมุข แหล่งมั่วสุมต่างๆ การรับประทานอาหารที่เป็นฮารอม การผิดประเวณี แต่เรามองข้ามการเตาบะฮ์อีกชนิดหนึ่งไป ซึ่งเป็นการเตาบะฮ์ในอีกระดับขั้นนึง เป็นการเตาบะฮ์ในระดับขั้นที่สูงขึ้นและละเอียดขึ้น ซึ่งก็คือเตาบะฮ์ในเรื่องของจิตวิญญาน ด้านจริยศาสตร์ (อัคลาก) เตาบะฮ์จากสิ่งสกปรกโสมมที่มันเกาะกุมอยู่กับหัวใจ เช่นการหลงดุนยา หลงในชื่อเสียงเกียรติยศ ยศฐาบรรดาศักดิ์ ความโลภ ความอิจฉาริษยา ความหยิ่งยโสโอหัง ความทะนงตน ความโอ้อวด ความอยากที่ไม่มีที่สิ้นสุด ความหลงตัวเอง ฯลฯ

 

ฝุ่นละอองชนิดที่หนาที่สุดที่เกาะกุมหัวใจของเราก็คือ การหลงดุนยา “ดุนยา”ในที่นี้มิได้หมายถึง ป่าไม้,ทะเล,ภูเขา,ท้องฟ้า,ทะเลทราย หมู่เกาะ หรือธรรมชาติ เพราะสิ่งดังกล่าวเหล่านี้ อาจทำให้เราเห็นความยิ่งใหญ่และวิทยปัญญาอันล้ำเลิศของพระองค์ การหลงดุนยาในที่นี้หมายถึงการยึดติด การหลงในโลกแห่งวัตถุ เช่น ต้องมีบัานใหญ่ๆอยู่ ต้องมีรถหรูขับ ต้องมีเครื่องประดับราคาแพง ต้องมีเสื้อผ้าแบรนด์เนมใส่ ต้องกินแต่ร้านอาหารหรู ต้องมีในสิ่งที่คนอื่นไม่มี เอาไว้ยกระดับอีกทั้งโอ้อวดวิถีชีวิตตนเองเพื่อให้คนในสังคมยอมรับ แต่ดุนยาไม่ใช่เพียงแค่นั้น นอกจากการหลงดุนยาในสิ่งที่เป็นวัตถุแล้ว การหลงในอำนาจ เกียรติยศ ชื่อเสียง ตำแหน่ง ยศฐาบรรดาศักดิ์ ก็เรียกว่าการหลงดุนยาเช่นกัน บางคนพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากสังคม เรายินดีเสียเหลือเกินที่มีคนมาให้ความเคารพนบนอบ เรายินดีที่จะใช้อำนาจที่เรามีทำในสิ่งที่ได้เปรียบผู้อื่น เรายินดีเวลาที่มีคนขานชื่อและตำแหน่งหรือยศของเราในการทำกิจกรรมหรือกิจการต่างๆ เราภาคภูมิใจกับการที่มีชื่อเราติดอยู่ในผลงานต่างๆเพื่อให้คนมาชื่นชม แม้กระทั่งบุคคลที่อยู่ในวิถีทางของศาสนา หากอิ่มเอิบกับเสียงยกย่องชื่นชม นั่นหมายถึงเรากำลังหลงดุนยา เรามิได้ทำเพื่อพระองค์อย่างแท้จริง

 

แต่การหลงในดุนยาที่ลึกลงไปกว่าดุนยาที่เป็นด้านวัตถุที่เรามองเห็นด้วยสายตา คือคุณลักษณะที่ไม่ดีต่างๆที่เกิดขึ้นภายในหัวใจของเรา ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอุปสรรคในการเดินทางไปสู่ความใกล้ชิดยังพระผู้เป็นเจ้าและหนทางไปสู่ความผาสุกที่แท้จริง ถ้าหากเราไปยึดติดกับมัน ไปผูกพันกับมัน เราปล่อยให้ความโลภ ความอยาก ความหลงในชื่อเสียง ความอิจฉาริษยามาเกาะกุมหัวใจเรา เราก็ต้องทำการเตาบะฮ์ชำระล้างจิตใจเพื่อขจัดสิ่งโสมมเหล่านี้ออกไปจากหัวใจเสียก่อน เปรียบเสมือนการขจัดสิ่งสกปรกออกไปจากหัวใจ เพื่อปูทางเตรียมความพร้อมที่จะเดินทางโบยบินไปสู่พระองค์

 

เช่นเดียวกับในเรื่องของการยึดติดในโลกดุนยา มิได้หมายความว่าจะให้เราละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างในโลกดุนยา ละทิ้งหน้าที่ต่อครอบครัวและหน้าที่ต่อสังคม เพียงแต่เราต้องรู้จักใช้ประโยชน์จากสิ่งต่างๆอยู่ในโลกดุนยา แต่อย่าไปหลง อย่าไปยึดติด อย่าไปเป็นทาสให้มันมาครอบงำจิตใจเรา พูดให้เข้าใจง่ายๆก็คือใช้มันได้แต่อย่าไปยึดติดกับมัน และการที่ใครคนหนึ่งมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ดูแลครอบครัว ช่วยเหลือคนที่ยากไร้ ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหลงดุนยา ต้องดูที่การใช้ และจุดประสงค์ในการใช้ บางคนมีทรัพย์สินเงินทองมากมายแต่เขาใช้ไปในหนทางของพระองค์ บางคนไม่ได้มีทรัพย์สินอะไร ไม่ได้ร่ำรวยอะไร แต่ถ้ายึดติดในสิ่งที่มีอยู่น้อยนิดนั้น ก็ถือว่าหลงดุนยา หากเราต้องการจะไปถึงแก่นแท้ของความผาสุกที่แท้จริง เราจำเป็นต้องรักษาโรคร้ายพวกนี้ออกไปจากหัวใจของเราให้หมดเสียก่อน เราต้องเริ่มด้วยการเตาบะฮ์ต่อพระองค์อย่างแท้จริง และเพียงแค่การสำนึกผิดยังคงไม่เพียงพอ หัวใจนี้ยังต้องรักอัลลอฮ์อย่างสนิทใจ ต้องมีพระองค์อยู่ทุกห้วงคำนึง ต้องไม่เห็นสิ่งใดนอกจากพระองค์ ต้องไม่หลงลืมพระองค์ ต้องทำให้บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพระองค์ ต้องทำให้หัวใจเราสะอาดบริสุทธิ์ เพราะเมื่อใดก็ตามที่เราสามารถขจัดสิ่งสกปรกทางจิตวิญญาณ เปลี่ยนแปลงบ้านให้หลุดพ้นออกจากสิ่งโสมมทั้งปวง บ้านหลังนี้จึงจะเป็นบ้านของพระองค์อย่างแท้จริง

 

ต้องเปลี่ยนหัวใจที่เคยหลงดุนยา ให้มาเป็นหัวใจที่รักพระองค์ให้ได้ และถ้าหากอยากรู้ว่าเรารักพระองค์จริงหรือไม่ มี2สิ่งที่จะพิสูจน์ได้ คือ


1. คนที่เขารักใครอย่างแท้จริงเขาจะไม่เห็นสิ่งอื่นใดนอกจากคนรักของเขา จะทำสิ่งใดอยู่ในอิริยาบถไหนก็จะคิดถึงแต่คนรักของเขา


 2. มันจะมีความร้อนที่แผดเผาในการอยากเห็นคนรักอยู่ตลอด ความรักที่แท้จริงมันโหยหา อยากจะเห็นอยากอยู่ใกล้ (เหมือนกับหนุ่มสาวที่มีคำเปรียบเปรยว่า แม้มิได้เห็นหน้าแต่ได้เห็นหลังคาบ้านก็ยังดี) เหมือนกับที่บรรดาอิมามท่านรอคอยเวลานมาซ เพราะท่านรักอัลลอฮ์ ท่านรอคอยเวลาที่จะได้อิ่มเอมในการสนทนากับพระองค์ และความสงบมั่นในหัวใจในการเข้าเฝ้าพระองค์ ลองหันกลับมาถามตัวเองว่าเหตุใดเมื่อถึงเวลานมาซ เสียงอาซานดังขึ้นเราก็ยังไม่ลุก ทำไมเราถึงยังไม่กระตือรือร้นที่จะได้รับเกียรติในการเข้าเฝ้าพระองค์ ทำไมเราถึงไม่อยากอยู่ใกล้ชิดพระองค์ ทำไมเรายังไม่รู้สึกถึงความแผดเผาและความโหยหานั้น นั่นอาจเป็นเพราะเรายังไม่รักพระองค์อย่างแท้จริง

 

ในบทวิงวอนหนึ่งท่านอิมามซัยนุอาบิดีนได้รำพันไว้ว่า : โอ้ข้าแต่อัลลอฮ์ มีบ้างไหม คนที่เคยที่สัมผัสถึงความหวานชื่นในความรักที่มีต่อพระองค์แล้วยังยอมที่จะแลกกับสิ่งอื่นอีก! ดังนั้นที่สุดของเตาบะฮ์ก็คือ เปลี่ยนหัวใจที่เคยมืดมนและหลับใหล มาเป็นหัวใจที่เปี่ยมไปด้วยความรักที่มีต่อพระองค์ แล้วเขาจะกลายเป็นผู้ที่พระองค์ทรงรัก เพราะพระองค์ทรงรักผู้ที่กลับตัวกลับใจอย่างแท้จริง...

 


รียบเรียงโดย จิตรา อินทร์เพ็ญ


บทความโดย เชคกอซิม อัสกะรี

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม