ตัฟซีรอัลกุรอาน โองการที่ 38 บทยูนุส

 

อัลกุรอาน โองการนี้ประกาศความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน และกล่าวท้าทายทุกคนที่มีความสงสัยในอัลกุรอาน โองการกล่าว

 

 أَمْ يَقُولُونَ افْتَرَاهُ قُلْ فَأْتُوا بِسُورَةٍ مِثْلِهِ وَادْعُوا مَنِ اسْتَطَعْتُم مِّن دُونِ اللَّهِ إِن كُنتُمْ صَادِقِينَ‏

 

คำแปล  :

 

38. หรือพวกเขากล่าว่า เขามุสาว่าอัลกุรอานมาจากพระเจ้า จงกล่าวเถิด ดังนั้น จงนำมาสักบทหนึ่งเยี่ยงนั้น และนอกเหนือจากอัลลอฮฺแล้ว จงเรียกร้องผู้อื่นให้มาช่วยตามที่เจ้ามีความสามารถ ถ้าสูเจ้าสัตย์จริง

 

คำอธิบาย :

 

1. อัลกุรอาน โองการนี้ได้ชี้ให้เห็นถึง ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน โดยถือว่าอัลกุรอานทุกบทเป็นปาฏิหาริย์ ขณะที่บางโองการกล่าวถึงการท้าท้าย การต่อสู้ และความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน โดยสัมพันธ์ไปยังอัลกุรอานทั้งหมด หรือสัมพันธ์ไปยังบางบทของอัลกุรอาน สิ่งนี้ย่อมแสดงให้เห็นว่าอัลกุรอานทั้งหมด หรือบางโองการ และบางบทล้วนเป็นปาฏิหาริย์ทั้งสิ้น (1)

 

2. การท้าทายของอัลกุรอาน หรือที่เรียกว่า (ตะฮัดดีย์) นั่นเอง อัลกุรอานได้ท้าทายกลุ่มขนที่เป็นปรปักษ์หรือขัดแย้งกับอัลกุรอาน ทว่าได้ท้าทายคนทั้งโลกในมาต่อสู้กับอัลกุรอาน ถ้าหากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริงให้นำเยี่ยงอัลกุรอานมาสัก 1 บท

 

3. ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอานไม่ได้ระบุเจาะจงในช่วงเวลา สถานที่ หรือเฉพาะประชาชาติใดประชาชาติหนึ่งเท่านั้น ทว่าท้าทายในทุกยุคทุกสมัยและทุกสถานที่ไม่จำกัดประชาชาติด้วยซ้ำไป และนี่คือคำสิ่งมหัศจรรย์อันเป็นอมตะของอิสลาม

 

4. อัลกุรอาน ท้าทายประชาชาติทุกหมู่เหล่าไม่ว่าจะได้รับการศึกษาหรือไม่ หรือเป็นผู้เชียวชาญด้านอักษรศาสตร์ภาษาอาหรับก็ตาม การท้าทายของอัลกุรอานนั้นจริงจังเมื่อรู้ว่ามนุษย์ทำไม่ได้ก็ลดจำนวนให้ เช่น กล่าวว่าจงนำสิ่งที่คล้ายอัลกุรอานมา หรือนำเยี่ยงอัลกุรอานมาสัก 1 บทก็พอ

 

5.บรรดาผู้ตั้งภาคีเทียบเคียงชาวอาหรับ บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา บรรดาผู้มีความขัดแย้งและบรรดาศัตรูของอิสลาม จวบจนถึงปัจจุบันนับเป็นเวลานานเกินกว่า 14 ศตวรรษแล้ว ที่พวกเขาได้ต่อสู้กับมุสลิมและอิสลาม สูญเสียงบประมาณด้านการสงครามไปเป็นจำนวนมหาศาล สูญเสียกำลังพลและทุนมนุษย์มากมาย แต่พวกเขาก็ไร้ความสามารถที่จะนำสิ่งเยี่ยงอัลกุรอานมาแสดงสัก 1 บท ทั้งที่ดูจากภายนอกแล้วสิ่งนี้ไม่ต้องใช้งบประมาณจำนวนมหาศาลเหล่านั้นแต่อย่างใด ง่ายและไม่ต้องสูญเสียงบประมาณ

 

กล่าวคือ หลายต่อหลายครั้งที่พวกเขาพยายามนำสิ่งเยี่ยงอัลกุรอานมา แต่ก็พบกับความพ่ายแพ้กลับไป และด้วยเหตุนี้เอง สิ่งย่อมเป็นเหตุผลที่ยืนยันถึงความมหัศจรรย์ที่เหนือกว่าและความสัจจริงของอัลกุรอาน

 

ความพยายามล่าสุดของผู้ไม่หวังดีกับอิสลามเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 2007 โดยนักวิชาการชาวอเมริกากลุ่มหนึ่ง พวกเขาพยายามประดิษฐ์สิ่งที่คล้ายกับอัลกุรอานขึ้นมาประมาณ 3-4 บท นามว่า ตะยัซซุดอีมาน และส่งเผยแผ่ทางอินเตอร์เน็ตได้ระยะหนึ่ง แต่ได้รับการโต้ตอบอย่างทันท่วงทีโดยนักวิชาการอิสลามทั้งจากอียิปต์และอิหร่าน ทำให้พวกเขาถอดถอนสิ่งนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว

 

6. ความมหัศจรรย์ของอัลกุรอานมีหลายมิติด้วยกัน ซึ่งบรรดานักอรรถาธิบายอัลกุรอาน ได้สาธยายไว้โดยละเอียด เช่น ความมหัศจรรย์ด้าน วาทศิลป์และสำนวนโวหาร  มีคำพูดที่ไพเราะเพราะพริ้ง มีการตีความอย่างชัดแจ้ง มีการแสดงออกด้านวิชาการศาสนา และวิชาการในศาสตร์อื่นซึ่งในช่วงนั้นยังไม่มีการค้นพบ แสดงกฎหมายและพระราชกฤษฎีกา ตลอดจนประวัติศาสตร์ของชนก่อนหน้านั้น ห่างไกลจากความผิดพลาดทั้งปวงและการเปลี่ยนแปลง ไม่มีความขัดแย้งกัน ไม่มีความแตก และไม่มีการต่อต้านกันในอัลกุรอาน ยังคงปาฏิหาริย์ด้านความรู้และวิชาการและระบบต่างๆ ทั้งหมดเหล่านี้เป็นมิติต่างๆ แห่งความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดผ่านบุรุษผู้หนึ่งที่อ่านไม่ออกเขียนไม่เป็น

 

บทเรียนจากโองการ :

 

1. อัลกุรอานคือความสัตย์จริงและเป็นสิ่งมหัศจรรย์ เหตุผลก็คือ ศัตรูไร้ความสามารถในการนำสิ่งเยี่ยงอัลกุรอานมาแสดง

 

2. บรรดาศัตรูอิสลามและอัลกุรอาน ได้ถูกท้าทายให้นำสิ่งที่คล้ายอัลกุรอานออกมา เพื่อจะได้พิสูจน์ความไร้สามารถของพวกเขา และความมหัศจรรย์ของอัลกุรอาน

 

เชิงอรรถ

 

1.อัลกุรอาน บทบะเกาะเราะฮ์ โองการที่23, บทฮูด โองการที่13

 

ที่มา เว็บไซต์อัชชีอะฮ์