ตัฟซีรอัลกุรอาน โองการที่ 41 บทยูนุส

 

อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึงหนทางต่อสู้ในเชิงลบ และการดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบกับบรรดาผู้ตั้งภาคีเทียบเคียงทั้งหลาย โองการกล่าวว่า

 

وَإِن كَذَّبُوكَ فَقُل لِي عَمَلِي وَلَكُمْ عَمَلُكُمْ أَنتُم بَرِيئُونَ مِمَّا أَعْمَلُ وَأَنَا بَرِي‏ءٌ مِمَّا تَعْمَلُونَ‏

 

คำแปล :

 

41. และถ้าพวกเขาปฏิเสธเจ้า (ไม่ยอมเชื่อถือ) จงกล่าวเถิด  “การงานของฉันเป็นของฉัน และการงานของพวกท่านเป็นของพวกท่าน  พวกท่านไม่ต้องรับผิดชอบสิ่งที่ฉันกระทำ และฉันก็ไม่รับผิดชอบสิ่งที่พวกท่านกระทำ”

 

คำอธิบาย :

 

โองการกำลังแนะนำวิธีการต่อสู้ใหม่แก่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ)  โดยแนะนำว่า

 

1. การประกาศว่าไม่สนใจหรือไม่เอาใจใส่ต่อบรรดาผู้ตั้งภาคีเทียบเคียง โดยมีศรัทธาสมบูรณ์อยู่กับศาสนาและความเชื่อของตน การต่อสู้ลักษณะนี้มีผลสะท้อนในด้านลบเกี่ยวกับจิตวิทยาของบรรดาผู้ปฏิเสธที่ดื้อรั้นเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการแจ้งให้พวกเขาได้รับรู้ว่า ไม่มีการขอร้องหรือบังคับอันใดทั้งสิ้นเพื่อที่จะให้พวกท่านยอมรับอิสลาม ทว่าการไม่ยอมรับอิสลามของพวกท่าน มันจะเป็นสาเหตุทำให้พวกท่านกีดกันและทำร้ายตนเอง

 

2. แน่นอน มาตรฐานของโองการมิได้ขัดแย้งต่อคำสั่งที่สั่งให้เผยแพร่อิสลาม หรือต่อสู้กับบรรดาผู้ตั้งภาคีแต่อย่างใด ประกอบกับโองการนี้มิไม้มีคำสั่งให้ยกเลิกแต่อย่างใด ทว่าการไม่สนใจในการงานของคนอื่น เป็นขั้นตอนหนึ่งของการต่อสู้ กล่าวคือ การต่อสู้ในเชิงลบกับบรรดาผู้ตั้งภาคีเทียงเคียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์เฉกเช่นมักกะฮฺในเวลานั้น ถือว่าเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

 

3. โองการดังกล่าว และโองการอื่นๆ ที่มีความหมายใกล้เคียงกันนี้(1)เข้าใจได้ว่า วิธีการของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) ไม่เคยบีบบังคับให้ผู้อื่นต้องมายอมรับอิสลาม ทว่าท่านมีหน้าที่ในการชี้นำทางพวกเขาเท่านั้น

 

บทเรียนจากโองการ :

 

1. จงทำไม่สนใจต่อพฤติกรรมของผู้ตั้งต้นเป็นปรปักษ์และดื้อรั้น ไม่ต้องรับผิดชอบการกระทำของพวกเขา อีกทั้งต้องแยกพรมแดนระหว่างท่านกับเขาให้ชัดเจน

 

2. สาส์นของอิสลามคือ การดำรงชีพอย่างสงบกับบรรดาผู้ตั้งภาคีเทียงเคียง ด้วยการระวังรักษาความศรัทธาของตนไว้ให้มั่น

 

เชิงอรรถ

 

1.ซูเราะฮ์ อัลกาฟิรูน โองการที่ 6

 

ที่มา เว็บไซต์อัชชีอะฮ์