เราจะปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างไร? ตอนที่ 2

สิ่งที่เราต้องศึกษาคือ จะยึดมั่นต่อแนวทางอะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ)อย่างไร
จะปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างถูกต้องแท้จริงอย่างไร
เราจะให้คำตอบทีละข้อๆแก่ท่าน จนนำไปถึงเป้าหมาย
อินชาอัลลอฮ์
หากถามว่า เราจะปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างไร
คำตอบมีดังนี้
ประการที่ 1
การรู้จักอะฮ์ลุลเบตอย่างแท้จริง(มะอ์ริฟัต อะอิมมะฮ์)
การทำความรู้จักอะฮ์ลุลเบต(อ)ที่แท้จริงไม่ใช่รู้แบบผิวเผินแค่ว่า
พวกเขาชื่ออะไร
มาจากตระกูลไหน
เกิดวันที่เท่าไหร่
ตายวันที่เท่าไหร่
ใครสังหารพวกเขา เท่านั้น
แต่ต้องศึกษาให้เข้าใจถึงฐานันดรสถานะภาพ ที่อัลลอฮ์ตะอาลาได้ประทานให้กับพวกเขา
และต้องศึกษาวิถีการดำเนินชีวิตของพวกเขา เพื่อนำมาปฏิบัติ
เพราะท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ได้กล่าวสั่งเสียใน วันฆอดีรคุม วันอะรอฟะฮ์ ที่ฮัจญะตุลวะดาอ์และวันที่ท่านเสียชีวิต ว่า
إِنِّى تَارِكٌ فِيكُمْ مَا إِنْ تَمَسَّكْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا بَعْدِى أَحَدُهُمَا أَعْظَمُ مِنَ الآخَرِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مِنْ السَّمَاءِ إِلَى الْأَرْضِ وَعِتْرَتِى أَهْلُ بَيْتِى وَ لَنْ يَتَفَرَّقَا حَتَّى يَرِدَا عَلَيَّ الْحَوْضَ فَانْظُرُوا كَيْفَ تَخْلُفُونِي فِيهِمَا
ฉันทิ้งไว้ให้แก่พวกท่าน ถึงสิ่งซึ่งหากพวกท่านยึดมั่นต่อสิ่งนั้น  พวกท่านจะไม่หลงทางหลังจากฉันโดยเด็ดขาด
สิ่งแรกใหญ่กว่าอีกสิ่งหนึ่งคือ
1.กิตาบุลเลาะฮ์ คือ เชือกที่ทอดจากชั้นฟ้ามายังโลกและ
2.อิตเราะตี คืออะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน และทั้งสองสิ่งจะไม่แยกจากกันเด็ดขาด
จนกว่าจะกลับมาหาฉันที่สระเกาษัร ดังนั้นจงดูเถิดว่า พวกท่านจะรับเอาสองสิ่งนี้จากฉันไปดูแลรักษาอย่างไร
ดู ซอฮิฮ์ อัลญามิอุซซอฆีร เล่ม 1 : 482 ฮะดีษที่ 2458  
ซุนนี่/ชีอะฮ์ยังได้รายงานตรงกันว่า
ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)กล่าวว่า
إِنِّي تَارِكٌ فِيكُمْ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللَّهِ وَعِتْرَتِي أَهْلُ بَيْتِي وَهُماَ الْخَلِيْفَتاَنِ مِنْ بَعْدِيْ وَإِنَّهُماَ لَنْ يَفْتَرِقاَ حَتَّى يَرِداَ عَلَىَّ الْحَوْضَ
ฉัน ได้ทิ้ง สองสิ่งหนัก ไว้ในหมู่พวกท่านคือ
คัมภีร์ของอัลลอฮ์ และ อิตเราะฮ์ตีคือ อะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน
ทั้งสองคือ คอลีฟะฮ์ หลังจากฉัน และทั้งสองจะไม่แยกจากกันเด็ดขาด
จนกว่าทั้งสองจะกลับมาหาฉันที่สระเกาษัร
ดู กะมาลุดดีน ผู้แต่ง เชคศอดูก เล่ม 1 หน้า 64
ดังนั้นถ้าหากไม่มีการศึกษาเรียนรู้ชีวประวัติของอะฮ์ลุลเบต(อ)
เราจะเข้าใจอิสลามอย่างไร
เราจะเป็นคนมีอีหม่านต่ออัลลอฮ์และรอซูลอย่างถูกต้องอย่างไร
อิมามมุฮัมมัดบากิร(อ)ได้กล่าวว่า
لَا يَكُونُ الْعَبْدُ مُؤْمِناً حَتَّى يَعْرِفَ اللَّهَ وَ رَسُولَهُ وَ الْأَئِمَّةَ كُلَّهُمْ وَ إِمَامَ زَمَانِهِ وَ يَرُدَّ إِلَيْهِ وَ يُسَلِّمَ لَهُ ثُمَّ قَالَ كَيْفَ يَعْرِفُ الْآخِرَ وَ هُوَ يَجْهَلُ الْأَوَّلَ
บ่าว(ของอัลลอฮ์)นั้นจะยังไม่เป็นผู้ศรัทธา(มุอ์มิน)
จนกว่าเขาจะรู้จักอัลลอฮ์ รอซูลของพระองค์และบรรดาอิมาม(ผู้นำ)ทั้งหมด
และ (รู้จัก)อิมามแห่งยุคสมัยของเขา
และย้อนกลับไปหาเขาและยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา
แล้วอิมามได้กล่าวว่า
เขาจะรู้จัก(อิมาม)คนสุดท้ายได้อย่างไร ในขณะที่เขาไม่รู้จักคนแรก(อิมามอาลี)
ดู อุซูลกาฟี เล่ม 1 : 181 ฮะดีษที่ 2
อธิบายคำพูดอะฮ์ลุลเบต(อ)ที่กล่าวว่า
وَ يَرُدَّ إِلَيْهِ وَ يُسَلِّمَ لَهُ
และย้อนกลับไปหาเขาและยอมสวามิภักดิ์ต่อเขา
หมายถึง เราจะต้องนำปัญหาต่างๆทางศาสนาและทางโลกกลับไปยังอะฮ์ลุลเบต(อ) เราต้องยอมรับเชื่อฟังคำสอนของอะฮ์ลุลเบต
แม้ว่าบางสิ่งบางอย่างเราอาจไม่เข้าใจถึงฮิกมัตและผลดีของมันก็ตาม
เนื่องจากอะฮ์ลุลบัยต์นบีคือ ผู้รอบรู้ทุกเรื่องที่อัลลอฮ์ได้ประทานลงมาแก่ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) เพราะอะฮ์ลุลบัยต์คือคอลีฟะฮ์ที่ท่านนบี(ศ)ได้สั่งเสียให้เราปฏิบัติตาม  ดังนั้นทุกปัญหาต้องย้อนกลับไปหาพวกเขา
ดังที่อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า
فَلَا وَرَبِّكَ لَا يُؤْمِنُونَ حَتَّى يُحَكِّمُوكَ فِيمَا شَجَرَ بَيْنَهُمْ ثُمَّ لَا يَجِدُوا فِي أَنْفُسِهِمْ حَرَجًا مِمَّا قَضَيْتَ وَيُسَلِّمُوا تَسْلِيمًا
มิใช่เช่นนั้นดอก ข้าขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของเจ้าว่า พวกเขาจะยังไม่ศรัทธา จนกว่าพวกเขาจะให้เจ้า(มุฮัมมัด)ตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใด ๆในจิตใจของพวกเขา จากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินใจ และพวกเขายอมสวามิภักดิ์ด้วยดี
อัลกุรอาน บทที่ 4 : 65

บทความโดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ