เราจะปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างไร? ตอนที่ 3

เราจะปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างไร? ตอนที่ 3

 

หากถามว่า เราจะปฏิบัติตามอะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างไร
ประการที่ 2
ความมั่นคงต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ)
เรื่องที่สำคัญประการหนึ่งของเราทางศาสนาในยุคที่อิมามมะฮ์ดี(อ)ไม่ปรากฎตัวคือ
ความมั่งคงในการยึดมั่นต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบี ซึ่งเป็นแนวทางแห่งสัจธรรม
และมั่นคงในความเชื่อที่ถูกต้องต่ออิม่ามผู้ชี้นำทั้ง 12 คน
โดยเฉพาะอิมามมะฮ์ดี บิน ฮาซัน อัสการี(อ) อิมามผู้ชี้นำคนสุดท้าย
เราต้องไม่สั่นคลอนต่อข้อสงสัยที่ฝ่ายอคติสร้างขึ้น
ไม่ว่าเรื่องการไม่ปรากฏตัวของอิมามมะฮ์ดี(อ)จะกินเวลายาวนานแค่ไหนก็ตาม
ไม่ว่าจะมีผู้สร้างกระแสความสงสัยต่ออิม่ามมะฮ์ดีมากมายแค่ไหนก็ตาม
เพราะอิมามฮูเซน บินอาลี บินอบีตอลิบ(อ)ได้เล่าว่า
سُئِلَ أَمِيْرُ الْمُؤْمِنِيْنَ عَلَيْهِ السَّلاَمِ عَنْ مَعْنَى قَوْلِ رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ إِنِّىْ مُخَلِّفٌ فِيْكُمُ الثَّقَلَيْنِ كِتَابُ اللهِ وَعِتْرَتِيْ مَنِ الْعِتْرَةُ ؟ فَقَالَ : أَنَا وَالْحَسَنُ وَالْحُسَيْنُ وَالْأَئِمَّةُ التِّسْعَةُ مِنْ وُلْدِ الْحُسَيْنِ تَاسِعُهُمْ مَهْدِيُّهُمْ وَقَائِمُهُمْ لاَ يُفَارِقُوْنَ كِتَابَ اللهِ وَلاَ يُفَارِقُهُمْ حَتَّى يَرِدَوْا عَلَى رَسُوْلِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَآلِهِ حَوْضَـهُ
ท่านอมีรุลมุอ์มินีน(อ) ถูกถามถึงความหมายวจนะของท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ)ที่กล่าวว่า
แท้จริง ฉันได้มอบสองสิ่งหนักไว้ในหมู่พวกท่าน  
สิ่งแรกคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์และอิตเราะฮ์ของฉัน,(ว่า)
ใครคืออิตเราะฮ์ ?
อิมามอาลีได้ตอบว่าคือ :
ฉัน,ฮาซัน,ฮูเซนและบรรดาอิมามผู้นำอีก 9 คนที่สืบเชื้อสายจากลูกหลานของฮูเซน คนที่ 9 คือมะฮ์ดีของพวกเขาและคือกออิมของพวกเขา  
พวกเขาจะไม่แยกจากคัมภีร์ของอัลลอฮ์
และคัมภีร์ของอัลลอฮ์จะไม่แยกจากพวกเขา
จนทั้งสองจะกลับมายังท่านรอซูลุลลอฮ์ที่สระน้ำเกาษัรของท่าน
ดู อุยูนุอัคบาร อัรริฎอ(อ) เล่ม 1 : 57 ฮะดีษที่ 25  
สายรายงานเชื่อถือได้  
จะเห็นได้ว่า ฮะดีษนี้บอกชัดว่า อิมามมะฮ์ดีจะมีชีวิตอยู่คู่กับอัลกุรอ่าน จนถึงวันสิ้นโลก
ท่านอิบนุอับบาสได้เล่าว่า  ฉันได้ยินท่านนบีมุฮัมมัด(ศ) ได้กล่าวว่า
أَلاَ وَإِنَّ اللهَ تَباَرَكَ وَتَعاَلَى جَعَلَنِيْ وَإِيّاَهُمْ حُجَجاً عَلَى عِباَدِهِ، وَجَعَل مِنْ صُلْبِ الْحُسَيْنِ أَئِمَّةً يَقُوْمُوْنَ بِأَمْرِيْ، وَيَحْفِظُوْنَ وَصِيَّتِيْ، التاَّسِعُ مِنْهُمْ قاَئِمُ أَهْلِ بَيْتِيْ وَمَهْدِيُّ أُمَّتِيْ، أَشْبَهُ الناَّسِ بِيْ فِي شَماَئِلِهِ وَأَقْواَلِهِ وَأَفْعاَلِهِ، يَظْهَرُ بَعْدَ غَيْبَةٍ طَوِيْلَةٍ...
พึงรู้ไว้เถิดว่า แท้จริง อัลลอฮ์ ตะอาลา ได้ทรงแต่งตั้งฉันและพวกเขา(อะฮ์ลุลบัยต์)เป็นหลักฐานต่อปวงบ่าวของพระองค์
และพระองค์ได้ทรงดลบันดาลจากเชื้อสายของฮูเซนให้เป็นบรรดาอิม่าม
พวกเขาจะดำรงหน้าที่ชี้นำตามคำบัญชาของฉัน, พวกเขาจะรักษาคำสั่งเสียของฉัน,
คนที่ 9 จากพวกเขาคือ กออิมแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ของฉัน และคือมะฮ์ดีแห่งประชาชาติของฉัน,
เขาเหมือนฉันมากที่สุด ทั้งบุคลิก,คำพูดและกริยาท่าทางของเขา
เขาจะปรากฏตัวขึ้น หลังจากที่เขาได้หายตัวไป เป็นระยะเวลาอันยาวนาน...
ดู กะมาลุดดีน เชคศอดูก หน้า  257 ฮะดีษที่ 2
จะเห็นได้ว่าฮะดีษนี้บอกเราว่า อิม่ามมะฮ์ดีจะต้องหายตัวไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน
วันนี้เราจะพบว่า มีการสร้างความสงสัยต่อการเป็นอิม่ามผู้ชี้นำจากอะฮ์ลุลบัยต์นบีทั้งสิบสองท่าน โดยเฉพาะอิม่ามมะฮ์ดี
และมีการสร้างข้อสงสัยถึงการดำรงอยู่ของท่าน จากตำราต่างๆและสื่อสารต่างๆมากมาย จาก ช่องรายการ ทีวี ดาวเทียม และเครือข่ายเวบไซต์ต่างๆทางอินเทอร์เน็ตและอื่น ๆ
เมื่อเราต้องเผชิญกับปัญหานี้ เราจึงจำเป็นต้องนึกถึงคำพูดของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)และอะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ)ที่ได้บอกเล่าให้เรารับรู้ไว้มากมายเกี่ยวกับเรื่องฆ็อยบะฮ์ คือการหายตัวของอิมามมะฮ์ดี(อ)ไปจากสังคม ซึ่งการใช้ชีวิตของเรา กำลังเผชิญกับการตั้งข้อสงสัยต่อความเชื่อนีั้
อย่างไรก็ตามความเชื่อต่อการปรากฏตัวของอิม่ามมะฮ์ดีในยุคสุดท้ายก่อนกิยามัต ก็ได้รับการยืนยันจากฝ่ายวาฮาบีเช่นกัน
เชคบินบาซ อุละมาอ์วาฮาบีซาอุฯ ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสำคัญ ดังต่อไปนี้
- มุฟตีสูงสุดแห่งซาอุฯ ตั้งแต่ปี ฮ.ศ.1395 ถึงปี ฮ.ศ.1420
- ผู้อำนวยการสำนักวิจัยทางวิชาการและการฟัตวา
- ประธานคณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัยทางวิชาการและการฟัตวา
- ประธาน และสมาชิกมนตรีสภาก่อตั้งสันนิบาตมุสลิมโลก
- ประธานสภาสูงสุดเพื่อกิจการมัสยิดโลก
- ประธานสภาฟิกฮฺ ภายใต้การกำกับดูแลของสันนิบาตมุสลิมโลก
- กรรมการสภามหาวิทยาลัยอิสลามมะดีนะฮ์
เชคอับดุลอะซีซบินบาซ  ตาย ฮ.ศ. 1420 ได้ ฟัตวา ว่า
أما إنكار المهدي المنتظر بالكلية كما زعم ذلك بعض المتأخرين فهو قول باطل
กรณี การปฏิเสธเรื่อง “อัลมะฮ์ดี ผู้ถูกรอคอย “ โดยรวม ตามที่คนยุคหลังบางส่วนได้อ้างถึงสิ่งนั้น ถือว่า เป็นคำพูดที่โมฆะ
لأن أحاديث خروجه في أخر الزمان وأنه يملأ الأرض عدلا وقسطا كما ملئت جورا
เพราะ มีฮะดีษรายงานถึง การออกมาของอัลมะฮ์ดีในยุคสุดท้าย และอัลมะฮ์ดีจะทำให้โลกเต็มไปด้วยความยุติธรรม เหมือนที่เคยเต็มไปด้วยความอธรรม
قد تواترت تواترا معنويا وكثرت جدا واستفاضت كما صرح بذلك جماعة من العلماء
แน่นอน เป็นเรื่องมุตะวาติร ทางความหมาย และมีรายงานไว้มากมายจริงๆตามที่อุลามาอ์กลุ่มหนึ่งได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน
ส่วนหนึ่งจากอุลามาอ์เช่น อบุลฮาซัน อัลอาบิรี อัสสะญิสตานี อุลามาอ์ศตวรรษที่สี่แห่งฮิจเราะฮ์ , อัลลามะฮ์ อัสสะฟารินี ,อัลลามะฮ์ เชากานีและอุลามาอ์คนอื่นๆ และมันเป็นเรื่อง อิจญ์ม๊าอ์  จากบรรดานักวิชาการ
ดู หนังสือ มัจมูอะฮ์ ฟะตาวา วะ มะกอล๊าต อิบนิ บาซ  เล่ม  4 หน้า 98
หากถามว่าเมื่อไหร่อิมามมะฮ์ดีจะปรากกฎตัว
คำตอบคือ
เมื่อโลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยความอธรรม ,การกดขี่และความเป็นศัตรูกันทุกหย่อมหญ้า
จนมนุษย์หาความยุติธรรมจากมนุษย์ด้วยกันไม่ได้แล้วในโลกนี้
เมื่อนั้นอิม่ามมะฮ์ดีจากอะฮ์ลุลบัยต์นบีก็ออกมา
เพราะท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ได้กล่าวว่า
لَا تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّى تَمْلَأَ الْأَرْضَ ظُلْماً وَ جَوْراً وَ عُدْوَاناً ثُمَّ يَخْرُجُ مِنْ أَهْلِ بَيْتِيْ مَنْ يَمْلَأُهاَ قِسْطاً وَ عَدْلاً كَماَ مُلِئَتْ ظُلْماً وَ عُدْواَناً
วันกิยามะฮ์จะยังไม่อุบัติจนกว่าโลกจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความอยุติธรรม , ความอธรรมกดขี่และความเป็นศัตรูกัน
แล้วเมื่อนั้นจะมีบุรุษจากอะฮ์ลุลบัยต์ของฉันออกมา
เป็นผู้ที่จะทำให้โลกนี้เต็มเปี่ยมด้วยความเที่ยงธรรมและความยุติธรรม
ดั่งที่เคยเต็มเปี่ยมด้วยความอยุติธรรมและความอธรรมกดขี่

บทความโดย เชคอับดุลญะวาด สว่างวรรณ