ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 49-52
ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 49-52
อัลกุรอาน โองการนี้บ่งชี้ให้เห็นเหตุการณ์โดยรวมของนบีนูฮฺ (อ.) หรือการรวบรวมบทสรุปเหล่านั้น โองการกล่าวว่า
49. تِلْكَ مِنْ أَنبَاءِ الْغَيْبِ نُوحِيها إِلَيْكَ مَا كُنتَ تَعْلَمُهَا أَنتَ وَلَا قَوْمُكَ مِن قَبْلِ هذَا فَاصْبِرْ إِنَّ الْعَاقِبَةَ لِلْمُتَّقِينَ
คำแปล :
49. เหล่านี้คือส่วนหนึ่งจากเรื่องราวอันเร้นลับซึ่งเราได้วะฮียฺแก่เจ้า เจ้าไม่รู้เรื่องนี้และกลุ่มชนของเจ้าก็ไม่รู้มาก่อน ดังนั้น เจ้าจงอดทน แท้จริงบั้นปลายที่ดีสำหรับผู้สำรวมตนจากความชั่ว
คำอธิบาย :
1.การอธิบายอดีตที่แท้จริงของบรรดาศาสดาโดยปราศจากการปรุงแต่งหรือเปลี่ยนแปลง มีความเป็นไปได้ถ้าผ่านวะฮฺยู ดังจะเห็นว่าประวัติศาสตร์ของบรรพชนก่อนหน้านั้นล้วนได้รับการปรุงแต่งผสมผสานกับนิยาย จนไม่อาจแยกแยะได้เลยว่าเรื่องจริงและเรื่องเท็จเป็นอย่างไร
2.บรรดาศาสดาได้รับรู้เรื่องราวความเร้นลับโดยผ่านวะฮฺยูของพระเจ้า แต่จะรับรู้ได้มากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับความประสงค์ของพระองค์
3.อัลกุรอาน โองการที่กำลังกล่าวถึงนี้ชี้ให้เห็นถึงอดีตและอุปสรรคต่างๆ ของนบีนูฮฺ (อ.) เพื่อเป็นการปลอบประโลมจิตใจของท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ) และเชิญชวนให้ท่านมีความอดทนสูง กล่าวคือการอธิบายอดีตต่างๆ เหล่านี้เท่ากับเป็นการให้บทเรียนและสอนบรรดามุสลิมทั้งหลาย และยังเป็นความง่ายดายต่อการจดจำเรื่องราวของบรรดาศาสดา เพื่อว่าจะได้เตรียมพร้อมในการต่อสู้กับบรรดาผู้อธรรมที่ละเมิดทั้งหลาย อีกทั้งจะได้ไม่หวั่นกลัวต่ออุปสรรคปัญหาที่จะมาประสบ และสุดท้ายมีความหวังในชัยชนะ
และตรงนี้เรื่องราวของนบีนูฮฺ (อ.) ที่มากไปด้วยปาฏิหาริย์และความประหลาดใจได้จบสมบูรณ์ ลำดับต่อไปจะกล่าวถึงเรื่องราวของนบีฮูด (อ.) ซึ่งอัลกุรอานบทนี้ก็ได้ตั้งชื่อด้วยนามของท่าน
บทเรียนจากโองการ :
1.การกล่าวถึงอดีตที่ถูกต้องของบรรดาศาสดาก่อนหน้านั้น แสดงให้เห็นถึงความจริงของอัลกุรอานและศาสดามุฮัมมัด (ซ็อล ฯ)
2.ชัยชนะในบั้นปลายสุดท้ายเกิดจากความอดทนอดกลั้น และการยืนหยัดอย่างเข้มแข็งของตัวเอง
3. จงนำเอาอดีตของนบีนูฮฺ (อ.) มาเป็นบทเรียนสำหรับชีวิต และจงอดทนในหนทางแห่งสัจธรรมความจริง
อัลกุรอาน โองการที่ 50 บทฮูด
อัลกุรอาน โองการนี้ได้ชี้ให้เห็นสารแห่งเตาฮีดของนบีฮูด (อ.) สำหรับกลุ่มชนอาด โองการกล่าวว่า
50. وَإِلَى عَادٍ أَخَاهُمْ هُوداً قَالَ يَاقَوْمِ اعْبُدُوا اللَّهَ مَا لَكُم مِنْ إِلهٍ غَيْرُهُ إِنْ أَنتُمْ إِلَّا مُفْتَرُونَ
คำแปล :
50. และยัง (หมู่ชนของ) อาด (เราได้ส่ง) พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูด เขากล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺเถิด พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พวกท่านไม่ใช่อื่นใดนอกจากปลอมแปลงเท่านั้น
คำอธิยาย :
การทำลายเทวรูปด้วยความหาญกล้า
ดังที่กล่าวไปแล้วว่า อัลกุรอานบทนี้กล่าวถึงเรื่องราวการเชิญชวนของศาสดาทั้ง 7 ท่าน พร้อมทั้งความยากลำบากและอุปสรรคในการเชิญชวนของท่านและบทสรุป โองการก่อนหน้านี้กล่าวถึงเรื่องราวของนบีนูฮฺ (อ.) ปัจจุบันจะกล่าวถึงเรื่องราวของนบีฮูด (อ.)
1.ฮูด เป็นนบีท่านหนึ่งที่ได้ถูกส่งลงมาเพื่อชี้นำหมู่ชนของอาด เรื่องราวของนบีท่านนี้ได้ถูกกล่าวซ้ำหลายครั้งในอัลกุรอาน ซึ่งส่วนหนึ่งกล่าวไว้ในบทอะอ์รอฟ โองการที่ 65 -72 ส่วนในบทนี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวของท่านไว้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงตั้งขื่ออัลกุรอานบทนี้ว่า ฮูด
2. อัลกุรอานโองการที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ได้กล่าวถึงนบีฮูด ในฐานะที่เป็นพี่น้องกับหมู่ชน อาด ซึ่งการกล่าวทำนองนี้ อัลกุรอานได้กล่าวเรียก ซอลิฮฺ ชุอัยบ์ นูฮฺ และลูฏมาแล้ว (อัลกุรอานบทอะอ์รอฟ โอการที่ 73,85, และบทชุอ์อะรอ โองการที่ 106 และ 161 บางทีอาจเป็นเพราะสาเหตุที่ว่า ฮูด มาจากหมู่ชนของอาด ซึ่งโดยปกติหมู่ชนอาหรับมักจะนับประชาชนที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกันว่า เป็นพี่น้องกัน หรืออาจะเป็นเพราะว่าฮูดได้ประพฤติดีกับหมู่ชนของท่าน พวกเขาจึงนับถือท่านเป็นพี่น้องคนหนึ่ง
3.สาส์นของฮูดคือ การเชิญชวนไปสู่การเคารพภักดีพระเจ้าองค์เดียว และปฏิเสธการตั้งภาคีเทียบเคียงโดยสิ้นเชิง ซึ่งสิ่งนี้คือเหตุผลและเป็นวัตถุประสงค์ของเหล่าบรรดาศาสดาทั้งหลาย อีกทั้งเป็นรากที่มาของการปรับปรุงแก้ไขสังคม เนื่องจาก เตาฮีด คือแห่งที่มาของความเป็นเอกภาพของสังคม การร่วมมือ และการเสียสละ ส่วนการตั้งภาคีเทียบเคียงคือแหล่งที่มาของความแตกแยก ความขัดแย้ง ความเห็นแก่ตัว และการหลงทาง
4. บรรดาศาสดาแห่งพระเจ้าต่างมีหน้าที่เชิญชวนประชาชนไปสู่การเคารพภักดีในพระเจ้าองค์เดียว คำพูดที่เป็นหนึ่งเดียวกัน การปฏิบัติที่เป็นหนึ่งเดียวกัน และสังคมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อมนุษย์ทั้งหลายจะได้เคารพภักดีในพระเจ้าองค์เดียวกัน ประดุจดังหยดน้ำที่ละลายในมหาสมุทรเป็นหนึ่งเดียวกัน สังคมมนุษย์ก็ควรที่จะเกิดปรากฏการณ์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันเช่นกัน
5. การเคารพรูปปั้นบูชา เท่ากับเป็นการใส่ร้ายและมุสาต่อพระเจ้า เนื่องจากเทวรูปเหล่านั้นไม่มีอำนาจใดๆ ทั้งสิ้น เป็นสิ่งที่ไร้ค่าเนื่องจากไม่สร้างคุณหรือให้โทษแก่สิ่งใด ดังนั้น จึงนับว่าเป็นการใส่ร้ายป้ายสีที่เลวร้ายยิ่ง ซึ่งไม่มีการใส่ร้ายใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีกแล้ว การที่มนุษย์ได้ทึกทักและยกย่องเทวรูปเหล่านั้นไว้ในฐานันดรอันสูงส่ง ทั้งที่ในความเป็นจริงเทวรูปเหล่านั้นไม่มีฐานันดรอันใดทั้งสิ้นเป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา หลังจากนั้นได้ปลุกเสกเวทมนต์และกล่าวว่า เทวรูปนั้นมีอภินิหาร สมควรแก่การเคารพบูชา ซึ่งโดยปกติแล้วบรรดาผู้ที่เคารพรูปปั้นบูชาเป็นการสร้างจินตนาการอย่างหนึ่งในการสักการะ เนื่องจากไม่มีพระเจ้าอื่นใดแล้วที่จะเคารพบูชา
บทเรียนจากโองการ :
1.เตาฮีดคือสาส์นของบรรดาศาสดาทุกท่าน
2. การเคารพสักการะสิ่งอื่นนอกเหนือจากอัลลอฮฺ มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นการใส่ร้ายเท่านั้น
3. ความประพฤติของเหล่าบรรดาผู้นำแห่งพระเจ้า และบรรดานักเผยแผ่ศาสนาทั้งหลายต้องเป็นไปอย่างพี่น้อง
อัลกุรอาน โองการที่ 51 บทฮูด
อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึงการปราศจากความต้องการของนบีฮูด (อ.) ที่มีไปยังประชาชน พร้อมกับกล่าวถึงการเชิญชวนประชาชนไปสู่การใช้สติปัญญาใคร่ครวญ โองการกล่าวว่า
51. يَاقَوْمِ لَا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْراً إِنْ أَجْرِيَ إِلَّا عَلَى الَّذِي فَطَرَني أَفَلَا تَعْقِلُونَ
คำแปล :
51. โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันไม่ได้ขอร้องรางวัลตอบแทนอันใดสำหรับการนี้ (เผยแผ่สาร) รางวัลตอบแทนของฉัน ณ พระผู้บังเกิดฉันมา พวกท่านไม่ใช้ปัญญาหรือ
คำอธิบาย :
1. นบีฮูด (อ.) ได้ประกาศแก่หมู่ชนของท่านว่าการประกาศเผยแผ่ของท่านนั้น มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อเพื่อตำแหน่งหรือความมั่งคลั่งแต่อย่างใด ซึ่งสิ่งนี้เป็นสัญลักษณ์ประการหนึ่งทียืนยันถึงความสัจจริง ของบรรดาศาสดาแห่งพระเจ้า พวกเขาไม่ต้องการสิ่งใดจากประชาชน พวกเขาจะร้องขอรางวัลตอบแทนเฉพาะกับพระเจ้าเท่านั้น
2.บรรดาผู้นำมวลมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้นำนิกายศาสนาจะต้องไม่ร้องขอสิ่งใดจากประชาชน มิเช่นนั้นเท่ากับว่าท่านได้ปล่อยให้อิสรภาพของตนหลุดลอยมือไป ความต้องการในทรัพย์และวัตถุปัจจัยอื่นมิได้แตกต่างอะไรไปจากโซ่ตรวน ที่จะคอยผูกมัดพวกเขาให้อยู่ในอำนาจการบีบบังคับ และลากจูงเขาไปสู่ความหลงผิด หรือนำเขาไปแขวงไว้เคียงคู่กับการใส่ร้ายป้ายสี
ด้วยเหตุนี้ ในอิสลามจึงได้มีการจัดตั้งกองทุนอิสลาม (บัยตุลมาล) ขึ้นมา เพื่อให้เหล่าผู้นำและนักเผยแผ่ศาสนาได้ใช้ประโยชน์จากกองทุนเหล่านั้น และจะได้ไม่ยื่นมือไปขอจากประชาชน
3. โองการที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ได้สนับสนุนประชาชนให้ใคร่ครวญถึงสถานภาพของนบีฮูด (อ.) เพื่อจะได้เข้าใจว่าถ้าหากท่านไม่ใช่นบี แน่นอนท่านต้องเชิญชวนผู้คนไปสู่ท่าน และต้องแสวงหาทรัพย์สินจำนวนมากมาย ทั้งที่ในความเป็นจริงหาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ฉะนั้น ท่านได้มาเพื่อชำระขัดเกล่าบุคคลให้สะอาด เพื่อการเคารพภักดีและเชื่อฟังปฏิบัติตามพระเจ้าองค์เดียว.
บทเรียนจากโองการ :
1.บรรดาผู้นำแห่งพระเจ้ามิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัตถุปัจจัย หรือแสวงหาผลประโยชน์
2. จงใคร่ครวญด้วยสติปัญญาอย่างต่อเนื่อง ถึงความสัจจริงของบรรดาศาสดาทั้งหลาย
อัลกุรอาน โองการที่ 52 บทฮูด
อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างภารกิจด้านมโนธรรมกับความจำเริญด้านวัตถุปัจจัยของมนุษย์ โองการกล่าวว่า
v52. وَيَاقَوْمِ اسْتَغْفِرُوا رَبَّكُمْ ثُمَّ تُوبُوا إِلَيْهِ يُرْسِلِ السَّماءَ عَلَيْكُم مِدْرَاراً وَيَزِدْكُمْ قُوَّةً إِلَى قُوَّتِكُمْ وَلَا تَتَوَلَّوْا مُجْرِمِينَ
คำแปล :
52. โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงขออภัยโทษต่อพระผู้อภิบาลของพวกท่าน แล้วจงกลับเนื้อกลับตัวต่อพระองค์ เพื่อพระองค์จะได้ส่ง (ฝน) จากฟ้าลงมาอย่างต่อเนื่อง และจะทรงเพิ่มพลังความแข็งแกร่งแก่พวกท่าน และพวกท่านอย่าหันหลังกลับอย่างทรชน
คำอธิบาย :
สุดท้ายเพื่อสนับสนุนส่งเสริมพวกเขา และเพื่อขอการอภัยโทษจากสื่อทั้งหมดที่เป็นไปได้ สำหรับการปลุกจิตวิญญาณที่ถวิลหาสัจธรรมแก่หมู่ชนที่หลงทางไปแล้ว ขึ้นอยู่กับรางวัลต่างๆ อันเป็นวัตถุปัจจัย ซึ่งอัลลอฮฺ (ซบ.) ทรงมอบไว้ในเจตนารมณ์เสรีของมวลผู้ศรัทธาทั้งหลายบนโลกนี้
1. คำว่า มิดรอรอน ตามรากศัพท์เดิมหมายถึงแหล่งน้ำนมที่มาจากเต้านม ด้วยเหตุนี้ แหล่งน้ำฝนจากฟากฟ้าก็เรียกว่า มิดรอรอน เช่นกัน
สิ่งที่น่าใคร่ครวญคือโองการมิได้กล่าวว่า เราได้หลั่งน้ำฝนจากฟ้าลงมาแก่เจ้า ทว่ากล่าวว่า เราได้ส่งฟ้าลงมาอย่างต่อเนื่องแก่สูเจ้า หมายถึงฝนจะตกหนักอย่างต่อเนื่องประหนึ่งว่าแผ่นฟ้าทั้งหมดอยู่ในฐานะของแหล่งน้ำฝน
2. โองการที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ได้นำเอาปัญหาด้านมโนธรรมและวัตถุมารวมกัน และนำเอาการขออภัยโทษและการนิรโทษเป็นสื่อในการหลั่งน้ำฝน และเพิ่มพูนพละกำลังให้แข็งแกร่งเป็นทวีคูณ
แน่นอน ความสัมพันธ์ดังกล่าวมิใช่สิ่งแปลกใหม่ที่ไม่รู้จักแต่อย่างใด ถ้าหากเราใคร่ครวญในสังคมเพียงเล็กน้อยก็จะได้ประจักษ์ทันทีว่า เมื่อใดที่สังคมปนเปื้อนไปด้วยความผิดหรือบาปกรรมแห่งอำนาจฝ่ายต่ำ การทรยศหักหลัง การลักขโมย การสงคราม และการกดขี่อธรรม สังคมนั้นก็จะค่อยๆ เสื่อมทรามและหายนะในที่สุด ส่วนสังคมที่มีจิตวิญญาณของเตาฮีด การร่วมมือ และการเสียสละแล้วไซร้ ก็จะพบกับความสูงส่ง ความจำเริญผาสุก และเต็มไปด้วยความเป็นสิริมงคล
3. วัตถุประสงค์ของ การเพิ่มพละกำลังเป็นทวีคูณ ในโองการที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ ประโยคนี้กล่าวว่า อัลลอฮฺ (ซบ.) จะทรงเพิ่มพูนพลังความแข็งแกร่งแก่พวกท่าน ภายหลังการขออภัยโทษและการขอนิรโทษกรรม
บางคนกล่าวว่า ประโยคนี้บ่งชี้ให้เห็น การเพิ่มพละกำลังของมนุษย์ ดังที่โองการในบทนูฮฺ ก็ได้กล่าวไว้เช่นกัน
บางคนกล่าวว่า หมายถึงการเพิ่มพลังด้านวัตถุที่มีต่อด้านศีลธรรมและมโนธรรมของมนุษยื
แต่โองการได้ตีความโดยรวม หมายถึงครอบคลุมการเพิ่มพละกำลังทั้งที่เป็นวัตถุปัจจัยและมโนธรรม ซึ่งทัศนะนี้บรรดานักตัฟซีรทั้งหลายต่างมีความเห็นพร้องต้องกัน
4. นบีฮูด (อ.) ได้เชิญชวนหมู่ชนของท่านไปสู่การขออภัยโทษและการขอนิรโทษกรรม ประเด็นนี้ชี้ให้เห็นว่าการขออภัยโทษโดยพร้อมเพรียงกันของประชาชน จะทำให้สังคมพบกับการเปลี่ยนแปลงอันเป็นสาเหตุทำให้การช่วยเหลือของพระเจ้านั้นมีมาอย่างต่อเนื่อง
บทเรียนจากโองการ :
1.ปัญหาเรื่องศีลธรรม, มโนธรรม,และจริยธรรมมีผลในเชิงสร้างสรรค์กับชีวิต และการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของมนุษย์
2. จงวิงวอนขออภัยโทษและมุ่งมั่นยังอัลลอฮฺเถิด เพราะการกระทำเช่นนี้จะช่วยทำให้ชีวิตทางโลกของท่านก้าวหน้า