ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 61
- จัดพิมพ์ใน
-
- ผู้เขียน:
- เว็บไซต์อัชชีอะฮ์
ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 61
อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึงเรื่องราวของศาสดาซอลิฮ์ (อ.) ซึ่งท่านได้เชิญชวนประชาชนไปสู่การเคารพภักดีในพระเจ้าองค์เดียวและ การขอนิรโทษกรรมจากพระองค์ โองการกล่าวว่า
وَإِلَى ثَمُودَ أَخَاهُمْ صَالِحاً قَالَ يَا قَوْمِ اعْبُدُوا اللَّهَ مَا لَكُم مِنْ إِلهٍ غَيْرُهُ هُوَ أَنشَأَكُم مِنَ الْأَرْضِ وَاسْتَعْمَرَكُمْ فِيَها فَاسْتَغْفِرُوهُ ثُمَّ تُوبُوا إِلَيْهِ إِنَّ رَبِّي قَرِيبٌ مُجِيبٌ
คำแปล :
61. และยังหมู่ชนษะมูด (เราได้ส่ง) พี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอลิฮฺ เขากล่าวว่า โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกท่านจงเคารพภักดีอัลลอฮฺเถิด พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงบังเกิดพวกท่านจากแผ่นดิน และทรงให้พวกท่านพำนักอยู่ในนั้น ดังนั้น จงขอการอภัยต่อพระองค์แล้วกลับคืนสู่พระองค์ แท้จริง พระผู้อภิบาลของฉันทรงอยู่ใกล้ ทรงตอบรับเสมอ
คำอธิบาย :
เริ่มต้นชะตาชีวิตของหมู่ชนษะมูด
เรื่องราวของหมู่ชนอาดได้สอนบทเรียน และให้แนวคิดมากมายซึ่งได้กล่าวผ่านไปแล้ว ซึ่งต่อไปนี้จะกล่าวถึงเรื่องราวของหมู่ชนษะมูดบ้าง ขณะเดียวกันในที่นี้อัลกุรอานเมื่อกล่าวศาสดาของพวกเขาคือ ซอลิฮฺ ได้กล่าวว่า พี่น้องของพวกเขา ซึ่งเป็นคำกล่าวที่มีความสละสลวยยิ่ง ดังที่ได้อธิบายถึงความสวยงามไปแล้วในโองการก่อนหน้านี้ ซึ่งแน่นอนว่าพี่น้องที่มีความเป็นห่วงเป็นใย และมีจิตเมตตานั้นเขาจะไม่มีเป้าหมายอื่นใด นอกจากความหวังดีเท่านั้น
1. หมู่ชน ษะมูด อาศัยอยู่ในแผ่นดินนามว่า วาดี อัลกุรอ ซึ่งเป็นพื้นที่อยู่ระหว่างเมืองมะดีนะฮฺและซูเรีย อาชีพของพวกเขาคือ การทำเกษตรกรรมเรือกสวนไร่นา ท่านศาสดาซอลิฮฺ (อ.) ได้ถูกเลือกให้เป็นศาสดาเพื่อมาชี้นำชนกลุ่มนี้ ซึ่งท่านได้นำอูฐในฐานะที่เป็นปาฏิหาริย์มายังพวกเขา แต่พวกเขาก็ได้สังหารอูฐเหล่านั้นจนหมดสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง เนื่องจากการลงโทษอันโหดร้ายจากฟากฟ้า ทำให้พวกเขาได้รับความทุกข์ยากอย่างยิ่ง ส่วนศาสดาซอลิฮฺ (อ.) พร้อมกับหมู่ชนของท่านได้รับความช่วยเหลือ อัลกุรอาน หลายโองการได้กล่าวถึงเรื่องราวของศาสดาท่านนี้เอาไว้ เช่น อัลกุรอาน บทอะอ์รอฟ โองการที่ 73 , บทเตาบะฮฺ โองการที่ 70, บทอิบรอฮีม โองการที่ 9 ,บทอิสรอ โองการ 59 , บทชุอ์อะรอ โองการที่ 141 และ ...
2. วัตถุประสงค์และโครงการหลักของศาสดาซอลิฮ์(อ.) เป็นโครงการเดียวกันกับบรรดาศาสดาท่านอื่นกล่าวคือ การเชิญชวนประชาชนไปสู่การเคารพภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียว และปฏิเสธการเคารพรูปปั้นบูชาโดยสิ้นเชิง เนื่องจากรากที่มาของความจำเริญผาสุกและความรุ่งเรืองของมนุษย์ชาติอยู่ที่ ความเป็นเอกะของพระเจ้า ส่วนรากที่มาของความอับโชคและความตกต่ำทั้งหมดอยู่ที่ การหันเหไปจากความจริงและการเคารพรูปปั้นบูชา
3. อัลกุรอาน โองการที่กำลังกล่าวถึงนี้ ศาสดาซอลิฮ์ ได้ถูกแนะนำในฐานะ พี่น้องของหมู่ชนษะมูด ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าซอลิฮฺ มาจากเผ่าพันธุ์อาหรับและมาจากเผ่าษะมูดนั่นเอง หรือเนื่องจากพฤติกรรมที่ดีของท่านซึ่งท่านปฏิบัติกับพวกเขาประหนึ่งเป็นพี่น้องของท่าน
4. วัตถุประสงค์ของการสร้างมนุษย์จากดินคือ การสร้างที่มิได้สร้างโดยตรงกล่าวคือมนุษย์ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากดิน หรือวัตถุประสงค์อาจหมายถึงว่า เผ่าพันธุ์ของมนุษย์ทั้งหมดนั้นย้อนกลับไปยังศาสดาอาดัม (อ.) ซึ่งท่านได้ถูกสร้างจากดินบริสุทธิ์
5. การสร้างมนุษย์ในฐานะที่เป็นสรรพสิ่งสูงส่งที่สุด ซึ่งได้เริ่มต้นการสร้างด้วยดินที่ไร้ค่าและไม่มีความหมาย แต่ถือว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์หนึ่ง ซึ่งบ่งบอกให้เห็นว่าผู้สร้างนั้นรอบรู้และปรีชาญาณยิ่ง ด้วยเหตุนี้ สติปัญญาจึงไม่อนุญาตให้มนุษย์เคารพภักดีสิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮ์
6. จากประโยคที่กล่าวว่า อิสตะอ์มะเราะฮ์ (การพำนัก) ซึ่งรากเดิมของคำนี้หมายถึง การปล่อยวาง การพัฒนาและการสร้างสรรค์แผ่นดินเพื่อคนอื่น กล่าวคืออัลลอฮ์(ซบ.) ทรงมอบปัจจัยในการดำรงชีพ และพัฒนาแผ่นดินไว้ในอำนาจของมนุษย์
7. คำว่า อิสติอ์มาร เป็นคำที่มีความสละสลวยอย่างยิ่งในวัฒนธรรมของมนุษย์ชาติ ความหมายของคำนี้ก็คือ การถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือถูกสังคายนา แต่ในโลกปัจจุบันคำๆ นี้ หมายถึง การล่าอาณานิดคม หรืออำนาจเผด็จการในการควบคุมการเมือง เศรษฐกิจ การทหาร และประเทศชาติที่อ่อนแอกว่า ซึ่งบั้นปลายสุดท้ายคือการปล้นสะดมทรัพยากรและชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนในประเทศนั้น หรือการกระทำอันเลวร้ายอันเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจากน้ำมือของพวกเผด็จการในศตวรรษหลังนี้ ได้ทำให้ชะตากรรมของประชาชนในประเทศต่างๆ ต้องแปรเปลี่ยนไปอย่างมาก และในทศวรรษหลังนี้เองพวกเผด็จการได้เปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ซึ่งมาในรูปของวัฒนธรรมและการโฆษณาชวนเชื่อ การโจมตีวัฒนธรรมอย่างโหดร้ายของพวกเผด็จการที่กระหายโลก ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วกับประชาชาติที่ได้รับการกดขี่และอ่อนแอ ดังนั้น การตื่นตัวของเยาวชนคนหนุ่มสาวในประเทศเหล่านั้น สามารถทำลายแผนการใหม่ๆ ของพวกเผด็จการได้เป็นอย่างดี
8. อัลกุรอาน โองการข้างต้นมิได้กล่าวว่า อัลลอฮ์ทรงพัฒนาพื้นดินและมอบไว้ในอำนาจของท่าน ทว่าได้กล่าวว่า การพัฒนาและขยายแผ่นดินให้ก้าวหน้าพระองค์ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของมนุษย์
แน่นอนว่า ประเด็นดังกล่าวนี้ได้ครอบคลุมชนชาติทุกเผ่าพันธุ์ อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงมอบพื้นดิน น้ำ พลังงาน และอายุขัยที่ยืนยาวนานไว้ในเจตนารมณ์เสรีของมนุษย์ เพื่อพวกเขาจะได้สร้างและพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าต่อไป
9. สำหรับการสร้างและพัฒนาความก้าวหน้าพระองค์ได้ให้เวลาแก่มนุษย์ ทรงมอบเครื่องไม้เครื่องมือในการพัฒนาและงานไว้ในการเลือกสรรของมนุษย์ เพื่อพวกเขาจะได้เป็นผู้ลงมือทำการพัฒนาด้วยตัวเอง
10. หมู่ชนของ ษะมูด ได้พัฒนาพื้นดินเป็นเรือกสวนไร่นาที่มีความอุดม และเต็มไปด้วยความโปรดปราน การเกษตรกรรมของพวกเขามีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงมอบอายุขัยที่ยืนยาวนานแก่พวกเขา มอบพละกำลังและร่างกายที่สูงใหญ่แก่พวกเขา ในลักษณะที่ว่าพวกเขาสามารถระเบิดภูเขา นำหินมาสร้างบ้านที่มีความมั่นคงแข็งแรงและสวยงามยิ่ง
11. อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงอยู่ใกล้ชิดกับมนุษย์และทรงตอบสนองการเรียกร้องของเขา แน่นอน ความใกล้ชิดของอัลลอฮ์(ซ.บ.) หมายถึงการที่พระองค์ปรากฏองค์ในทุกที่ตลอดเวลา พระองค์ไม่ทรงมีกายภาพอยู่ในภาวะนามธรรม ดังนั้น จึงไม่ต้องการเวลาและสถานที่เป็นตัวกำกับ
บทเรียนจากโองการ :
1. นักเผยแผ่ศาสนาทุกคนควรมาจากเขตพื้นทีนั้น และต้องมีความประพฤติเยี่ยงพี่น้อง
2. ปรัชญาในการเคารพภักดีต่อพระเจ้าคือ การขอบคุณการสร้างสรรค์และความโปรดปรานของพระองค์
3. อัลลอฮ์(ซ.บ.) ทรงประสงค์ให้มนุษย์เป็นผู้พัฒนาแผ่นดิน และสร้างสรรค์ความก้าวหน้าบนแผ่นดิน