ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 65
ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 65
อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึง การแสดงตนเป็นปรปักษ์ของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ที่มีต่อปาฏิหาริย์ของศาสดาซอลิฮ์ (อ.) และการลงโทษอันใกล้นี้ โองการกล่าวว่า
فَعَقَرُوهَا فَقَالَ تَمَتَّعُوا فِي دَارِكُمْ ثَلَاثَةَ أَيَّامٍ ذلِكَ وَعْدٌ غَيْرُ مَكْذُوبٍ
คำแปล :
65. ต่อมาพวกเขา (หมู่ชนษะมูด) ได้ฆ่าอูฐนั้น ดังนั้น เขา (ซอลิฮ์) จึงกล่าวว่า จงสุขสำราญในบ้านของพวกท่านสามวัน (หลังจากนั้นพวกท่านจะถูกลงโทษ) นั่นคือสัญญาที่ไม่โกหก
คำอธิบาย :
1. คำว่า อะกัรรูฮา ตามรากศัพท์เดิมหมายถึง ฐานราก หรือรากฐานของสิ่งหนึ่ง เมื่อพวกเขาได้สังหารอูฐอย่างทารุณ รากฐานของมันก็ได้ถูกถอดถอนไปด้วย ในที่นี้จึงหมายถึง การสังหารอย่างเหี้ยมโหด บางครั้งก็หมายถึงการสังหารโดยการตัดเท้าหน้าและเท้าหลังของอูฐ ซึ่งทั้งหมดเหล่านั้นก็ย้อนกลับไปหาความหมายดังกล่าวเช่นกัน
2. ฝูงอูฐเหล่านั้นศาสดาซอลิฮ์ (อ.) ได้นำออกมาในรูปของปาฏิหาริย์ เพื่อปลุกประชาชนให้ตื่นและโน้มน้าวความคิดของพวกเขาไปสู่ศาสดา ด้วยเหตุนี้ มีบางกลุ่มจากกลุ่มชนของษะมูดซึ่งเป็นชนชั้นนำภายในกลุ่มได้วางแผนที่จะทำลายอูฐเหล่านั้น และในที่สุดแล้วพวกเขาก็สามารถสังหารอูฐได้ตัวหนึ่ง โดยฟันไปที่ขาของมัน
3. สิ่งที่น่าใคร่ครวญคือ ตามรายงานฮะดีซกล่าวว่า มีคนหนึ่งได้สังหารอูฐอย่างทารุณ แต่โองการนี้กลับกล่าวพาดพิงถึงผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งกลุ่มว่าเป็นผู้สังหารอูฐ เนื่องจากอิสลามถือว่าความพึงพอใจในกิจการงานบางอย่างแม้จะอยู่ในใจ ซึ่งไม่ได้แสดงออกมาก็ถือว่าตนมีส่วนร่วมในงานนั้นโดยปริยาย เนื่องจากทุกบุคคลที่ได้กระทำกิจการงาน ได้กระทำไปตามเจตคติด้านใน (หมายถึงตั้งเจตนาก่อนแล้วจึงกระทำ)
4. รายงานบทหนึ่งจากท่านอิมามริฎอ (อ.) กล่าวว่า
لَوْ أَنَّ رَجُلاً قُتِلَ فِى الْمَشْرِقِ فَرَضِيَ بِقَتْلِهِ رَجُلٌ بِالْمَغْرِبِ لَكانَ الرّاضِي عِنْدَ اللّهِ عَزَّوَجَلَّ شَرِيكَ الْقاتِل
“บุคคลใดก็ตามถูกสังหาร ณ ตะวันออก แต่คนในตะวันตกได้แสดงความพึงพอใจ ดังนั้น ณ เบื้องพระพักตร์ของอัลลอฮ์ ถือว่าเขามีส่วนร่วมในการสังหารนั้นด้วย”
5. รายงานอีกบทหนึ่งกล่าวว่า หลังจากได้รับชัยชนะในสงครามยะมันแล้ว มีสหายคนหนึ่งของท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า ฉันชอบมากทีเดียวที่จะเห็นพี่น้องของฉันในที่นี้ ท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า พี่น้องของเจ้าเขารู้สึกดีกับพวกเราหรือ ? เขาตอบว่า ใช่ เป็นเช่นนั้น
ท่านอิมาม (อ.) กล่าวว่า แท้จริงเขาได้มอยู่ร่วมกับเราในสนามรบด้วย หรือแม้แต่บุคคลที่ได้เข้าร่วมในกองทัพของเรา แม้ว่าขณะนี้เขายังอยู่ในไขสันหลังของบิดาและอยู่ในครรภ์ของมารดา (ยังไม่ได้เกิดมา) แต่ในไม่ช้านี้พวกเขาจะได้เกิดขึ้นมาพลังแห่งความศรัทธาจะถูกเสริมเพิ่มเติมด้วยพละกำลังของเขา
6. การที่อัลลอฮ์ (ซบ.) ได้ให้เวลาแก่หมู่ชนษะมูดเป็นเวลา 3 วัน อาจเป็นเพราะว่าต้องการให้พวกเขากลับใจขอลุแก่โทษ หรือต้องการบีบบังคับทางจิตวิญญาณของพวกเขาให้หวาดกลัวต่อการลงโทษ หรืออาจต้องการพิสูจน์ความสัจจริงของศาสดาซอลิฮ์ (อ.) ว่า ท่านมีความรอบรู้ในเรื่องสิ่งเร้นลับด้วย
บทเรียนจากโองการ :
1. การตั้งตนเป็นปรปักษ์กับปาฏิหาริย์ของศาสดา จงรอคอยการลงโทษที่รออยู่เบื้องหน้าเถิด
2. จงอย่าคิดว่าคำตักเตือนของพระเจ้าเป็นการมุสา
3.บุคคลใดมีความพึงพอใจในการฝ่าฝืนของบุคคลอื่น เท่ากับเขามีส่วนร่วมในการฝ่าฝืนนั้นด้วย