ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 78

 

อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึง ความกักขฬะของหมู่ชนลูฎ ที่หาญกล้าต้องการแสดงรักร่วมเพศกับชายหนุ่มที่เป็นแขกของศาสดาลูฏ (อ.) อัลกุรอานกล่าวว่า

 

وَجَاءَهُ قَوْمُهُ يُهْرَعُونَ إِلَيْهِ وَمِن قَبْلُ كَانُوا يَعْمَلُونَ السَّيِّئاتِ قَالَ يَاقَوْمِ هَؤُلاءِ بَنَاتي هُنَّ أَطْهَرُ لَكُمْ فَاتَّقُوا اللَّهَ وَلَا تُخْزُونِ فِي ضَيْفِي أَلَيْسَ مِنكُمْ رَجُلٌ رَشِيدٌ

 

คำแปล :

 

78. และหมู่ชนของเขาได้มาหาเขา (ลูฏ) อย่างรีบร้อน และก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยทำความชั่วมาก่อน เขา (ลูฎ) กล่าวว่า "โอ้ หมู่ชนของฉันเอ๋ย เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน พวกนางนั้นบริสุทธิ์ยิ่งสำหรับพวกท่าน ดังนั้น จงสำรวมตนต่ออัลลอฮ์เถิด และอย่าทำให้ฉันอับอายต่อแขกของฉันเลย ไม่มีผู้ชายสักคนในหมู่พวกท่านที่มีสติสัมปชัญญะบ้างหรือ

 

คำอธิบาย:

 

1.ศาสดาลูฎ (อ.) เมื่อได้พบกับมลาอิกะฮ์ในร่างของชายหนุ่มที่มีใบหน้าหล่อและสง่างามยิ่ง พวกเขาต้องการเป็นแขกศาสดาลูฏ (อ.) ท่านได้ประวิงเวลาพวกเขาไว้เล็กน้อย จนกระทั่งใกล้เวลาพบคล่ำเพื่อให้รอดพ้นสายตาของหมู่ชนที่นิยมรักร่วมเพศ ท่านได้พาแขกไปบ้าน และในระหว่างทางท่านศาสดาได้บอกกับแขกว่า ประชาชนในเมืองนี้ส่วนใหญ่หลงทางทั้งสิ้น เพื่อย้ำเตือนให้แขกได้รู้ตัวเพื่อจะได้ระวังต่อไป

 

2. รายงานได้กล่าวว่า ศาสดาลูฎ (อ.) ได้ทิ้งช่วงเวลาให้ล่าออกไปจนถึงเวลาพลบค่ำ ก่อนที่จะพาแขกไปบ้านของท่าน เพื่อต้องการหลีกเลี่ยงสายตาของบรรดาคนชั่วร้ายทั้งหลาย และต้องการรักษาหน้าตาและเกียรติยศของตนและของแขกด้วย

 

แต่จะทำประการใดได้ หากคนเรามีศัตรูทั้งภายในและนอกบ้าน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งศัตรูภายในบ้าน ?

 

ภริยาของศาสดาลูฎ (อ.) เป็นหญิงปฏิเสธศรัทธา นางได้ให้ความช่วยเหลือหมู่ชนเหล่านั้น เมื่อนางได้ข่าวว่ามีแขกเป็นเด็กหนุ่มรูปร่างหน้าตาดีมาพักที่บ้าน นางได้ขึ้นไปบนหลังคาบ้าน อันดับแรก นางได้ส่งสัญญาณด้วยการปรบมือ หลังจากนั้นนางได้จุดไฟ เพื่อให้เกิดแสงสว่างและส่งควัน เป็นการส่งข่าวให้หมู่ชนที่หลงผิดได้รับรู้ พวกเขาจะได้กระหายที่จะล่าเหยือยต่อไป[2] ตรงนี้อัลกุรอานกล่าวว่า “และหมู่ชนของเขาได้มาหาเขา (ลูฏ) อย่างรีบร้อน”

 

2. วัตถุประสงค์ของลูฎที่กล่าวว่า “เหล่านี้คือลูกสาวของฉัน” ในโองการข้างต้น อาจเป็นลูกสาวของท่านจริงก็ได้ ซึ่งท่านพร้อมที่จะให้พวกนางแต่งงานกับชายหนุ่ม เพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองและแขกที่มาเยือน หรืออาจเป็นบุตรีของประชาชนซึ่งบุตรีของประชาชาติในความเป็นจริงก็คือบุตรีของศาสดา แต่อย่างไรก็ตามความคิดเห็นประการแรกมีความเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากเข้ากับความหมายภายนอกของโองการได้เป็นอย่างดี

 

3. ศาสดาลูฎ (อ.) ได้ยื่นข้อเสนอกับประชาชนผู้ปฏิเสธศรัทธา ให้แต่งงานกับบุตรีของตน อาจเป็นเพราะว่าตามหลักการศาสนาในสมัยนั้น การแต่งงานระหว่างหญิงศรัทธากับชายผู้ปฏิเสธอาจจะไม่ผิดหลักการ หรือวัตถุประสงค์ของศาสดาลูฎ (อ.) อาจหมายถึงการแต่งงานตามหลักการ กล่าวคือถ้าหากชายผู้ปฏิเสธเปลี่ยนเป็นผู้ศรัทธา ก็สามารถแต่งงานกับบุตรีของท่านได้

 

4.วัตถุประสงค์ที่กล่าวว่า “พวกนางนั้นบริสุทธิ์ยิ่งสำหรับพวกท่าน” ไม่ได้หมายความว่าการรักร่วมเพศนั้นเป็นสิ่งบริสุทธิ์ และพวกเขาเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ ทว่าการกล่าวเข่นนั้นในอาหรับเพื่อเป็นการเปรียบเทียบระหว่าง 2 งานที่ดีและไม่ดี ดังเช่นที่กล่าวถึงความเร็วในระดับสูงว่า การมาถึงช้าดีกว่าการมาไม่ถึงเลย ซึ่งสิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าการมาไม่ถึงจะดีกว่า

 

5. การที่ลูฏ (อ.) กล่าวว่า “ไม่มีผู้ชายสักคนในหมู่พวกท่านที่มีสติสัมปชัญญะบ้างหรือ” บ่งชี้ให้เห็นความจริงประการหนึ่งว่า ถ้าหากมีบุรุษที่ได้รับการชี้นำสักคนหนึ่งในหมู่ประชาชาติ เพื่อทำหน้าที่กีดขวางการหลงผิดต่างๆ จะมีความเหมาะสมยิ่ง แน่นอนว่า บทบาทนี้เป็นของผู้นำแห่งพระเจ้าหรือวีรบุรุษซึ่งพวกเขาได้แสดงบทบาทเป็นที่ประจักษ์ในสังคม

 

บทเรียนจากโองการ:

 

1. การรักร่วมเพศ เป็นพฤติกรรมชั่วร้ายยิ่งที่ได้รับการสาปแช่ง ไม่มียางอาย และเป็นการปลุกเร้าไปสู่บาปกรรมโดยเร็ว

 

2. ถ้าหากต้องการห้ามปรามประชาชนจากการทำความผิด อันดับแรกควรจะแนะนำแนวทางที่สะอาดและเป็นที่อนุมัติแก่พวกเขา

 

3. หากบิดาฝ่ายหญิงจะเป็นผู้เสนอการแต่งงาน ถือว่าไม่เป็นไรและไม่เสียหาย

 

4. การแต่งงานกับเพศตรงข้ามคือ วิธีการที่ถูกต้อง สะอาดและบริสุทธิ์ยิ่ง มิใช่แต่งงานกับเพศเดียวกันอันถือว่าเป็นความวิตถารที่หน้าขยะแขยงยิ่งนัก

 

5 จงให้การต้อนรับแขก ขณะเดียวกันต้องปกป้องแขกด้วย

 

6. การรักร่วมเพศ เป็นการกระทำที่เลวร้ายยิ่งของคนที่ไร้สติสัมปชัญญะ แม้แต่สัตว์เดรัจฉาก็มิได้กระทำเยี่ยงนั้น

 

7.รักร่วมเพศเป็นสิ่งต้องห้ามในทุกศาสนา