เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่ 81

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ตัฟซีรอัลกุรอาน บทฮูด โองการที่  81

 


อัลกุรอาน โองการนี้กล่าวถึงการใกล้ที่จะถูกลงโทษของหมู่ชนของลูฏ และการได้รับความช่วยเหลือของลูฏและครอบครัว โองการกล่าวว่า

 

قَالُوا يَالُوطُ إِنَّا رُسُلُ رَبِّكَ لَن يَصِلُوا إِلَيْكَ فَأَسْرِ بِأَهْلِكَ بِقِطْعٍ مِنَ اللَّيْلِ وَلَا يَلْتَفِتْ مِنكُمْ أَحَدٌ إِلَّا امْرَأَتَكَ إِنَّهُ مُصِيبُهَا مَا أَصَابَهُمْ إِنَّ مَوْعِدَهُمُ الصُّبْحُ‏ أَلَيْسَ الصُّبْحُ بِقَرِيبٍ‏

 

คำแปล:

81. พวกเขา (มะลาอิกะฮ์) กล่าวว่า โอ้ ลูฏเอ๋ย แท้จริงเราเป็นทูตของพระผู้อภิบาลของท่าน พวกเขาจะไม่อาจทำร้ายท่านได้ ดังนั้น จงเดินทางไปในยามรัตติกาลพร้อมกับครอบครัวของท่าน และอย่าให้คนใดในหมู่พวกท่านเหลียวหลังกลับมอง เว้นแต่ภริยาของท่าน แท้จริง นางจะประสบ (การลงโทษ) เช่นเดียวกับที่ได้ประสบแก่พวกเขา แท้จริง สัญญาของพวกเขาคือ ยามเช้า และยามเช้านั้นใกล้เข้ามาแล้วไม่ใช่หรือ?

 

คำอธิบาย :

 

วาระสุดท้ายแห่งชีวิตของหมู่ชนผู้อธรรม

 

ในที่สุดเมื่อคณะทูตจากองค์พระผู้อภิบาลได้เห็นความเป็นกังวลอย่างรุนแรงของศาสดาลูฎว่า ท่านตกอยู่ในภาวะของการทดสอบและการกลั่นแกลังอย่างรุนแรงจากหมู่ชน จิตใจของท่านทุกข์ระทม พวกเขาจึงได้บอกความจริงกับศาสดาว่าแท้จริงแล้วพวกเขาเป็นใคร

 

1.ศาสดาลูฎได้อยู่ในบ้านของท่านพร้อมกับมะลาอิกะฮ์ในร่างของชายหนุ่มที่มีความสง่างาม ท่านได้ถูกโจมตีโดยหมู่ชนที่นิยมเพศเดียวกัน ท่านเสียใจและโกรธมาก แต่ครั้นเมื่อคณะทูตได้แนะนำตัวเองว่าเป็นมะลาอิกะฮ์ ที่ถูกส่งลงมาจากพระผู้อภิบาล จิตใจของศาสดาลูฏก็ได้สงบลง และเข้าใจได้ทันทีว่าช่วงเวลาแห่งการช่วยเหลือกำลังจะมาถึงท่านในไม่ช้านี้

 

ประเด็นดังกล่าวอาจเป็นเพราะว่ามวลมะลาอิกะฮ์ ไม่ได้คิดว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าสำหรับลูฎ หรือต้องการบอกว่าเราคือ มะลาอิกะฮ์ พวกเหล่านั้นไม่มีวันทำร้ายเราและท่านได้หรอก

 

3. อัลกุรอาน โองการที่ 73 บทเกาะมัร กล่าวว่า พวกนิยมในรักร่วมเพศตั้งใจที่จะปลุกปล้ำแขกของลูฏ แต่ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาได้มืดบอดลง และหมดกำลังในการก่อกรรมชั่วทันที ฮะดีซบางบท กล่าวว่า มีมลาอิกะฮ์องค์หนึ่งจากพวกเขาคว้าฝุ่นดินขว้างไปที่ใบหน้าของพวกนิยมรักร่วมเพศ แล้วสายตาของพวกเขาก็มืดบอดลง

 

4. นักอรรถาธิบายกุรอานกล่าวถึงประโยคที่ว่า “อย่าให้คนใดในหมู่พวกท่านเหลียวหลังกลับมอง” ว่ามีหลายทัศนะด้วยกันกล่าวคือ

 

4.1 ห้ามไม่ให้ผู้ใดสักคนหันหลังกลับมามอง เนื่องจากปฐมบทของการลงโทษกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว

 

4.2 ห้ามไม่ให้ผู้ใดคิดถึงทรัพย์สมบัติของตน ขอให้ช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากการลงโทษครั้งนี้ให้ได้สถานเดียว

 

4.3 ห้ามไม่ให้คนใดในครอบครัวของลูฏสักคนตกขบวนไปจากกลุ่มเด็ดขาด

 

แน่นอน อาจเป็นไปได้ว่าทั้งหมดที่กล่าวมานี้เป็นวัตถุประสงค์ของโองการทั้งหมด ซึ่งการรวมทั้งหมดเข้าด้วยกันถือว่าไม่มีปัญหาอันใดทั้งสิ้น

 

5. ส่วนกรณียกเว้นคือ ภริยาของท่านศาสดาลูฎ (อ.) อาจเป็นไปได้ 2 ลักษณะ กล่าวคือ

 

ประการแรก สมาชิกในครอบครัวของศาสดาลูฎ (อ.) ไม่มีผู้ใดเหลียวหลังกลับมามอง นอกเสียจากภริยาของท่านเพียงคนเดียว ที่ฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว นางจึงต้องถูกลงโทษไปกับพวกเขาด้วย

 

ประการที่สอง ศาสดาลูฎ (อ.) ได้รับมอบหมายให้พาครอบครัวออกไปนอกเมือง ยกเว้นภริยาของท่านเพียงคนเดียวที่ยังอยู่ในเมือง และได้รับการลงโทษในที่สุด

 

6. ได้มีคำสั่งแก่ศาสดาลูฎ (อ.) ว่า จงออกเดินทางในยามรัตติกาล เนื่องจากการลงโทษจะล่าช้าไปจนถึงยามเช้า ซึ่งการปล่อยการลงโทษให้ล่าช้าไปจนถึงยามเช้านั้น นักอรรถาธิบายแบ่งเป็นหลายทัศนะด้วยกัน

 

6.1 เพื่อให้ศาสดาลูฎ (อ.) และครอบครัวมีเวลาพอเพียงที่จะเดินทางไปนอกเมือง

 

6.2 เพื่อให้พวกนิยมรักร่วมเพศที่ตาบอดทั้งหมด นำเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนไปแจ้งให้ประชาชนได้รับรู้ พวกเขาจะได้ตื่นจากความลืมเลือน และกลับใจหันมาสู่อัลลอฮ์

 

6.3 เนื่องจากอัลลอฮ์ (ซบ.) ไม่ประสงค์ที่จะลงโทษหมู่ชนของลูฎในยามกลางคืนโดยที่ไม่รู้ตัว

 

7. การเป็นเครือญาติกับศาสดา มิใช่เกณฑ์ที่จะทำให้ท่านรอดพ้นการลงโทษของพระเจ้าไปได้ ทว่าเงื่อนไขที่จะทำให้มนุษย์รอดพ้นการลงโทษได้คือ ความศรัทธามั่น (อีมาน) เท่านั้นเอง ดังจะเห็นว่าภริยาของศาสดาลูฏ (อ.) เนื่องจากนางไม่ศรัทธาจึงได้รับการลงโทษไปพร้อมกับชาวเมือง

 

บทเรียนจากโองการ:

 

1. อัลลอฮ์ (ซบ.) ไม่อาจอดทนอดกลั้นกับพวกรักร่วมเพศต่อไปได้ พระองค์จึงลงโทษพวกเขาอย่างรุนแรง

 

2. อัลลอฮ์ (ซบ.) ทรงปกป้องเหล่าผู้นำของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธาให้รอดพ้นไปจากการลงโทษ

 

3. ในระบบอิสลามอันมีค่ายิ่งนี้ กฎเกณฑ์ ยิ่งใหญ่และครอบคลุมเหนือความสัมพันธุ์

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม