เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อัลกุรอาน โองการที่ 11,12 บทยูซุฟ

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

อัลกุรอาน โองการที่ 11,12 บทยูซุฟ

 

อัลกุรอาน ทั้งสองโองการนี้ กล่าวถึงการสร้างสถานการณ์ของบรรดาพี่น้องยูซุฟ ที่ต้องการแยกเขาออกมาบิดา และกล่าวถึงข้ออ้างของพวกเขา โองการกล่าวว่า

11 و 12. قَالُواْ يأَبَانَا مَالَكَ لَاتَأْمَنَّا عَلَى‏ يُوسُفَ وَإِنَّا لَهُ لَنصِحُونَ* أَرْسِلْهُ مَعَنَا غَداً يَرْتَعْ وَيَلْعَبْ وَإِنَّا لَهُ لَحفِظُونَ‏

คำแปล :

11. (หลังจากออกอุบายแล้ว) พวกเขาได้กล่าวว่า โอ้ พ่อจ๋า ไฉนท่านจึงไม่ไว้ใจเราที่มีต่อยูซุฟ ขณะที่เราเป็นผู้หวังดีต่อเขา

12. พรุ่งนี้ขอให้ส่งเขาไปกับเราเถิด เพื่อเขาจะกินให้อิ่มและละเล่นอย่างสนุกสนาน แท้จริง เราจะเป็นผู้คุ้มครองดูแลเขา

คำอธิบาย :

1. โองการก่อนหน้านี้กล่าวถึงการนำเสนอแผนการที่จะโยนยูซุฟ (อ.) ลงไปในบ่อลึกแทนการสังหาร แต่ในโองการนี้กล่าวถึงวิธีการว่าจะทำอย่างไรจึงจะสามารถแยกยูซุฟออกจากบิดาได้ เพื่อจะได้ปฏิบัติตามแผนการขั้นต่อไป

2. บรรดาพี่น้องของยูซุฟ (อ.) ได้ใช้วิธีการกระตุ้นและปลุกเร้าด้านจิตวิทยาในการแยกยูซุฟออกจากบิดา พวกเขาได้ใช้วิธีกล่าวหาทางอ้อมว่า บิดาไม่ไว้วางใจพวกเขาดอกหรือ ในการดูแลยูซุฟ พวกเขคือผู้ดูแลยูซุฟที่ดีที่สุด จนกระทั่งว่าบิดาได้แสดงปฏิกิริยาตอบโต้ออกมา เพื่อปกป้องสถานการณ์ และในที่สุดบิดาได้ยอมรับความต้องการของพวกเขา และยอมปล่อยให้ยูซุฟเดินทางไปกับพวกเขา

3. เหล่าพี่น้องของศาสดายูซุฟ (อ.) ได้นำเหตุผลและข้อกล่าวอ้างต่างๆ นานามาเสนอแก่บิดา อาทิเช่น

- กล่าวว่า พวกเราหวังดีต่อยูซุฟ

- เราจะปล่อยให้เขาวิ่งเล่นตามความพอใจอย่างสนุกสนาน และพวกเราคือผู้ที่เติมเต็มความต้องการของเขา

- เราจะปกป้องเขาจากภยันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับเขา

4. แผนการของเหล่าบรรดาพี่น้องของยูซุฟได้ถูกวางไว้อย่างมืออาชีพ ซึ่งด้านหนึ่งเป็นการบีบบังคับให้บิดาพบกับทางตันจนกระทั่งยอมปล่อยยูซุฟไปกับพวกเขา อีกด้านหนึ่งเนื่องจากยูซุฟยังเป็นเด็ก เขาจึงเสนอการวิ่งเล่นในทะเลทรายเพื่อเป็นการหลอกล่อ ซึ่งทั้งสองกรณีเท่ากับเป็นการบีบบังคับบิดาให้ยอมจำนวนแผนการของพวกเขา

5. โองการข้างต้นแสดงให้เห็นว่าบางครั้งศัตรูก็มีคุณลักษณะของ สุนัขจิ้งจอก โดยใช้วิธีความเป็นมิตรสนิทชิดเชื้อ และหลอกล่อด้วยเล่ห์ต่างๆ นานา เพื่อให้แผนการของตนบรรลุเป้าหมาย ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้ได้ถูกใช้ในครอบครัว สังคม และการเมืองระหว่างประเทศ ดังที่เราได้เห็นว่า บรรดานักล่าอาณานิคม และพวกเผด็จการทั้งหลาย ตลอดจนประเทศอภิมหาอำนาจบนโลกนี้ ได้ปล้นสะดมผลประโยชน์ของประเทศชาติต่างๆ ในโลกที่สาม โดยใช้แผนการภายใต้ชื่อว่า ความสัมพันธ์และสนธิสัญญาในการปกป้องสนับสนุนสิทธิมนุษย์ชน บางครั้งก็ขนยารักษาโรค หรืออาหารไปมอบให้ โดยส่งสายลับคอยสอดแนมในคราบของนักการเมืองหรือผู้เชี่ยวชาญไปยังประเทศเหล่านั้น

6. หนึ่งในความต้องการอันเป็นธรรมชาติของมนุษย์คือ การละเล่นที่สมบูรณ์ ซึ่งพี่น้องของยูซุฟ (อ.) ได้ใช้มาตรการนี้ล่อลวงจนกระทั่งสามารถแยกยูซูฟ ออกจากบิดาได้ ซึ่งศาสดายะอฺกูบ (อ.) ผู้เป็นบิดาก็มิได้ท้วงติงแต่อย่างใด และยอมรับข้อเสนอของพวกเขา

7. รายงานฮะดีซ จากท่านอิมามอะลี (อ.) กล่าวว่า สำหรับผู้ศรัทธาจะแบ่งเวลาในวันหนึ่งออกเป็น 3 ช่วง กล่าวคือ

ช่วงแรกจะอยู่กับการแสดงความเคารพภักดีและการวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของตน (8 ชั่วโมงจะมอบเวลาแด่อัลลอฮฺ)

ช่วงที่สองจะใช้เพื่อการดำรงชีพ (8 ชั่วโมงจะแสวงหาปัจจัยยังชีพในแต่ละวัน) ช่วงที่สามจะใช้เพื่อตนเองและการแสวงหาความสุขเพื่อเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากสิ่งที่อนุมัติ (8 ชั่วโมงจะใช้เพื่อการบริโภค การอยู่กับครอบครัว และการนอนหลับพักผ่อน)[2]

ฮะดีซบางบท กล่าวเพิ่มเติมว่า การละเล่นหรือการผักผ่อนที่สมบูรณ์คือ โปรแกรมที่จะช่วยเหลือให้โครงการอื่นสำเร็จลุล่วง

8. ตามคำสอนของอิสลามได้สนับสนุนและให้ความสำคัญเรื่องการกีฬา การออกกำลังกาย และการพักผ่อนที่สมบูรณ์ บางครั้งได้วางเงื่อนไขสำหรับการแข่งขัน เช่น การแข่งม้า หรือการยิงธนู ซึ่งได้รับอนุญาตในอิสลาม แน่นอน อิสลามได้วางระบบและเน้นเรื่อง ความสมบูรณ์และอนุมัติ (ฮะลาล) ในการละเล่นหรือการแข่งขัน เนื่องจากการพักผ่อนที่ไม่ถูกต้อง นอกจากจะทำให้มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยและสูญเสียด้านการงานแล้ว ทว่ายังสร้างความเหน็ดเหนื่อยให้จิตวิญญาณ และระบบปราสาทของมนุษย์อีกด้วย ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่การงานต่อไปได้

9. เหล่าพี่น้องของยูซุฟ ได้หยิยฉวยประโยชน์เรื่องการรักในการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนของยูซุฟ มาทำประโยชน์แก่ตน โดยแยกยูซุฟออกจากบิดา ซึ่งทุกวันนี้เราก็จะเห็นว่าในโลกของเผด็จการได้ใช้ประโยชน์ด้านการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพของเยาวชน ไปในหนทางที่บิดเบือน และทำให้พวกเขาต้องหลงผิดออกไปสู่สิ่งไม่ดี พวกเขาได้ใช้แผนการละเล่นบางอย่างที่สุดโต่งกับโลกที่สาม เพื่อดำเนินแผนการของตนในกอบโกยผลประโยชน์ของพวกเขา โดยทำให้ประชาชนต้องหลงไปจากวัตถุประสงค์หลักของตน ไม่ต้องสนใจปัญหาเรื่องการเมืองการปกครอง ไม่ต้องใส่ใจกับปัญหาสังคม ให้มุ่งแสวงหาความสุขส่วนตัวก็เพียงพอแล้ว ด้วยเหตุนี้ เยาวชนมุสลิมจะต้องตื่นตัวไม่หลงงมงายไปกับแผนการของพวกเขา พวกเธอจงใช้ประโยชน์จากการพักผ่อนเพื่อสุขภาพสมบูรณ์ให้ดีที่สุด ระมัดระวังแผนการร้ายของตะวันตกและประเทศอภิมหาอำนาจให้ดี พยายามแสวงหาข้อมูลใหม่ๆ ด้านการเมือง สังคม และศาสนาให้ตนเองเสมอ พยายามขัดขวางและทำลายแผนการของศัตรูให้สูญสิ้น

10. จากโองการข้างต้นเข้าใจได้ว่ายะอฺกูบ (อ.) ในฐานะที่เป็นบิดาที่มีใจเป็นห่วงเป็นใยบุตร แม้แต่การท่องเที่ยวของบุตรก็ยังอยู่ในการดูแลและเอาใจใส่ของตน ซึ่งจะเห็นได้ว่าถ้หากไม่ได้รับอนุญาตจากตนก็จงอย่าไปเล่นในทะเลาทรายเด็ดขาด

บทเรียนจากโองการ :

1. ไม่ต้องใส่ใจต่อการโฆษณาชวนเชื่อของศัตรู เนื่องจากพวกเขาได้สอดแทรกแผนการของพวกเขาไว้ในอาภรณ์แห่งความหวังดี แต่ในเบื้องหลังแล้วพวกเขาต้องการดำเนินแผนการของตนให้บรรลุเป้าหมายต่างหาก

2. ความอิจฉาริษยา และแผนการร้ายมักโน้มนำมนุษย์ไปสู่การกรุเรื่องมุสาต่างๆ และการวางแผนการร้ายต่อบุคคลอื่น

3.การออกกำลังกายเป็นหนึ่งในการพักผ่อนอันเป็นความต้องการทางธรรมชาติของมนุษย์ทุกคน

4. ศัตรูคือผู้วางแผนการร้าย บางครั้งได้วางแผนล่อลวงบุตรผู้เป็นที่รักของท่านให้หลงทางด้วย สิ่งอำนวยความสะดวกด้วยการท่องเที่ยวที่ดี ความสะดวกสบาย การให้บริการ และอื่นๆ เพื่อให้ลุ่มหลงไปกับแผนการของพวกเขา

5. จงระวังความสามารถและศักยภาพที่โดดเด่นของตน เพื่อศัตรูจะได้ไม่ขโมยสิ่งนี้ไปจากท่าน

6. มีสองมาตรฐานในการควบคุมดูแลเด็กกล่าวคือ ความหวังดี และการคุ้มครองปกป้อง

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม