รู้จักนะฮ์ญุลบะลาเฆาฮ์ ตอนที่ 6

รู้จักนะฮ์ญุลบะลาเฆาฮ์ ตอนที่ 6

 

นะฮ์ญุลบะลาเฆาฮ์ คลังแห่งวิทยปัญญา

 

คำสอนที่ทรงพลังและให้คติสอนใจถือว่าเป็นคลังแห่งปัญญาและเป็นแหล่งการเรียนรู้ที่ไม่มีวันจบสิ้นทีเดียว เราเรียกคำสอนนั้นว่า”คลังแห่งวิทยปัญญา”  เพราะมันคือคำพูดที่ทรงพลังหรือคำสอนที่เต็มไปด้วยหลักคิดอันล้ำลึก ไม่ยึดอยู่แค่สมัยหนึ่งสมัยใด มันจะคงตราตรึงดำรงอยู่ต่อไปไม่มีวันตายและยังคงเป็นปาฎิหาริย์หนึ่งให้นักคิดปวงปราชญ์ทุกยุคทุกสมัยนั้นนำมาเรียนรู้ พิเคราะห์และค้นคว้าวิจัยเพื่อเป็นแนวทางและทางนำในการดำเนินชีวิต


   คำว่า”อัลฮิกมะฮ์” ในภาษาอาหรับ เมื่อแปลเป็นภาษาไทย คือ”วิทยปัญญาขั้นสูง” ภาษาอังกฤษคือ “Wisdom”ให้ความหมายลึกซึ่งกว่าคำว่า”อัลอักล์”  แปลว่า การมีปัญญา เพราะว่าคำสองคำนี้เป็นการบ่งบอกถึงระดับขั้นของผู้มีปัญญา  ดังนั้นคนที่มีวิทยปัญญาสูงเรียกว่า “ฮะกีม”  และถึงแม้ว่าคำว่า”ฮะกีม”เป็นพระคุณลักษณะหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้าก็ตาม ดังนั้น เป็นไปได้ที่เรียกปวงปราชญ์หรือผู้มีวิทยปัญญาขั้นสูงว่า”ฮะกีม” เพื่อจะบอกว่าความลี้ลับทางความรู้สูงสุดนั้นถูกถ่ายเทมาจากองค์ความรู้ของพระเจ้า  ดังนั้นจะพบว่านักปรัชญามุสลิมในยุคก่อนๆพวกเขาจะเรียกวิชาด้านอภิปรัชญาว่า “อัลฮิกมะฮ์”  และนักปรัชญาเรียกตัวเองว่า”ฮะกีม”ส่วนผู้ที่มีปัญญาจะเรียกว่า “อากิล”


   นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ถือว่าเป็นคลังแห่งวิทยปัญญา ดังนั้น การเข้าถึงเนื้อหา การเรียนรู้คำสอนจากนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ คือการเข้าถึงวิทยปัญญาขั้นสูง
ถ้าได้พิจารณาต่อมนุษย์ที่สมบูรณ์ คือผู้มีฐานะภาพยิ่งใหญ่ทางด้านจิตวิญญาณ ผู้ทรงจาริกทางด้านจิตวิญญาณถึงขั้นระดับสูงสุด ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะของศาสดา หรือฐานะของศาสนทูต หรือปุถุชนคนธรรมดาก็ตาม ถ้าเขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ในทรรศนะของอิสลามถือว่าเขาผู้นั้นคือตัวแทนขององค์อัลลอฮ์(คอลีฟะตุลลอฮ์และยังเป็นผู้แสดงถึงคุณลักษณะขององค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) เรียกตามนักรหัยนิยมอิสลามว่า”พวกเขาคือเงาแห่งพระเจ้า”(مظهر اسم اعظم الله)  และคำว่า”ฮะกีมนี้ เป็นหนึ่งจากนามอันสูงส่งขององค์อัลลอฮ์ ดังนั้นใครก็ตามไปถึงขั้นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ชั้นโสดาบรรณ เขาผู้นั้นมีวิทยปัญญาทั้งทางกระบวนทัศน์(Theoretical)และวิธีคิดที่ถูกต้อง และมีความเป็นวิทยปัญญาทางหลักปฎิบัติ(Practical)   และผลของการไปถึงระดับขั้นสูงนั้น เขาจะได้รับประโยชน์ทั้งโลกนี้และโลกหน้าและเป็นผู้มีความยิ่งใหญ่ ดังที่อัลกุรอานได้กล่าวว่า...


“องค์อัลลอฮทรงมอบวิทยปัญญา(อัลฮิกมะฮ์)ให้ผู้ใดก็ได้ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ และใครก็ตามได้รับวิทยปัญญานั้น(ฮิกมะฮ์) แน่นอนเขาได้รับความดีงามอย่างมากมายทีเดียว”(บะกอเราะฮ/269)


  อัลกุรอาน ยังได้ยืนยันถึงบุคคลบางคนว่า พวกเขาได้รับวิทยปัญญาขั้นสูง(ฮิกมะฮ์)จากพระองค์ อัลลอฮ์ ( ซ.บ.) เช่น ลุกมาน ฮะกีม ศาสดาดาวูด   ศาสดาอิบรอฮีมและลูกหลานของอิบรอฮีม และทศาสดามุฮัมมัด ดังโองการต่อไปนี้


 “และแน่นอนเราได้ให้วิทยปัญญาชั้นสูงแก่ลุกมาน”


 “และดาวูดได้สังหารญาลูต และองค์อัลลอฮ์ก็ได้ทรงประทานอำนาจการปกครองและวิทยปัญญาแก่เขา และพระองค์ทรงสอนเขา ตามที่พระองค์ทรงประสงค์”

(๒/๒๕๑)


 “แน่นอนยิ่งเราได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่วงศ์วานของอิบรอฮีมและได้ประทานอำนาจการปกครองอันไพศาลแก่พวกเขา”(บทที่๔ โองการที่๕๔)


“พระองค์คือผู้ทรงแต่งตั้งศาสดาคนหนึ่งที่มาจากพวกเขา ในกลุ่มผู้ไม่ได้รับการประศาสน์ความรู้ เขาจะสาธยายโองการต่างๆของพระองค์ให้พวกเขา(รับฟัง) เขาจะคัดเคลาพวกเขา(ให้สะอาด) จะสอนคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่พวกเขา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะตกอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง(บทอัลญุมุอะฮ โองการที่๒)


“จงเรียกร้องเชิญชวนสู่แนวทางแห่งพระผู้อภิบาลของพระเจ้าด้วยวิทยปัญญาและคำตักเตือนที่ดี”(บทอันนะฮล์ โองการที่๑๒๕)


โองการข้างต้น ชี้ให้เห็นว่า ใครก็ตามได้เชิญชวนประชาชนสู่ศาสนาแห่งอิสลาม โดยวิธีแห่งวิทยปัญญา นำเสนอหลักการอย่างมีเหตุมีผล มีหลักการ มั่นคง และพิสูจน์ได้ เราเรียกว่าผู้นั้นว่า “ฮะกีม”  แต่อย่างไรก็ตามสำหรับนั้น”ฮะกีม”จึงมีระดับขั้นที่แตกต่างกัน และ เราถือว่า"อะลุลบัยต์แห่งศาสดา"วงศ์วานแห่งศาสดามุฮัมมัด คือคลังแห่งวิทยปัญญา

 

บทความโดย ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน