รู้จักนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ตอนที่ 8

รู้จักนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ตอนที่ 8

 

นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์กับการเมืองการปกครอง

 

 นะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ ถือว่ามีความโดดเด่นในหลายๆมิติ มีเนื้อหาที่น่าสนใจหลายประเด็น มีเนื้อหาที่ทรงพลังและทรงอิทธิพลต่อนักคิดและนักปรัชญาในยุคต่อมาตราบจนถึงปัจจุบัน   ดังนั้นใครก็ตามได้อ่านคำสอนในนะฮ์ญุลบะลาเฆาะฮ์ จะเห็นว่าอิมามอะลีนั้นมีมุมมองทางด้านสังคมและการเมืองการปกครองที่ละเอียดอ่อนมาก และอิมามอะลียังให้ความสำคัญต่อเรื่องการเมืองไม่น้อยกว่าเรื่องภาคอิบาดะฮ์อื่นๆ


 นับจากวันแรกที่ท่านอิมามอะลีได้เข้าดำรงตำแหน่งคอลีฟะฮ์ ท่านได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า จะปกครองประชาชนด้วยความเป็นธรรมและความเที่ยงธรรม จะไม่มีความแตกต่างของเชื่อชาติ ไม่ว่าจะเป็นอาหรับหรือไม่  ท่านประกาศอีกว่า จะไม่มีการปฏิบัติต่อประชาชนให้แตกต่างกันในทางกฎหมาย ไม่ว่าในเรื่องนายกับบ่าว หรือระหว่างคนรวยกับคนจน   

        
อิมามอะลีถือว่า คุณค่าของความเสมอภาคและความยุติธรรมในสังคมนั้นสูงส่งและสำคัญยิ่ง และการเมืองต้องคู่กับความยฺุติธรรม


     อำนาจและเกียรติยศของผู้ใดก็ตาม ถ้าหากว่ามีไว้เพียงเพื่อประดับประดาตัวเองให้ดูมีสง่าราศี หรือเพื่อเสริมบารมี โดยไม่เอื้อประโยชน์ใดๆแก่สังคม อำนาจและเกียรติยศนั้นก็ไร้ค่า ควรจะยกเลิกและถอดออกไปจากสังคมนั้น เพราะการมีอยู่ของอำนาจและการปกครองนั้น มีแต่ทำให้ประชาชนและสังคมตกต่ำและความอัปยศ


    อิมามอะลี(อ) ได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า ท่านนั้นมีความมั่นคงและเด็ดเดี่ยวในอุดมการณ์และจุดยืน นั่นก็คือการต่อสู้กับพวกอธรรมและสร้างความเป็นธรรมให้กับสังคมและประชาชน


   อิมามอะลี(อ)สำแดงให้เห็นถึงการมีหลักการของท่านในบทบาทการปกครอง จึงทำให้การใช้อำนาจและการปกครองของท่านเป็นไปด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม การตัดสินพิพากษาของท่านในหมุ่ประชาชน เป็นการตัดสินที่เที่ยงธรรมและยุติธรรมยิ่ง


  อิมามอะลีได้กล่าวไว้ว่า


“หากฉันจะได้ครองอาณาจักรของโลกทั้งมวลนี้ โดยมีข้อแม้อยู่ว่าให้ฉันกลั่นแกล้งมดสักตัวหนึ่ง ที่มันกำลังนำเมล็ดพืชไปกินเป็นอาหาร(โดยการอธรรมต่อมด) ขอสาบานต่ออัลลอฮว่า ฉันจะไม่ทำเช่นนั้นอย่างเด็ดขาด”


วันหนึ่งท่านอิบนุอับบาสได้เดินมาหาท่านอิมามอะลี ซึ่งในมือของเขามือรองเท้าเก่าๆและขาดมีรอยปะ  ท่านอิมามอะลีถามอิบนุอับบาสว่า


”ราคาของรองเท้าในมือเจ้าเท่าไหร่หละ?”


  เขาตอบว่า” ไม่มีราคาเลย”


อิมามอะลีกล่าวบทเทศนาธรรม(คุฎบะฮ์)ที่ ๓๓ ว่า


”คุณค่าของรองเท้าเก่าๆในมือเจ้าคู่นั้น มีค่ามากกว่าการเป็นผู้ปกครองและมีอำนาจรัฐเสียอีก เพราะว่า ข้านั้นไม่รู้ว่าจะบริหารให้เกิดความยุติธรรมได้สมบูรณ์หรือเปล่า? ไม่รู้ว่าจะมอบสิทธิของผู้ที่ควรจะได้รับได้ครบหรือไม่? และไม่รู้ว่าจะทำลายล้างความอธรรมและความเลวออกไปได้หมดหรือไม่?”


และบทเทศนาธรรม(คุฎบะฮ์)ที่๒๑๔ ว่า


“ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของการเคารพสิทธิต่อกันของมนษย์  นั่นคือสิทธิของการปกครองของผู้นำต่อผู้ตาม และสิทธิของประชาชนต่อองค์กรรัฐ  และถือเป็นความจำเป็นต่อพระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ.) ทรงกำหนดให้สิทธิต่างๆนั้นเกิดขึ้นในสังคมมนุษยชาติ  และด้วยกับสิทธิการปกครองด้วยรัฐนั้น เป็นที่มาของการมีระเบียบและบ้านเมืองอยู่เป็นระบบ  และยังสร้างเกียรติยศให้กับศาสนา  ประชาชนจะไม่ได้รับความสันติภาพและเกิดสันติสุขได้ นอกจากอยู่ภายใต้การปกครองอันชอบธรรมและผู้ปกครองที่เหมาะสม   รัฐต่างๆจะไม่เกิดสันติภาพได้ นอกจากความร่วมมือและความเข้มแข็งของประชาชน  และประชาชนต้องน้อบรับสิทธิของการปกครองนั้น (โดยอยู่ภายใต้หลักนิติรัฐ) และรัฐก็จะต้องดูแลสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนอย่างเป็นธรรม และเมื่อถึงเวลานั้น รัฐและการปกครองของอำนาจรัฐ จะเป็นที่ถูกยอมรับและศักสิทธิ์ และจะมีอำนาจการปกครองที่แท้จริง”

 

บทความโดย ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน