รหัสยะนัยแบบลัทธิซูฟี ว่าด้วยเรื่องมนุษย์ ความรัก และพระเจ้า ตอนที่ 1

รหัสยะนัยแบบลัทธิซูฟี ว่าด้วยเรื่องมนุษย์ ความรัก และพระเจ้า ตอนที่ 1

 

แนวคิดแบบซูฟีได้ปรากฏเกิดขึ้นหลายพื้นที่และความเป็นซูฟีไม่ได้ถูกนิยามไว้ ณ สถานที่หนึ่งสถานที่ใด  และประวัติศาสตร์ได้บันทึกถึงกลุ่มลัทธิซูฟีไว้น่าสนใจหลายแหล่ง เช่นในดินแดนเปอร์เซีย  เราจะพบว่าแนวคิดแบบอิหร่านและนักซูฟีชาวอิหร่านมีจำนวนมากที่ทรงอิทธิพลต่อชาวโลก  เป็นผู้มีบทบาทในการสร้างสรรค์ประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและอารยธรรมของโลกอิสลาม  ซึ่งสิ่งนั้นเป็นตัวบ่งชี้ถึงหลักฐานและเครื่องหมายสำคัญที่แสดงออกถึง อำนาจ อิทธิพล และความสามารถอันยิ่งใหญ่ในการโน้มนำเข้าสู่อารยธรรมอิสลาม  และยังได้ผลิตนักซูฟี  ระดับแนวหน้าของวงการออกสู่สังคมภายนอก  ดังที่เราได้รู้จักนามอันยิ่งใหญ่ของพวกเขา เช่น  เมาลานา ญะลาลุดดีน รูมี   ฮาฟีซ ชัมซุดดีน  บายาซีฎ บัสตอมี  อิมามฆอซซาลี  อัลลาจญ์   มุลลาศ๊อดรอ และคนอื่นๆอีกจำนวนมาก  พวกเขาเหล่านั้นเปรียนเสมือนดาวจรัสแสงแห่งวิชาการ ด้านรหัสยะนัย  ด้านปรัชญา  และหนึ่งจากเหตุผลของการใหลบ่าอารยธรรมด้านรหัสยะนัยสู่โลกภายนอกอย่างน่าชื่นชม เป็นเพราะว่าวัฒนธรรมอิสลามในแบบอิหร่านได้เปิดกว้างและรับฟังความคิดเห็นต่างพร้อมกับมีการยืดหยุ่น

 

ต่อมาในยุคหลังได้มีนักบูรพคดีหลายท่านอย่างเช่น นิโคลสัน ชาวอังกฤษและมาสซินอง ชาวฝรั่งเศสซึ่งได้ทำการศึกษาค้นคว้าอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับลัทธิซูฟีและรหัสยวิทยาแบบอิสลามและได้ทำให้พวกเขารู้จักลัทธิซูฟีอย่างลึกซึ้งต่างก็ได้ยอมรับอย่างเปิดเผยว่า อัลกุรอานและจริยวัตรแห่งศาสดามุฮัมมัดคือแหล่งที่มาพื้นฐานดุจหัวน้ำพุของรหัสยวิทยาแบบอิสลาม

 

นิโคลสัน กล่าวว่า

 

“เราพบในคัมภีร์อัลกุรอานว่าอัลลอฮ์ ทรงตรัสว่า อัลลอฮคือแสงสว่างแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายในโลกนี้    พระองค์คือแรกเริ่มสุดและพระองค์คือสุดท้าย    ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์   ทุกสรรพสิ่งนอกจากอัลลอฮ์คือความสูญสิ้น  ฉันได้เป่าเข้าไปในมนุษย์ด้วยวิญญาณของฉัน  เราได้สร้างมนุษย์และเรารู้ในสิ่งที่วิญญาณของเขากล่าวเพราะว่าเราใกล้ชิดเขามากกว่าเส้นเลือดที่คอหอยของเขา  ไม่ว่าเจ้าหันหน้าไปทางทิศใด พระพักตร์ของอัลลอฮทรงอยู่ที่นั้น  เขาผู้ซึ่งที่อัลลอฮไม่ทรงประทานแสงสว่างให้ไม่มีแสงสว่าง   ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รากเหง้าอันเป็นแหล่งที่มาของรหัสยะนัย(อิรฟาน)วางอยู่อย่างลึกซึ้งในโอการเหล่านี้ และสำหรับบรรดานักรหัสยะนัย(นักอาริฟ)ในยุคต้นๆนั้นอัลกุรอมิใช่เป็นเพียงแต่พจนารถของอัลลอฮ์เท่านั้น แต่มันยังเป็นวิถีทางที่จะให้บรรลุสู่ความใกล้ชิดต่อพระองค์ โดยการเคารพภักดีและการใคร่ครวญพิจารณาโองการในสว่นต่างๆของอัลกุรอานโดยเฉพาะโองการต่างๆที่ชี้แนะถึงการเดินทางขึ้นสู่เบื้องบน(อิสเราะห์เมียะร็อจญ์)ของท่านศาสนทูตนั้น บรรดานักรหัสยะนัยมุสลิมได้พยายามที่จะซึมซาบและสร้างคุณสมบัติทางด้านจิตวิญญาณแบบรหัสยะนัยของท่านศาสนทูต(ศ็อล)ให้เกิดขึ้นกับตัวเขาเอง”

 

อัลลามะฮ์ฎอบะฎอบาอีย์ หนึ่งจากปราชญ์เรืองนามยุคปัจจุบันโลกชีอะฮ์ได้กล่าวว่า..

 

       ..”ความน่าสนใจและพลังแห่งการดึงดูดของแนวทางรหัสยะนัยอิสลาม ทำให้คนที่รู้จักในพระเจ้า มีความสนใจต่อโลกแห่งความสูงส่ง และจิตใจของเขาจะบรรจุไว้ซึ่งความรักที่มีต่ออัลลอฮเท่านั้น โดยปล่อยวางจากทุกสิ่ง พวกเขาจะออกห่างจากสิ่งที่เป็นโมฆะธรรม และนำตัวเขาเข้าสู่การภัคดีและการสรรเสริญต่อพระองค์  เป็นวิธีคิดและนำหลักปฏิบัติธรรมสู่การเป็นบ่าวที่แท้จริงต่อพระผู้เป็นเจ้า และทำลายกิเลสตัณหา ความอยากความต้องการ และยังได้ยกระดับจิตใจของตนเองให้หลุดพ้นจากโลกแห่งวัตถุ ไม่หลุ่มหลงต่อสิ่งใด ดังนั้นนักรหัสยะนัย(อาริฟ) หมายถึงบุคคลที่เคารพภัคดีต่อพระเจ้า ผ่านความรู้และเพราะความรักต่อพระองค์ ไม่ใช่การปฏิบัติเพื่อรางวัลตอบแทน หรือหวาดกลัวต่อบทลงโทษ เป็นผู้มีความสัมผัสพิเศษที่เข้าถึงรหัสยะภาวะ จิตของพวกเขาเกิดความรู้แจ่มแจ้งชัดเจน โดยไม่ต้องอาศัยการอ้างเหตุผล”(ชีอะฮ์ในอิสลาม หน้า๑๒๐)

 

บทความโดย ดร.ประเสริฐ สุขศาสน์กวิน

ศูนย์อิสลามศึกษา  วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม