เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

วิลายะตุลฟะกีฮ์ (ฉบับชาวบ้าน) ตอนที่ 1

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

วิลายะตุลฟะกีฮ์ (ฉบับชาวบ้าน) ตอนที่ 1

 


วิลายะตุลฟะกีฮ์  เป็นการนำเสนอประเด็นเรื่อง วิลายะตุลฟะกีฮ์ อย่างง่ายๆ


  วิลายะตุลฟะกีฮ์  ประกอบมาจากคำสองคำ คือ วิลายะฮ์  ولايت      กับฟะกีฮ์    فقيه            ฟะกีฮ์ คือ บุคคลที่คงแก่เรียนคืออุลามาอฺที่มีความรู้สูงสุดทางศาสนา บรรดาอะลิมอุลามาอ์อาจจะแสดงทัศนะคำนี้แตกต่างกันอยู่บ้าง  แต่ก็มีความหมายว่าเป็นผู้รู้เหมือนกัน   


ฟะกีฮ์ ตามหลักวิชาฟิกฮ์ หมายถึง บุคคลที่ไปถึงตำแหน่งที่สามารถวินิจฉัยปัญหาศาสนาได้อย่างสมบูรณ์ เบื้องต้นเราเรียกว่า “อยาตุลลอฮ์”   และระดับมุจญฺตะฮิดที่สมบูรณ์  ความหมายเบื้องต้นของฟะกีฮ์ ก็คือเป็นผู้วินิจฉัยนั้นเอง  ส่วนคำว่า “วิลายะฮ์” อาจจะมีความแตกต่างระหว่างเรากับพี่น้องในสายธารอื่นๆ อยู่บ้าง  


วิลายะฮ์ คือ อำนาจการปกครองและสิทธิที่มีอยู่เหนือผู้อื่น   

     
อัลกุรอานให้ความหมายอย่างชัดแจ้งว่า


النَّبِيُّ أَوْلَى بِالْمُؤْمِنِينَ مِنْ أَنْفُسِهِمْ

ความว่า นบีนั้นเป็นผู้ใกล้ชิดกับบรรดาผู้ศรัทธายิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง


(ซูเราะฮ์  อัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 6)


 นบีนั้นมีสิทธิเหนือสิ่งอื่นใด  มีอำนาจเหนือตัวของมุอ์มินีนทุกคน


นอกจากนั้นอัลกุรอานได้อธิบายไว้อย่างชัดแจ้งว่า  “ใครมีวิลายะฮ์ก็แสดงว่าคนๆ นั้นมีสิทธิเหนือเรา และเขาก็คือวะลี ของเรา”


ผู้มีอำนาจเหนือผู้หนึ่งผู้ใด เราเรียกว่า วะลี ในบางครั้งก็อาจใช้ในทางตัวตน เช่น โองการ


إِنَّمَا وَلِيُّكُمُ اللَّهُ وَرَسُولُهُ وَالَّذِينَ آمَنُوا الَّذِينَ يُقِيمُونَ الصَّلاةَ وَيُؤْتُونَ الزَّكَاةَ وَهُمْ رَاكِعُونَ

ความว่า แท้จริงผู้วะลีของพวกเจ้านั้น คือ อัลลอฮ์ และรอซูลของพระองค์ และบรรดาผู้ศรัทธาที่ดำรงไว้ซึ่งการนมาซ และชำระซะกาตและขณะเดียวกันพวกเขาก็เป็นผู้นอบน้อม


  (ซูเราะฮ์  อัลมาอิดะฮ์   โองการที่  55 )


หมายความว่า แท้จริงวะลีของเจ้า คือ อัลลอฮ์  ผู้ที่มีอำนาจเหนือเจ้า คือ อัลลอฮ์ แล้วก็รอซูล ซึ่งหมายถึง อิมามมะฮ์ดี แล้วก็บรรดาอะฮ์ลุลบัยต์(อ)  เมื่อวะลีของเจ้า คือ อัลลอฮ์ รอซูล และบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์(อ) ในความหมายเบื้องต้น คือ อำนาจในการปกครองมนุษย์อยู่ที่เอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.)  แล้วพระองค์ได้มอบอำนาจนั้นให้รอซูล  อำนาจที่มายังรอซูลก็คือโองการที่บอกว่า  “อัลนะบียุเอาลา”  เพราะฉะนั้น ความหมายโดยสรุปของวิลายะฮ์ ก็คือ อำนาจการปกครองนั้นเอง


ประเภทของวิลายะฮ์


วิลายะฮ์แบ่งออกเป็นสองลักษณะด้วยกัน  คือ วิลายะฮ์ตัชรีอี     ولايت تشريعي    และวิลายะฮ์ตักวีนี  

ولايت تكويني

พี่น้องชีอะฮ์จะต้องมีความเข้าใจในเรื่องของวิลายะฮ์อย่างสมบูรณ์ถูกต้องทั้งหมด


วิลายะฮ์ตัชรีอี  คือ วิลายะฮ์ ที่ได้รับมอบจากศาสนา     โดยศาสนาจะกำหนดว่าจะต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามใคร


วิลายะฮ์ตักวีนี  คือ  อำนาจที่มีอยู่เหนือธรรมชาติ  คือ อำนาจเหนือสิ่งถูกสร้าง  นั่นคือพระราชอำนาจแห่งเอกองค์อัลลอฮ์(ซ.บ.) ผู้ทรงบันดาลรังสรรค์สรรพสิ่ง  แต่สำหรับคนที่มีอำนาจนี้เราเรียกว่า “ วิลายะฮ์ตักวีนี”   โดยนบีมุฮัมมัด(ซ็อลฯ) ก็มีวิลายะฮ์นี้อย่างแน่นอน


ตามทัศนะแห่งสายธารอะฮ์ลุลบัยต์นั้น เชื่อว่าฝนตกไม่ได้ ดวงอาทิตย์ขึ้นและตกไม่ได้และทุกสรรพสิ่งไม่สามารถเคลื่อนไหวไปตามวัฎจักรได้จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากวะลีของอัลลอฮ์(ซ.บ.)  โดยบรรดาวะลีกลุ่มแรกที่ได้รับการยอมรับก็คือ อัมบิยาอ์  เอาลิยาอ์  


ในบางยุคสมัยอำนาจของท่านต่างๆ ได้สำแดงวิลายะฮ์เพื่อให้มนุษย์ได้รับรู้ได้ประจักษ์  เช่น ท่านนบีดาวูด(อ)  ท่านนบีสุไลมาน(อ)   ที่มีอำนาจการปกครองเหนือมนุษย์  ญิน  และทุกสรรพสิ่ง   ท่านนบีอีซา(อ) สามารถบันดาลให้คนตายฟื้นคืนชีวิตได้ ทำให้คนตาบอดกลับมามองเห็นได้ตามปกติ  เป็นต้น


วิลายะฮ์อันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงบรรดานบีเท่านั้น  พลังอำนาจนี้ตามหลักความศรัทธา (อะกีดะฮ์)นั้น มนุษย์ทุกคนก็สามารถที่จะได้รับวิลายะฮ์นี้ด้วย  หากเขาพัฒนาตัวตนไปถึงขั้นวะลียุลลอฮ์


เรื่องของวะลีแต่ละเมือง แต่ละยุคสมัยอาจแตกต่างกันไปบ้าง  เช่น วะลีคนหนึ่งในปากีสถานไม่มีถ่าน ไม่มีไม้ฟืนย่างเนื้อ  ต้องอาศัยพลังความร้อนจากดวงอาทิตย์มาย่างให้  จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์อิสลามมีอภินิหารของบรรดาอิมาม(อ)  ให้เห็นหลายครั้งหลายหน


ท่านอิมามอะลี(อ)  เคยตรึงดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดินเพื่อท่านจะได้นมาซอัศริเสียก่อนในช่วงระหว่างสงคราม  หลังจากนั้นดวงอาทิตย์จึงตกดิน   วิลายะฮ์ตักวีนี มุสลิมทุกคนสามารถจะมีได้เช่นกันหากเขาพัฒนาตัวตนไปสู่การเป็นวะลียุลลอฮ์


ตามความเชื่อของสายธารเรา  มุอ์มินที่สมบูรณ์แท้จริง   คือ บุคคลที่สามารถกล่าว “กุน ฟะยะกูน”  كُن فَيَكُون   มีบทกวียืนยันเอาไว้จำนวนมาก  เช่น บทกวีของฮาฟิส  กวีเอกของอาณาจักรเปอร์เซียพรรณนาว่า


 “สิ่งที่อีซา(อ) ทำ  บุคคลใดก็สามารถทำได้  หากเขาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์”


วิลายะฮ์ตักวีนี จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับบุญบารมีของแต่ละคน เช่น ท่านนบีคิฎิร(อ) สามารถวินิจฉัยตัดสินคดีความ ตัดสินประหารเด็กที่จะไปก่ออาชญากรรมร้ายแรงในอนาคต  ทั้งยังจะสร้างความเดือดร้อนอย่างมหันต์  ให้กับบิดามารดาของเขาในอนาคต  วิลายะฮ์ตักวีนีเป็นพลังลึกลับที่หนุนความสำเร็จต่างๆ อย่างมหัศจรรย์ ผู้อยู่ในสายธารอะฮ์ลุลบัยต์ต้องยอมรับในพลังลึกลับอันมหัศจรรย์นี้อย่างปฏิเสธไม่ได้....

 

โปรดติดตามอ่าน ตอนที่ 2
บทความโดย เชคอิบรอฮีม อาแว

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม