คำพูดของบรรดาอิมามคือคำพูดของท่านนบี ศ็อลฯ ประชาชาติจำเป็นต้องดำเนินรอยตาม...

คำพูดของบรรดาอิมามคือคำพูดของท่านนบี ศ็อลฯ ประชาชาติจำเป็นต้องดำเนินรอยตาม...


เรียบเรียง:เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม
______________
หนึ่งในหลักคำสอนหลังของอิสลามนั้นคือการดำเนินรอยตามบรรดาอะอิมมะฮในเรื่องของการปฏิบัติตามนั้นประชาชาติมีหน้าที่เช่นไรต่อเรื่องดังกล่าว?!!
อาจเป็นเพราะหลักฐานอันชัดแจ้งเหล่านี้กระมั่ง เราจึงไม่สามารถที่จะละทิ้ง อะลุลบัยตฺ ได้เลย
#หลักฐานแรก.
นบี ศ.กล่าวถึงเรื่องอะอิมมะฮ(อะลุลบัยต์) ที่ยืนอยู่เคียงคู่กับอัลกรุอานเสมอ ท่านกล่าวว่า..
إني تارك فيكم الثقلين كتاب الله و عترتي، إن تمسكتم بهما لن تضلوا بعدي.
"หากพวกท่านยึด กรุอาน และลูกหลาน(อะลุลบัยต) มาเป็นทางนำ พวกท่านจะไม่หลงทาง"
นั้นหมายถึงท่าน ศ.ต้องการจะบอกว่า การออกห่างไม่เอากรุอานและอิฏรัตลูกหลานนั้น คือที่มาของการหลงทาง...
เพราะพวกเขา(อลุลบัยต์)คือผู้ที่อยู่กับกรุอาน พวกเขาคือสื่อแห่งสัจธรรมนำพาสู่ความถูกต้อง
นบี ศ.กล่าวว่า..
من أطاعنا فقد أطاع الله و نحن الوسيلة إلي الله و الوصلة إلي رضوان الله و لنا العصمة و الخلافة و الهداية و فينا النبوة و الإمامة و الولاية.
"ใครที่ปฏิบัติตาม(อิฏออัต)ต่อเรา เท่ากับปฏิบัตตาม(อิฏออัต)ต่อพระองค์ เพราะเราคือสื่อระหว่างประชาชาติกับพระองค์ เราคือหนทาง(ทางนำที่ถูกต้อง)ที่นำพามนุษย์ชาติสู้ความพึงพอใจต่อพระงค์ เพราะการชี้นำอยู่กับเรา( นะบูวัต อิมามัต และวิลายัต(ปกครอง) นั้นอยู่กับเรา"
ที่มา:
بحار الأنوار للعلامة المجلسي، ج25، ص23
เชค ศอดูก รายงานจาก อมีรุล มุมินีน อ.จากท่านนบี ในหนังสือ ศอดูก อะมาลี หน้า 563 ว่า...
أنا سيد ولد آدم و أنت يا علي و الأئمة من بعدك سادة أمتي، من أحبنا فقد أحب الله و من أبغضنا فقد أبغض الله و من والانا فقد والى الله و من عادانا فقد عادى الله و من أطاعنا فقد أطاع الله و من عصانا فقد عصى الله.
"ฉันคือซัยยิดหัวหน้าและผู้นำ(แห่งมนุษยชาติทั้งหลาย) ส่วนอลีและอะอิมมะฮภายหลังจากเขาคือหัวหน้าแห่งประชาชาติของฉัน ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามต่อพวกเรา(บนี อลีและบรรดาอะอิมมะฮ) เท่ากับเขาปฏิบัติตาม(อิฏออัต)ต่อพระองค์ และใครที่คัดค้านและต่อต้านพวกเรา เท่ากับต่อต้านต่อพระองค์"
#หลังฐานที่สอง.
คำพูดของบรรดาอะอิมมะฮคือคำพูดของท่านนบี ศ.ซึ่งเป็นคำพูดเดียวกัน ข้ออ้างหรือหลักฐานเรื่องนี้คือ..
อิมามศอดิก อ.กล่าวว่า...
حديثي حديث أبي و حديث أبي حديث جدي و حديث جدي حديث الحسين و حديث الحسين حديث الحسن و حديث الحسن حديث أمير المؤمنين عليه السلام و حديث أمير المؤمنين حديث رسول الله صلى الله عليه و آله و حديث رسول الله قول الله عز وجل.
"ทุกสิ่งที่ฉันพูดไม่มีสิ่งใดเลยที่มันไม่ได้มาจากบิดาของฉัน และทุกสิ่งที่บิดาของฉันพูดสิ่งนั้นมาจากบิดาของเขา.... และสิ่งนั้นก็มาจากอลี และอลีก็เอาสิ่งนั้นมาจากนบี ศ.และสุดท้ายคำพูดนบี ศ.คือคำพูดของพระองค์"
ที่มา:
الكافي للكليني، ج1، ص53
กล่าวคืออิมามต้องการจะบอกว่า คำพูดของพวกเขา เชื่อมต่อไปยังคำพูดของท่านนบี ศ(เป็นคำพูดเดียวกัน)
ในอีกรายงานอิมามศอดิก กล่าวกับสาวกของท่านว่า..
ما أجبتك فيه من شئ فهو عن رسول الله صلى الله عليه و آله.
"ทุกคำที่เราพูดออกไปล้วนมาจากท่านนบี ศ.ทั้งสิ้น"
الكافي للكليني، ج1، ص58
#หลักฐานที่สาม.
อิมาม บากิร อ.กล่าวว่า...
لو أنا حدثنا برأينا ضللنا كما ضل من كان قبلنا.
"สิ่งใดที่พวกท่านได้ยินมาจากเรา จงรู้ไว้ว่าสิ่งนั้นเราไม่ได้คิดหรือพูดเอง เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเท่ากับเราทำตามความรู้สึกและอารมณ์ของเราเองนั้นหมายความว่าเรากำลังพาตัวเราเองให้หลงทาง และนำพาบุคคลอื่นที่ทำตามเราก็หลงทางด้วย"
อ้างอิง:
بصائر الدرجات لمحمد بن الحسن الصفار، ص319
อิมามกล่าวต่อไปว่า..
إنا على بينة من ربنا، بينها لنبيه، فبينها نبيه لنا، فلولا ذلك كنا كهؤلاء الناس.
"ทุกอย่างที่เราพูดคือความจริงและเป็นหลักฐานอันชัดแจ้งที่มาจากท่านนบี ศ.นอกเหนือในกรณีนี้เราเหมือนกับบุคคลอื่นๆทั่วไป"
อ้างอิง:
بصائر الدرجات لمحمد بن الحسن الصفار، ص321
#หลักฐานที่สี่.
อิมามกล่าวว่า...
و الله! لو لا أن الله فرض ولايتنا و مودتنا و قرابتنا ما أدخلناكم بيوتنا و لا أوقفناكم على أبوابنا و الله ما نقول بأهوائنا و لا نقول برأينا الا ما قال ربنا.
"หากว่าพระองค์ไม่ทำให้การปกครอง(วิลายัต)ของเราจำเป็นในการปฏิบัติตามของพวกท่านแล้วนั้น เราก็จะไม่เรียกร้องให้พวกท่านหันมาทางพวกเรา(ปฏิบัติตาม) และแน่นอนยิ่งพวกเราจะไม่พูดอะไรออกมาจากอารมณ์ความรู้สึกนึกคิดจากตัวของพวกเราเองเลย(ทุกอย่างมาจากนบีและพระองค์)"
อ้างอิง:
بصائر الدرجات لمحمد بن الحسن الصفار، ص323
#หลักฐานที่ห้า.
อิมามบากิร อ.กล่าวอีกว่า...
شرّقا و غرّبا فلا تجدان علما صحيحا إلا شيئا خرج من عندنا اهل البيت.
"หากมองไปให้ทั่วทั้งทิศตะวันออกและตก ก็จะไม่เห็นเรื่องราวอันใดที่เป็นเรื่องถูกต้องเลย เว้นแต่เรื่องราวเหล่านั้นจะมาจากเรา(อะลุลบัยตฺ)"
อ้างอิง:
تهذيب التهذيب لإبن‌حجر، ج4، ص137 و ج2، ص372
กล่าวคือไม่ใช่แค่เฉพาะการตักลีดและปฏิบัติตามพวกเขา(อะอิมมะฮ)เท่านั้นที่เป็นเรื่องถูกต้อง เพราะการเชื่อฟังพวกเขาเท่ากับการอิฏออัตต่อพระองค์เลยทีเดียว เรื่องราวที่ถูกต้องและชัดเจนอยู่ที่เราอะลุลบัยตเพียงเท่านั้น"
الكافي للكليني، ج1، ص399 - وسائل الشيعة (آل البيت) للحر العاملي، ج27، ص43
นั้นคือความแตกต่างระหว่างอะอิมมะฮ(อะลุลบัยต)กับหัวหน้ามัศฮับทั้งสี่ ที่ถูกยืนยันถึงความถูกต้อง เพราะอะลุลบัยตไม่เคยเลยสักครั้ง(จากฮะดิต่างๆ)ที่จะบอกว่าเรื่องนั้นมาจากตนเอง หรือเรื่องนี้มาจากความคิดส่วนตัว หรือฯลฯ...เป็นต้น....
แต่พวกเขาพยายามจะบอกว่า "การเชื่อฟังพวกเขานั้น คือการเชื่อฟังนบีและเชื่อฟังพระองค์ และการปฏิบัติตามพวกเขา คือการปฏิบัติตามนบีและพระองค์"
เท่านั้นยังไม่พอ ยังจะมีหลักฐานอื่นๆอีกมากมายที่ยืนยันในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็น ฮะดิษสะเกาะลัย,ฮะดิษนุญูม,ฮะดิษสะฟีนะฮ,หรือฮะดิษอื่นๆที่พี่น้องซุนนีย์ได้รายงานกันเอาไว้ และสามารถย้อนกลับศึกษาและพิจรณากันได้..
เพื่อเป็นแนวทางในการได้รับมาซึ่งการฮิดายะฮ กันต่อไป.