จงพึงระวังต่อหัวใจที่ถูกทำร้ายจนบอบช้ำ เพราะหัวใจเหล่านี้จะเป็นที่รักยิ่ง ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา

 

 

จงพึงระวังต่อหัวใจที่ถูกทำร้ายจนบอบช้ำ เพราะหัวใจเหล่านี้จะเป็นที่รักยิ่ง ณ พระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา

 

ว่ากันว่า แก้วที่ร้าวไปแล้ว ยังไงก็ทำให้มันกลับมาสวยเหมือนเดิมไม่ได้ ความรู้สึกของคนเราก็เช่นกัน ดังนั้น พึงระวังคำพูด การกระทำของตัวเองสิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผลเหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น

 

มีริวายะฮ์กุดส์ซี หนึ่งระบุไว้ว่า

"หัวใจที่ถูกทำร้าย จะมีสถานที่พิเศษ ณ อัลลอฮ์ และดุอาฮ์(คำวิงวอนและคำสาปแช่ง)ของคนที่ถูกทำร้ายทางจิตใจ จะถูกตอบรับเร็วมาก ณ องค์อภิบาลของพวกเขา"

 

«أَنَا عِنْدَ الْمُنْکَسِرَةِ قُلُوبُهُم‏»

 

ความว่า พระเจ้าจะมาเป็นแขก(เยียวยารักษา)หัวใจที่แตกสลายของพวกเขาเสมอ และจะรับฟังคำวิงวอนของหัวใจเหล่านั้น

เราต้องยอมรับว่า ทุกวันนี้ ผู้คนโกรธ และ เกลียดกันง่ายขึ้น แม้ไม่เคยรู้จักกันตัวเป็นๆ เห็นเกลื่อนกลาดในโลกโซเชียล
นับประสาอะไรกับคนที่เจอกันบ่อยๆ  โลกกลมนะ กลับหลังหัน ก็ป๊ะหน้ากันล่ะ หนีไม้พ้น จะ unfriend ,unfollow ก็อย่าคิดว่าจะหนีกันพ้น สู้หันหน้ามาคุย มาเป็นมิตรกันดีกว่า

 ตะปูของชายเจ้าอารมณ์

ยูนุส คือเด็กชายที่มีอารมณ์โกรธ และฉุนเฉียวตลอดเวลา เขามักจะด่าและต่อว่า เพื่อน ๆ ของเขาอยู่เสมอ
ซึ่งอารมณ์ของ ยูนุส รุนแรงมากเสียจนถึงขั้น ถูกเชิญตัวเข้าห้องปรับนิสัยที่โรงเรียนอยู่บ่อย ๆ เลยทีเดียว

ทำให้วันหนึ่งพ่อของเขาตัดสินใจหยิบตะปูหนึ่งถุงมาวางไว้ตรงหน้าของ ยูนุส พร้อมทั้งพูดว่า
"ยูนุสลูกรัก ทุกครั้งที่ลูกอารมณ์เสีย ลูกจงตอกตะปูเข้าไปที่กำแพงไม้ฝั่งโรงนานะ" เมื่อพ่อพูดจบเขาก็เริ่มทำตามทันที
ซึ่งสัปดาห์แรก ยูนุส ตอกตะปูเข้าไปที่กำแพงไม้ได้มากเสียจน เกือบเต็มสองแผ่นไม้กระดานเมื่อเห็นเช่นนั้น พ่อจึงบอกกับ ยูนุส ว่า "ลูกเห็นตะปูที่ลูกตอกลงไปยังกำแพงไม้นั้นไหม ครั้งต่อไป หากลูกควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ลูกจงถอดตะปูที่ลูกตอกไว้ออกไป 1 อัน"

หลังจากที่พ่อพูดจบ ยูนุส ก็เริ่มควบคุมอารมณ์ของเขาได้ดีมากขึ้น
จนไม่กี่สัปดาห์ต่อมา เขาก็พบว่าจำนวนตะปูที่ตอกเข้าไปยังกำแพงนั้นค่อย ๆ ลดน้อยลง อีกทั้งเขายังได้ค้นพบว่า การควบคุมอารมณ์ของตัวเองนั้น ง่ายกว่าการตอกตะปูลงไปที่กำแพงเสียอีก

ยูนุส รู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก เขาจึงรีบวิ่งไปตามพ่อของเขาให้มาดูที่กำแพง ว่าตะปูนั้นหายไปหมดแล้ว

มื่อพ่อเห็นเช่นนั้น จึงยิ้มดีใจพร้อมทั้งจับมือลูกชายไว้แน่น แล้วพูดว่า " ลูกทำได้ยอดเยี่ยมมากเลย แต่ลูกเห็นสิ่งหนึ่งไหม ถึงแม้กำแพงจะไม่มีตะปูอยู่อีกต่อไป ก็ยังคงมีรูจากการตอกตะปูของลูก อยู่ให้เห็นอย่างเด็ดชัด
อีกทั้งกำแพงก็ไม่ได้สวยงามเหมือนดังเดิม ฉะนั้นเมื่อลูกพูดสิ่งต่าง ๆ ด้วยความโกรธกับใครสักคน คำพูดนั้นก็จะยังคงทิ้งรอยแผลเป็นไว้เช่นนี้เสมอ"

ดังนั้น พึงระวังคำพูด การกระทำของตัวเองสิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผลเหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้พูดคำขอโทษสักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้ ฉันใดก็ฉันนั้น"

ขอขอบคุณ เพจ อันซอร ไทยแลนด์

บทความโดย  เชคอันซอร เหล็มปาน