ข้อพิสูจน์ในความบริสุทธิ์ของอะลุลบัยต์ ด้วยฮะดีษ "สะเกาะลัยน์"

ข้อพิสูจน์ในความบริสุทธิ์ของอะลุลบัยต์ ด้วยฮะดีษ "สะเกาะลัยน์"


เรียบเรียง: เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม
 


ถ้าจะเอ่ยถึงฮะดิษสะเกาะลัยน์ ถือได้ว่าเป็นฮะดิษบทหนึ่งที่ถูกยอมรับกันอย่างแพร่หลายทั้งกลุ่มชีอะห์และซุนนีย์ ท่านอะห์มัด อิบนิ ฮัมบัล ได้บันทึกไว้ว่า:


حدثنا عبد اللَّهِ حدثني أبي ثنا بن نُمَيْرٍ ثنا عبد الْمَلِكِ بن أبي سُلَيْمَانَ عن عَطِيَّةَ العوفي عن أبي سَعِيدٍ الخدري قال قال رسول اللَّهِ (ص) اني قد تَرَكْتُ فِيكُمْ ما ان أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا بعدي الثَّقَلَيْنِ أَحَدُهُمَا أَكْبَرُ مِنَ الآخَرِ كِتَابُ اللَّهِ حَبْلٌ مَمْدُودٌ مِنَ السَّمَاءِ إلى الأَرْضِ وعترتي أَهْلُ بيتي الا وانهما لَنْ يَفْتَرِقَا حتى يَرِدَا عَلَىَّ الْحَوْضَ.


"อบู สะอีด กล่าวว่า ท่านนบี ศ.กล่าวว่า ฉันจะละทิ้งสิ่งสองสิ่งในหมู่พวกท่าน หากพวกท่านยึดมันไว้ พวกท่านจะไม่หลงทาง หนึ่งจากมันยิ่งใหญ่กว่าอีกอย่าง นั้นคือ คำภีร์ของพระองค์(กุรอาน) อีกสิ่งนั้นคืออะลุลบัยตฺ(ครอบครัว)ของฉัน จงรู้ไว้ว่า สองสิ่งนี้ไม่มีวันแยกออกจากกัน จนกระทั้งจะไปพบกับฉันข้างสระน้ำ อัลเอาฎ"(มุสนัต อะห์มัด บิน ฮัมบัล เล่ม 3 หน้า 59 ฮะดิษที่ 11578)


และท่าน อิบนิ กะสิร ได้กล่าวในตัฟซีรของท่านเองว่า:


وقد ثبت في الصحيح (م 2408) أن رسول الله(ص) قال في خطبة بغدير خم إن تارك فيكم الثقلين كتاب الله وعترتي وإنهما لم يفترقا حتى يردا علي الحوض.

"ในหนังสือ มุสลิม ก็บันทึกเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งท่านรอซูลได้กล่าวในคุฏเบาะฮฆอดีรฆุม ว่า ฉันได้ละทิ้งสิ่งหนักสองสิ่งในหมู่พวกท่าน นั้นคือ คำภีร์ และอีกสิ่งคือ ลูกหลาน(อะลุลบัยต) ทั้งสองอย่างไม่มีวันแยกออกจากกัน จนกว่าจะได้พบกับฉันที่สระน้ำ อัลเอาฎ"(ตัฟซีรกุรอาน อัลอะซีม เล่ม 3หน้า404)


และอีกมากมายจากรายงานต่างๆซึ่งสามารถค้นคว้าศึกษากันได้


แต่ที่สำคัญฮะดิษต้นนี้ต้องการที่จะพิสูจน์ให้เห็นถึงความบริสุทธิและไร้มลทิลของบรรดาอะลุลบัยตฺ ให้เห็นดังต่อไปนี้


1.จากฮะดิษต้นนี้ นบีสั่งให้ยึดและปฏิบัติตามทั้งกรุอานและลูกหลานอย่างใกล้ชิดชนิดที่ไม่ให้แยกออกจากกัน ซึ่งเป็นวายิบแก่มุสลิมทุกคนที่จะต้องยึดปฏิบัติในคำสั่งของท่านนบีนี้ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


เหมือนกับที่เคยกล่าวมาแล้วในอายะฮ "อุลิลอัมริ" ที่พระอง์สั่งให้เชื่อฟังและปฏิบัติตามพวกเขาอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆและนั่นก็เพียงพอในการบ่งถึงความบริสุทธิของพวกเขา ถ้ามองอีกด้านเป็นไปไม่ได้ที่พระองค์จะสั่งให้เชื่อฟังและปฏิบัติตามบุคคลที่เขากระทำผิดและกระทำบาป และพวกเขาเหล่านั้นก็คัดค้านกรุอานและลูกหลาน ซึ่งเหล่านี้เป็นไปไม่ได้เลยด้วยสติปัญญาแล้ว


2.ในริวายัตข้างต้น นบี ศ.บอกว่า:


 «وانهما لم يفترقا حتى يردا على الحوض»

"กรุอาน และอะลุลบัยตฺ(ลูกหลาน) จะไม่มีวันแยกออกจากกัน และไม่มีวันที่จะคัดค้านต่อกัน"
นี่ก็เป็นหลักประกันอีกอย่างหนึ่งที่จะบอกว่า "อะอิมมะฮ" คือผู้ที่บริสุทธไม่มีมลทิล และถ้าหากพวกเขา(ลูกหลาน) มีมลทิลและกระทำบาป แน่นอนกรุอานซึ่งเป็นคำภีร์ก็ต้องแยกออกจากพวกเขาแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แสดงว่า นบี ศ.พูดไม่จริง..แต่นี่ไม่เลย ทั้งสองจะอยู่กันตลอดไป
3.ในริวายัตข้างต้น นบีย้ำว่า ถ้ายึดมั่นทั้งสองทั้งกรุอานและอะลุลบัยตแล้วนั้น เป็นสาเหตุที่จะทำให้รอดพ้นจากการหลงทาง
 «ما ان أَخَذْتُمْ بِهِ لَنْ تَضِلُّوا بعدي»؛
ก็เหมือนกับว่าตราบใดที่ยังยึดมั่นในกรุอานว่าเป็นทางนำ การยึดมั่นในอะลุลบัยตก็คือทางนำเช่นกัน และก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ยืนยันได้ว่า อะลุลบัยตฺ คือผู้บริสุทธิไร้บาป
และหากว่าอะลุลบัยตฺ มีมลทิลหรือมีบาป (ตามที่หลายกลุ่มเข้าใจผิด) ถามว่า ยึดถามพวกเขาจะได้พบกับทางนำเหรอ??ในขณะที่ท่านนบี ศ. ยืนยันว่าพวกเขาคือ ผู้นำทางให้รอดพ้นจากการหลงทาง!!
#จึงสรุปได้ว่ากรุอานเองคือทางนำที่เที่ยงแท้แน่นอน
 لا يَأْتيهِ الْباطِلُ مِنْ بَيْنِ يَدَيْهِ وَ لا مِنْ خَلْفِهِ تَنْزيلٌ مِنْ حَكيمٍ حَميدٍ.
"ไม่มีความเป็นโมฆะทั้งก่อนและหลัง เพราะกรุอานเป็นคำภีร์ที่ถูกประทานมาจากพระองค์" ฟุศศิลัต 42
อะลุลบัยตฺก็เช่นเดียวกันพวกเขาคือ มะฮซูมผู้ซึ่งไร้มลทิลและบาปต่างๆ
นบี ศ็อลฯและบรรดาอิมามอะลุลบัยต์ ไม่เป็นมะฮซูม(มีมลทิล)ตามที่หลายกลุ่มเข้าใจ จริงเหรอ?? ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงทำไมพระองค์จึงต้องยกสถานภาพของพวกเขาให้เคียงคู่กับอัลกุรอานว่าเป็นทางรอด!!
แน่นอนว่าการจงรักภัคดีและการเชื่อฟังปฏิบัติตามต่อบรรดาอัมบิยาฮโดยไม่มีข้อแม้ใดๆนั้น เป็นคำสั่งของกรุอานที่ให้มนุษย์ต้องเชื่อและปฏิบัติตามนั้น
กรุอานมีมากมายหลายอายะฮที่บ่งชี้ถึงเรื่องความไม่ผิดพลาดในตัวของบรรดานบี ศ็อลฯ เช่น ซูเราะห์นิสา อายะฮที่ 64
وَ مَا أَرْسَلْنَا مِن رَّسُولٍ إِلَّا لِيُطَاعَ بِإِذْنِ الله.
"เรามิได้ส่งนบีมาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อให้อิฏออัตเชื่อฟังเขา ตามคำสั่งของพระองค์"
หรืออีกอายะฮที่ 80 ที่ว่า:
مَنْ يُطِعِ الرَّسُولَ فَقَدْ أَطَاعَ اللَّهَ
"ใครที่เชื่อฟังปฏิบัติตามรอซูล แน่แท้เท่ากับเขาเชื่อฟังและปฏิบัติพระองค์"
กล่าวคือการเชื่อฟังต่อคำสั่งของท่านนบี ศ็อลฯนั้น เท่ากับการเชื่อฟังในคำสั่งของอัลลอฮ
และในอายะฮที่ 59 ของซูเราะห์นิสา ยังกล่าวอีกว่า:
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا أَطِيعُوا اللَّهَ وَأَطِيعُوا الرَّسُولَ وَأُولِي الْأَمْرِ مِنْكُمْ
"โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเชื่อฟังอัลลอฮ และจงเชื่อฟังรอซูล และผู้ปกครอง(ตัวแทน)ในหมู่พวกท่าน"
กล่าวคือพระองค์ต้องการสอนให้รู้ว่า การอิฏออัตเชื่อฟังต่อรอซูลของพระองค์นั้น เป็นคำสั่งที่ปฏิเสธไม่ได้เลยแม้เพียงนิดเดียวไม่ว่าเวลาใดก็ตามที ทุกอย่างที่เป็นคำสั่งจากท่าน มุสลิมจำต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีสิทธิที่ตั้งคำถามว่า ทำไม!หรือเพื่ออะไร! เป็นต้น.
ข้อคิดและข้อสังเกตุมันอยู่ที่ว่าหากนบี ศ็อลฯไม่เป็นมะฮซูม(มีมลทิล)ตามที่ใครๆหลายกลุ่มเชื่อกันแล้วนั้น เป็นไปได้หรือที่ท่านสั่งให้ใครๆปฏิบัติในสิ่งที่ผิดต่อคำสั่งของพระองค์ไม่ว่าจะด้วยด้วยความตั้งใจหรือด้วยความพลั้งเผลอและถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มันค้านกับสั่งของอายะฮที่กำลังคุยกันอยู่นี้อย่างแน่นอน เพราะอายะฮดังกล่าวกำลังจะบอกสอนมนุษย์อยู่ว่าให้เชื่อฟังต่อนบีและผู้ปกครอง(ตัวแทน)ของพวกท่าน โดยที่ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ถ้าเป็นเช่นนั้น ความหมายมันค้านกับคำสั่งของพระองค์ทันที
 ดังนั้นเมื่อพระองค์สั่งให้ปฏิบัติตามพวกเขาอย่างไม่มีเงื่อนใขใดๆ แสดงให้เห็นว่าในตัวของพวกเขานั้นย่อมไม่มีข้อตำหนิหรือข้อบกพร่องอันใดเป็นอันขาดไม่ว่าจะเป็นความผิดพลาดที่มาจากความตั้งใจ หรือความเผอเรอต่างๆก็ตามที
ท่านฟัครุรอซีย์ นักตัฟซีรชื่อดังของอะลิซุนนะฮ ได้ยืนยันถึงความบริสุทธิ(ไร้ข้อผิดพลาด)ของนบี ศ็อลฯเอาไว้ ท่านได้กล่าวไว้ว่า:
فثبت أن الله تعالى أمر بطاعة أولي الأمر على سبيل الجزم ، وثبت أن كل من أمر الله بطاعته على سبيل الجزم وجب أن يكون معصوما عن الخطأ ، فثبت قطعا أن أولي الأمر المذكور في هذه الآية لا بد وأن يكون معصوما
 "แน่แท้ที่พระองค์สั่งให้มนุษยชาติเชื่อฟังและปฏิบัติตามพวกเขาอย่างไม่มีข้อแม้นั้น ย่อมแสดงให้เห็นถึงความบริสุทธและการไม่มีข้อผิดพลาดในตัวของพวกเขาเลย..(ตัฟซีร อัรรอซีย์ เล่ม 10หน้า144)
#ด้วยเหตุอันนี้พระองค์สั่งให้เชื่อฟังพวกเขา(นบีและผู้ปกครองตัวแทนของท่าน)นั้น เป็นคำสั่งที่ชัดแจ้งและเป็นจริง(เพราะพระองค์มิได้มีจุดประสงค์ที่จะล้อเล่นกับใคร) อีกอย่างหากพระองค์สั่งให้เชื่อและปฏิบัติตามใครอย่างไม่มีข้อแม้แล้วนั้น พวกเขาเหล่านั้นจะต้องเป็นมะฮซูม(ไร้ความผิดพลาด)อย่างแน่นอนและเมื่อเป็นเช่นนี้ท่านนบี ศ็อลฯและบรรดาอิมามอะลุลบัยต(ผู้ปกครอง) ก็จะต้องเป็นมะฮซูมอย่างหลีกเลี่ยงเสียมิได้.
#สรุปได้ว่าการที่พระองค์สั่งให้พวกเราเชื่อและปฏิบัติตามพวกเขาอย่างไม่มีข้อแม้นั้น แน่นอนพวกเขาเหล่านั้นต้องไร้ความผิดพลาด(บาป)หรือการหลงลืมต่างๆ เพราะจริงๆหน้าที่ของพวกเขาคือ ชี้นำมนุษย์สู่พระองค์ด้วยกับคำสั่งที่รับมา หากคนชี้นำหลงทาง ทำผิดพลาด ฯลฯ แน่แท้พวกเขาก็มิสามารถนำพามนุษย์ไปพบกับเส้นทางแห่งอิดายะฮได้ มีแต่เส้นทางแห่งการหลงผิดเท่านั้นที่เข้ามาแทนที่ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คำว่ารอซูล หรืออิมาม(ผู้นำ) ก็ไม่มีความหมายแต่ประการใดเลย ดังนั้นกรุอานและอะลุลบัยต์เท่านั้นคือทางรอด...