เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

เรียนเทววิทยาอิสลามกับเชคอันซอร บทเรียนที่ 1 ตอน เรียนศาสนา รู้แล้วได้อะไร ?

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

 

เรียนเทววิทยาอิสลามกับเชคอันซอร บทเรียนที่ 1 ตอน เรียนศาสนา รู้แล้วได้อะไร ?

 

หลายคนอาจรู้สึก และคิดดัง ๆ ว่า “ผมเกิดมาในครอบครัวที่พ่อแม่ไม่เชื่อในพระเจ้า ตอนเป็นเด็ก ผมไม่ได้คิดว่า มีพระเจ้าหรือ ไม่มี แต่ลึก ๆบางครั้งผมก็สงสัยเรื่องนี้
พวกเธอเคยสงสัยไหมว่า ถ้าพระเจ้ามีจริงพระองค์สร้างเรามาทำไม ? บางทีพวกเธออาจเจอข้อมูลบางอย่างที่ทำให้ต้องยอมรับว่ามีผู้สร้าง อย่างเช่น ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่แสดงให้เห็นว่าโลกถูกสร้างมาให้เหมาะสำหรับสิ่งมีชีวิตจะอยู่ได้ และหลักฐานที่พิสูจน์ว่า "ชีวิต" ไม่ได้เกิดมาจากสิ่ง "ไม่มีชีวิต" นี้คือบางตัวอย่างที่เทววิทยาอิสลามจะมอบให้แก่ทุก ๆคนหาก พวกเธอตั้งใจสละเวลาเพื่อศึกษามัน

เห็นได้ชัดว่าเทววิทยาอิสลามชี้เบาะแสที่จะพาเราไปสู่ขุมทรัพย์ ถ้าพวกเธอได้พบหลักฐานที่พิสูจน์ว่าพระเจ้ามีอยู่จริงรวมทั้งข้อมูลที่เชื่อถือได้เกี่ยวกับพระองค์ และเรื่องราวอื่น ๆ ที่คิดว่าเป็นเรื่องลี้ลับ แต่จะไม่ลี้ลับอีกต่อไปด้วยเทววิทยาอิสลาม ที่สำคัญพวกเธอก็จะได้รับประโยชน์มากมาย ลองมาดูประโยชน์ที่จะได้อย่างน้อย 4 ประการ

 1. ช่วยให้รู้ว่า เกิดมาจากไหน เกิดมาเพื่ออะไร และท้ายที่สุดสิ่งมีชีวิตที่ถูกเรียกว่า "มนุษย์" จะไปไหน

ถ้าชีวิตมีอะไรมากกว่าที่เราคิด เราคงอยากรู้ว่าเกิดมาทำไม ? และเรื่องนี้มีผลอะไรต่อเรา  แต่ถ้าพระเจ้ามีจริงและเราไม่รู้เรื่องนั้น เราก็คงใช้ชีวิตไปวัน ๆ โดยไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของชีวิตซึ่งเป็นความจริงที่สำคัญที่สุด  พระคัมภีร์อัลกุรอ่าน กล่าวไว้ว่า :
                                                                             
"เรามิได้สร้างญิน และมนุษย์ขึ้นมาเพื่อการอื่นใด นอกจากเพื่อให้พวกเขาได้ อิบาดะฮ์ (เคารพภักดี)ต่อเราเท่านั้น"

พระเจ้าได้ให้เหตุผลของการสร้างมนุษย์ของพระองค์ไว้ว่า "เพื่อให้ทำการนมัสการพระองค์เท่านั้น" แต่พวกเธอเคยสงสัยไหมว่า พระเจ้าผู้ทรงไม่พึ่งพาและต้องการสิ่งใดอีกแล้ว เหตุใดพระองค์ต้องให้มนุษย์ได้นมัสการพระองค์อีก ? จริงๆ อะไร คือ ฮิกมะฮ์ และสิ่งที่ซ่อนอยู่ในเรื่องนี้ ?
การได้อิบาะฮ์ต่อพระองค์ คือวิถีทางหนึ่งที่ทำให้เราได้ใกล้ชิดพระองค์ ได้กลายเป็นคนรักของพระองค์ เป็นคนรักกับพระเจ้าหมายความว่าอย่างไร ?
คนที่ได้เป็นคนรักของพระองค์ คนที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์สามารถระบายความในใจกับพระองค์ได้ พระองค์สัญญาว่าจะฟังและช่วยเหลือคนรักของพระองค์ พระเจ้าทรงตรัสไว้ในพระคัมภีร์อัลกุรอ่าน ว่า

พระเจ้าของพวกเธอตรัสว่า จงวิงวอนขอต่อเราซิ แล้วเราจะตอบรับคำวิงวอนของพวกเธอ

เมื่อเรารู้ว่าพระเจ้าผู้มีฤทธิ์อำนาจที่จะนิมิตสิ่งใดก็ได้ในฉับผลัน ความทุกข์ และภัยพิบัติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นทำให้คนเราผิดหวังและท้อใจจริง ๆ แต่กระนั้นมนุษย์ก็จะรู้ว่า เขามีพระเจ้าอยู่ที่เคยรับฟัง และช่วยเหลือในฐานะบ่าวของพระเจ้า เราสามารถรู้ได้ว่าพระองค์คิดอย่างไรในเรื่องต่าง ๆ นี่ทำให้เราเข้าใจคำถามที่ว่าเราเกิดมาทำไม รวมทั้งคำถามหลายอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับชีวิต

 2. ช่วยให้จิตใจสงบ เนื่องจากผู้คนเห็นความทุกข์ที่เกิดขึ้นตลอดทั่วโลก บางคนจึงรู้สึกว่ายากที่จะเชื่อว่ามีพระเจ้า พวกเขาถามว่า ‘ทำไมผู้สร้างที่มีอำนาจยิ่งใหญ่ถึงยอมให้มีความทุกข์และความชั่วร้ายเกิดขึ้น ?

หากท่านนบียูนุซไม่ได้ถูกจองจำอยู่ในท้องปลาในวันนั้น ณ วันนี้ เราคงจะไม่ได้รู้จักคำ ซิกร์ยูนูซียะฮ์ (บรรสรรเสริญพระองค์) เพื่อปลดเปลื้อง เป็นแน่

ฉะนั้นในความทุกข์ที่เกิดขึ้นย่อมมีฮิกมะฮ์บางอย่างซ่อนอยู่ในนั้น ผู้คนร้องอวดควรญต่อโรคระบาดโควิด-19 แต่อีกมุมหนึ่งฝูงมัจฉาใต้ท้องทะเล และหมู่มวลวิหกกลับเต้นเริงร่าด้วยความปีติยินดีที่ธรรมชาติอันบริสุทธิ์ได้กลับมาคืนอีกครั้ง คัมภีร์อัลกุรอ่านให้คำตอบที่ทำให้เราสบายใจว่าพระเจ้าไม่ต้องการให้มนุษย์มีความทุกข์ แต่เมื่อมีทุกข์จงระลึกถึงพระองค์ให้มากๆ แล้วจะพบกับความสงบนิ่ง

พึงสังวร ด้วยการระลึกถึงอัลลอฮ์ นั่นเองที่หัวใจทั้งหลายจะพบกับความสงบมั่น

เมื่อเรารู้ว่าความทุกข์ที่มนุษย์มีอยู่นั้นไม่ได้เป็นความต้องการของพระเจ้าจริงๆ นี่ทำให้เรามีจิตใจสงบ แต่โดยธรรมชาติของมนุษย์แล้ว เราก็ยังอยากหลุดพ้นจากความทุกข์และมีความหวังที่ดีสำหรับอนาคตด้วย และสิ่งนี้อาจเกิดขึ้นได้หากเราได้วอนขอความรัก ความเมตตาต่อพระองค์ให้หัวใจเราสงบมั่นเมื่อยามเภทภัยได้คืบคลานเข้ามาใกล้

 3. ช่วยให้มีความหวัง

ทันทีหลังจากที่มนุษย์คู่แรกผิดสัญญากับอัลลอฮ์ ชัยฎอนมารร้ายก็ได้เฉลิมฉลองความสำเร็จก้าวแรกของมัน และมันก็ได้ประกาศอย่างยิ่งยะโสว่า "ข้าจะทำให้ลูกหลานอาดัมหลงผิดทั้งหมด" คัมภีร์อัลกุรอ่านได้กล่าวถึงคำพูดที่โอหังของชัยฎอนไว้ในซูเราะฮ์ ฮิจญ์ อายะที่ 39 ว่า :

"โอ้องค์อภิบาล อันเนื่องด้วยการที่พระองค์ทรงทำให้ข้าหลงผิด ข้าก็จะตกแต่งสิ่งที่อยู่ในผืนแผ่นดินให้ดูดี(และน่ารื่นรม)สำหรับพวกเขา(ลูกหลานแห่งอาดัม) และข้าก็จะทำให้พวกเขาหลงผิดทั้งหมด ยกเว้นปวงบ่างของพระองค์ซึ่งพวกเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ใจ"

แต่พระเจ้าสัญญาว่า พระองค์จะทำให้ความประสงค์แรกเดิมสำหรับโลกเป็นจริง เนื่องจากพระองค์เป็นผู้มีฤทธิ์อำนาจสูงสุด จึงไม่มีอะไรขัดขวางพระองค์ได้ และท้ายที่สุดแล้วพระองค์ก็จะทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขก่อนวันอวสานโลกจะอุบัติขึ้น

ในพระคัมภีร์ต่างๆได้กล่าวถึง ผู้ยิ่งใหญ่จากพระผู้เป็นเจ้ามาปลดปล่อยชาวโลกให้พันจากทุกข์โศก และ พวกเขาทุกคนก็กำลังรอคอยมหาบุรุษผู้นี้อยู่ เช่น ในคัมภีร์ ดี้ด ของชาวฮินดู ได้กล่าวไว้ว่า หลังจากที่โลกนี้ ได้เข้าสู่ยุคเสื่อมโทรมที่สุด กษัตริย์หนึ่งจะปรากฏขึ้นในยุคสุดท้าย เขาคือผู้นำแห่งศิลธรรม เขามีชื่อว่า มันศูร เขาจะพิชิตโลก และ ทำให้โลกทั้งหมดอยู่ภายใต้ศาสนาของเขา ทั้งผู้ศรัทธาและไม่ศรัทธาจะรู้จักเขา

ในคัมภีร์ ญามาซบ์ ของชาวโซโรอัสเตอร์ ได้กล่าวไว้ว่า บุรุษหนึ่งจากลูกหลานของฮาชิม จะปรากฏขึ้นบนหน้าแผนดิน เขาจะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยระเบียบกฎเกณฑ์จนถึงขั้นที่หมาป่าจะกินน้ำเคียงข้างลูกแกะได้
ในคัมภีร์ ซันด์ ซึ่งเป็นอีกนิกายหนึ่งของ โซโรอัสเตอร์ ได้กล่าวไว้ว่า เมื่อชัยชนะของพระเจ้ามาถึง บรรดามารร้ายและสาวกของมัน จะถูกพันธนาการไว้กับแผนดินและไม่มีทางเข้าสู่สรวงสวรรค์ และหลังชัยชนะอันนี้โลกจะเข้าสู่ความสำเร็จอย่างแท้จริง และลูกหลานของอาดัม จะนั่งอยู่บนบังลังก็แห่งความผาสุกตลอดไป

(ยะซายา 55:11) อีกไม่นาน พระเจ้าจะจัดการกับคนที่ต่อต้านพระองค์ ทั้งโลกและมนุษย์ก็จะกลับเข้าสู่สภาพที่ควรจะเป็นตามที่พระเจ้าตั้งใจไว้ตั้งแต่แรก

อิสลาม เชื่อว่าก่อนการสิ้นยุคสุดท้าย ท่านอิมามมะฮ์ดีจะปรากฏกายออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อจัดระเบียบโลกใหม่ ทำลายความชั่วร้าย การอธรรมและอบายมุขให้สูญสิ้นไปจากโลกนี้ ท่านจะทำหน้าที่จัดตั้งรัฐบาลโลกขึ้นปกครองโลกนี้ ในคัมภัร์อัลกุรอานได้กล่าวถึงการจัดตั้งรัฐขึ้นปกครองโลกว่า เป็นรัฐที่มีความยุติธรรมที่สุด มีผู้ปฏิบัติตามที่สะอาดบริสุทธิ์ โดยโองการกล่าวว่า : “แน่นอน เราได้บันทึกไว้ในคัมภีร์อัซซะบูร หลังจากที่ได้บันทึกไว้แล้วใน (เตารอต) ว่า ปวงบ่าวของเราที่เป็นกัลยาณชน มีคุณธรรมจะเป็นผู้สืบมรดก (ปกครอง) แผ่นดิน”
โองการลักษณะเช่นนี้นักอรรถธิบายอัลกุรอานส่วนใหญ่ เมื่อนำฮะดีษของท่านศาสดา ศ. มาเป็นองค์ประกอบในการอธิบาย ได้กล่าวตรงกันว่า เป็นโองการที่กล่าวถึงท่านอิมามมะฮ์ดี อ. การปรากฏกาย และการยืนหยัดต่อสู้ของท่าน
มัรฮูมเฏาะบัรซีย์ นักตัฟซีร ที่มีชื่อเสียงกล่าวว่า : ฮะดีษทั้งชีอะฮ์และซุนนีย์ได้รายงานจากท่านศาสดา ศ. ที่กล่าวว่า “ถ้าโลกนี้มีเวลาเหลือเพียงแค่วันเดียว อัลลอฮ์จะทรงทำให้วันนั้นยาวนานออกไป จนกว่าจะมีบ่าวที่บริสุทธิ์จากครอบครัวของเราปรากฏออกมา และทำให้โลกนี้เปี่ยมล้นไปด้วยคุณธรรมและความยุติธรรม ดั่งที่โลกเคยเปี่ยมล้นด้วยความอยุติธรรมมาแล้ว”
เรื่องนี้มีประโยชน์อย่างไรสำหรับคุณ ? ขอพิจารณาคำสัญญาของพระเจ้าสักสองเรื่องที่พระองค์จะทำเพื่อเราในอนาคตตามที่บอกไว้ในคัมภีร์ทั้งหลาย
ความเจ็บป่วย และความทุกข์โศกทั้งหลายจะหมดไปในวันหนึ่ง และความยุติธรรมจะปกครองโลกจริง ๆ จะทำให้โลกนี้เต็มไปด้วยระเบียบกฎเกณฑ์จนถึงขั้นที่หมาป่าจะกินน้ำเคียงข้างลูกแกะได้
ทำไมเราเชื่อมั่นได้ว่าคำสัญญาต่าง ๆ ของพระเจ้าที่บอกไว้ในคัมภีร์ต่างๆ จะเป็นจริง ? เพราะคำพยากรณ์มากมายที่บันทึกไว้ได้เกิดขึ้นจริง ถึงแม้ความหวังที่ว่าความทุกข์จะหมดไปไม่ได้ช่วยเราให้พ้นทุกข์ในตอนนี้ แต่พระเจ้ามีวิธีอะไรเพื่อช่วยเรา ?

 4. ช่วยแก้ปัญหาและตัดสินใจได้ถูกต้อง

พระเจ้าให้คำแนะนำที่ช่วยเรารับมือกับปัญหาต่าง ๆ และทำการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง เรื่องที่ต้องตัดสินใจส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องเล็ก แต่บางครั้งก็เป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบทั้งชีวิต ไม่มีคำแนะนำใด ๆ จากมนุษย์ที่จะเทียบได้กับคำแนะนำที่มาจากผู้สร้างตัวเรา ในฐานะผู้สร้าง พระองค์รู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเราเพราะพระองค์รู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตและในอนาคตด้วย
จงกล่าว(บอกไป)ว่า อัลลอฮ์ทรงชี้นำสู่สัจธรรม ผู้ที่ชี้นำสู่สัจธรรมนั้นย่อมสมควรที่จะได้รับการปฏิบัติตาม

พวกเธอจะลองตรวจสอบความจริงไหม ?
พวกเธออาจต้องใช้เวลาเพื่อค้นหาความจริงเกี่ยวกับพระเจ้า และการเกิดขึ้นมาของโลกและสรรพสิ่งนี้ แต่ถ้าพวกเธอทำอย่างนั้น แน่นอนว่า พวกเธอก็จะได้รับประโยชน์อย่างล้นหลาม เพราะไม่มีความสุขใดจะยิ่งใหญ่ไปกว่าความสุขที่ได้รู้จักพระองค์ และได้ลิ้มรสของผู้ที่ได้รับสถานะ บ่าว ที่แท้จริงของพระองค์อีกแล้ว

 

ที่มา เพจ Ansor Thailand

 

 

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม