การละหมาดและผลของการไม่ให้ความสำคัญกับมัน

การละหมาดและผลของการไม่ให้ความสำคัญกับมัน


การละหมาดถือเป็นบทบัญญัติทางศาสนาข้อหนึ่งในจำนวนหลายๆข้อ ที่พระผู้เป็นเจ้าได้ทรงกำหนดให้มุสลิมทุกคนจำต้องปฏิบัติโดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น


การละทิ้งหรือการไม่ให้ความสำคัญกับการละหมาดนั้น ถือว่าเป็นบาป ซึ่งพระองค์ไม่ทรงต้องการเห็นบ่าวของพระองค์ เป็นเช่นนั้นเลย


กับการไม่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ท่านนบี ศ็อลฯ ได้กล่าวสอนไว้ในหลายๆที่ด้วยกัน เช่นที่ว่า:


قالَ النَّبِىُ صلی الله علیه و آله: لاتُضَیِّعُوا صَلاتَكُمْ فَاِنَّ مَنْ ضَیَّعَ صَلاتَهُ حَشَرَهُ اللّهُ مَعَ قارُونَ وَ فِرْعَوْنَ وَهامانَ.

 "พวกท่านจงอย่าทำให้ละหมาดของพวกท่านต้องเสียหาย(ละทิ้งหรือไม่ให้ความสำคัญ)เพราะใครก็ตามที่กระทำเช่นนั้น ในวันฟื้นคืนชีพพระองค์จะทำให้เขาผู้นั้นได้อยู่ร่วมกับกอรูนและฟิรอูนในวันนั้น" บิอาร /82
ท่านหญิงฟาติมะฮ อ.นางได้ถามบิดาของนางว่าถึงความสำคัญของละหมาดว่า "โอ้รอซูล บรรดาสตรี และบรรดาบุรุษที่พวกเขาไม่สนใจและไม่ให้ความสำคัญกับการละหมาด ผลสุดท้ายพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นเช่นไร?"
นบี ศ็อลฯตอบว่า"โอ้ฟาติมะฮ์ ใครก็ตามทั้งสตรี หรือบุรุษ หากพวกเขาไม่สนใจหรือไม่ให้ความสำคัญกับการละหมาด พระองค์จะส่งบะลา(การลงโทษ)แก่พวกเขาถึงสิบห้าบะลาด้วยกัน!!

6บะลาที่จะเกิดกับเขาบนโลกนี้(การลงโทษ)คือ..


๑.พระองค์จะถอดถอนความเป็ยบะรอกัตให้ออกไปจากชีวิตของเขา
๒.พระองค์จะถอดถอนความเป็นบะรอกัตให้ออกไปจากริสกีของเขา
๓.ใบหน้าของพวกเขาจะไม่พบเห็นถึงความเป็นคนดีมีอีหม่าน
๔.ทุกการงานที่ดีของพวกเขา จะไม่มีรางวัลตอบแทน
๕.ดุอาห์การวอนขอ จะไม่ถึงไปยังฟากฟ้า
๖.จะไม่เหลือของการเป็นผู้ที่ดีงามเลยในตัวเขา

 

3บะลา(การลงโทษ)ที่จะเกิดขึ้นในขณะที่ดวงวิญญานจะออกจากร่าง
๑.เขาจะตายไปในสภาพที่น่าอัปยศอดสู
๒.เขาจะตายในสภาพที่หิว
๓.เขาจะตายไปในสภาพที่กระหาย แม้จะเอาน้ำทั้งลำน้ำมาให้ดื่มก็มิอาจบรรเทาความกระหายนั้นได้

อีก3บะลา(การลงโทษ)ที่เขาจะพบขณะถูกฝังในหลุมกุโบร์
๑.พระองค์จะส่งมะลาอิกะฮที่น่ากลัวและเกรงขามมาเพื่อลงโทษ
๒.หลุมจะคับแคบ และบีบรัดเรือนร่าง
๓.หลุมจะมืดมน ไร้ซึ่งแสงรัศมี

และอีก3บะลา(การลงโทษ)ที่จะมีในวันกิยามัต
๑.พระองค์สั่งให้มะลาอิกะฮควบคุมโดยให้ใบหน้าของพวกเขาก้มลงสู้พื้นดิน และลากไปในสภาพเช่นนั้น ในขณะที่มีใครๆกำลังมองเขาอยู่
๒.การคิดบัญชีที่ยากลำบาก
๓.พระองค์จะไม่มองเขาอย่างเมตตา และเขาจะถูกลงโทษตลอดกาล
หนังสือ ฟะลาหุล ซาอิล /22


ดังนั้นมุสลิมทุกคนขาดละหมาดไม่ได้เด็ดขาด จำเป็นที่จะต้องละหมาดและรักษามันเอาไว้
คำถามละหมาดแบบไหนที่อัลลอฮ์ยอมรับ??


เรื่องนี้อิมาม ศอดิก อ.ได้กล่าวไว้ดังนี้ว่า:


قالَ الصّادِقُ علیه السلام: «قالَ اللّهُ تَبارَكَ وَ تَعالى: اِنَّما اَقْبَلُ الصَّلاةَ لِمَنْ تَواضَعَ لِعَظَمَتى، وَیَكُفُّ نَفْسَهُ عَنِ الشَّهَواتِ مِنْ اَجْلى، وَیَقْطَعُ نَهارَهُ بِذِكْرى، وَلایَتَعاظَمُ عَلى خَلْقى، وَیُطْعِمُ الْجایِعَ وَیَكْسُو الْعارى، وَیَرْحَمُ الْمُصابَ، وَیُۆْوِى الْغَریبَ.

ละหมาดที่พระองค์ทรงยอมรับนั้นคือ..
๑.คนที่มีความถ่อมตนต่อความยิ่งใหญ่ของพระองค์
๒.คนที่ไม่ยอมแพ้และไม่ยอมจำนนต่ออารมณ์ความต้องการของตนเองเพื่อพระองค์
๓.ผู้ที่จบด้วยการรำลึกถึงพระองค์จากริสกีต่างๆที่ได้มา
๔.คนที่ไม่วางตนเป็นใหญ่ในหมู่มวลบ่าวของพระองค์
๕.คนที่มอบอาหารแก่ผู้หิวโหย
๖.คนที่มอบเครื่องนุ่งห่มแก่ผู้ยากไร้
๗.ผู้ที่มีความเมตาและเอ็นดูต่อคนที่มีทุกข์และความโศกเศร้า
๘.ผู้ที่ให้แหล่งพักพิงผู้ไร้ญาติ
หนังสือบิฮาร84/242,มีซานุลฮิกมะฮ์ 5/386


จึงอยากให้ผู้ที่ยังมิได้ละหมาด หรือยังไม่เห็นคุณค่าในเรื่องนี้ว่าทำอย่างไรให้ได้ละหมาด ทำอย่างไรให้เห็นถึงความสำคัญของมันที่มีต่อตนเองทั้งโลกนี้และก็โลกหน้า
และทำอย่างไรกับผู้มีละหมาดอยู่แล้วให้เขาได้รักษาละหมาดนั้นจนอายุใขสิ้นลมหายใจของเขา ทำอย่างไรกับละหมาดที่เขามีอยู่แล้วนั้น ให้เป็นที่ยอมรับ ณ พระองค์...??

ไปดูผลของการละหมาดที่ตรงต่อเวลาตามริวายัตต่างๆที่ได้ระบุไว้


1.ความต้องการต่างๆจะถูกตอบแทน.
ท่านอับดุลอะซีม หะซะนีย์ รายงานจากท่าน อิมาม อัสการีย์ อ.ซึ่งท่านกล่าวว่า "อัลลอฮได้กล่าวแก่ท่านนบีมูซา อ. และท่านนบีมูซา อ.กล่าวกับพระองค์ขึ้นว่า โอ้พระผู้อภิบาลของฉัน สำหรับบุคคลที่เขาละหมาดตรงเวลาแล้วนั้น พวกเขาจะมีอะไรเป็นสิ่งตอบแทน? พระองค์กล่าวว่า ความต้องการทั้งหลายที่พวกเขาร้องขอจะถูกตอบรับ และสวรรค์คือสิ่งตอบแทนแก่พวกเขา" บิอาร 82/204
จากท่านมัรฮูม เชคฮะซัน อะลี ว่า " ฉันมีความประสงค์(ต้องการ)อยู่สามอย่าง ที่ให้พระองค์ประทานแก่ฉันในช่วงที่ฉันกำลังหนุ่มแน่น ผู้หนึ่งถามว่า อะไรที่ท่านต้องการ? ฉันต้องการไปประกอบอัจญ์ เพราะการไปอัจญ์ตอนอายุยังหนุ่มนั้นมันเป็นสิ่งที่ดีเลิศอีกแบบที่ควรกระทำ ท่านตอบฉันว่า จงละหมาดญะมาอัต(หมู่คณะ)ให้ตรงเวลาของมัน!!
ประการที่สองที่ฉันต้องการคือ ฉันอยากให้พระองค์ประทานผู้หญิงที่มีหน้าตาสวยงามมาเป็นคู่ครองของฉัน ท่านตอบฉันว่า จงละหมาดญะมาอัต(หมู่คณะ)ให้ตรงเวลาของมัน!!
และอย่างที่สามที่ฉันต้องการคือ อยากให้พระองค์ได้มอบเกียรติและศักศรีแก่ฉัน ท่านตอบฉันว่า จงละหมาดญะมาอัต(หมู่คณะ)ให้ตรงเวลาของมัน!!
จากนั้นฉันได้ปฏิบัติตามที่ท่านได้สอนสั่ง คือละหมาดตรงเวลาและญะมาอัตถึงสามปีติดต่อกันไม่เคยขาด สุดท้ายในสิ่งทั้งสามอย่างพระองค์ก็ประทานมาให้ฉันจริงๆตามที่ฉันต้องการ" เรื่องเล่าจากเรื่องละหมาดตรงเวลา/121
2.ปัญหาความทุกข์ร้อนต่างๆจะหมดไป
ท่านศาสดา ศ็อลฯกล่าวว่า
" ไม่มีบ่าวคนใดเมื่อถึงเวลาแห่งการละหมาดได้มาถึง และเขาได้ไปสู่การปฏิบัติในสิ่งนั้น(ละหมาดตรงเวลา) ถ้าเขากระทำเช่นนี้ ฉันรับประกันให้เขาผู้นั้นได้รับในสามอย่างด้วยกัน นั้นคือความทุกข์ใจต่างๆจะหายไปจากตัวเขา และเขาจะจากโลกนี้ไปในสภาพที่ปิติดีใจ(สงบนิ่ง)และเขาจะได้รับความปลอดภัยจากไฟนรก" สะฟีนะตุล บิอาร 2/42
3.จะได้เข้าสวรรค์ ออกห่างจากไฟนรก
ท่านอิมามบากิร อ.กล่าวว่า "บุคคลใดที่เขาได้ละหมาดภาคบังคับตรงตามเวลาของมัน โดยที่มิมีสิ่งใดมาขวางกั้นตัวเขาในการละหมาดได้ พระองค์จะบันทึกให้เขานั้นออกห่างจากไฟนรก เพื่อนรกนั้นจะไม่เผาผลาญเขาผู้นั้น แต่หากใครที่ละหมาดโดยไม่ให้ความสำคัญกับเวลาของมัน(ละหมาดไม่ตรงเวลา)โดยที่ไม่มีเหตุผลใดๆที่จะมาขวางกั้น เป็นสิทธิของพระองค์ที่จะลงโทษหรืออภัยแก่เขาผู้นั้น" วะซาอิล ชีอะห์ 3/81
4. รอดพ้นจากภัยบะลาต่างๆจากฟากฟ้า
ท่านคุฏุบ ระวันดีย์ กล่าวว่า ท่านนบี ศ.กล่าวว่า "ขณะเมื่อพระองค์ได้ส่งบะลาต่างๆมาสู่ฟากฟ้า มีชนสามกลุ่มที่จะได้รับความปลอดภัย คือผู้ที่ปกพากรุอาน(ผู้ที่อ่านกรุอาน และอยู่กับกรุอานตลอด) ผู้ที่รักษาเวลาของละหมาด และผู้ที่สร้างมัสยิดบ้านของพระองค์เพื่อการละหมาด" หนังสือ อัสศอลาห์ ฟีกิตาบ วัสสุนนะฮ์ 1/329
 5.พระองค์ทรงพอพระทัย
ท่านนบี ศ็อลฯ กล่าวแก่อลี อ.ว่า "จงละหมาดกับการมีน้ำละหมาดที่สมบูรณ์ในเวลาของมันเถิด แท้ที่จริงแล้วการปล่อยเวลาให้ล่าช้าออกไปโดยไม่มีเหตุอันควรนั้น เป็นเหตุทำให้พระองค์ทรงกริ้วโกรธได้"
หนังสือซัรมอยะฮ์ ซัคนูราน หน้า 306
6.ดุอาห์จะถูกตอบรับ
มีฮะดิษรายงานเรื่องนี้ว่า ท้องฟ้าจะเปิดเวลาเที่ยงวันและประตูสวรรค์ก็จะเปิดตาม การร้องขอในเวลาดังกล่าวจะถูกตอบรับ ผู้โชคดีคือผู้ที่ใช้เวลาดังกล่าวให้เกิดประโยชน์ด้วยการทำความดี..
อิมามศอดิก อ.กล่าวว่า "เวลาที่ดีที่สุดของกลางวันและกลางคืนนั้นคือเวลาของการละหมาด... ท่านกล่าวต่อว่า เพราะเมื่อเวลาดังกล่าวมาถึง(เที่ยง)ประตูแห่งชั้นฟ้าจะเปิดออก พระองค์จะทรงมองมายังสรรพสิ่งต่างๆที่ถูกสร้างบนโลกนี้ ขอพวกท่านจงขอ(ดุอาห์)หลังจากละหมาดเถิด เพราะการวอนขอของพวกท่านนั้นจะถูกตอบรับ"
อุศูล กาฟีย์ 2/87
7.ชัยฏอน(มารร้าย)จะถูกขีดขวาง
 ท่านนบี ศ็อลฯ กล่าวว่า "คราใดที่ผู้ศรัทธายังคงรักษาเวลาทั้งห้าของการละหมาดอยู่นั้น มารร้ายมิสามารถจะทำอะไรพวกท่านได้"
อิมามศอดิก อ.กล่าวว่า "มะลาอิกะฮเมาต์(มะลาอิกะฮแห่งความตาย)จะทรงปกป้องชัยฏอนให้ออกไปจากผู้ที่รักษาละหมาด และยังกล่าวสอนในการอ่านชะฮาดะตัย(ปฏิญานตน)แก่พวกเขาผู้รักษาละหมาดนั้น"
กับการมีอายุที่ยืนยาว มีทรัพย์สินที่มากมาย มีบุตรทั้งหลายที่ดีงาม กับการรอดพ้นจากความน่ากลัวเวลาจะสิ้นชีวิต และการง่ายดายกับการตอบคำถามของมุนกัรและนังกิร กับความกว้างขวางของหลุมกูโบร์การมีรัศมีที่จรัสบนใบหน้า
กับการรับอะม้าลด้วยมือขวา และการคิดบัญชีที่ง่ายดายแห่งทุ่งมะห์ชัร การพึงพอพระทัยของพระองค์ต่อพวกเขา ในวันที่พวกเขาทั้งหลายต้องข้ามผ่านสะพานศิรอฎอันน่ากลัว ฯลฯ ....
เหล่านี้ทั้งหมดคือผลที่ดีงามที่ได้ตามมา และความเป็นบะรอกัตของการรักษาเวลาของละหมาดทั้งหลายในแต่ละวันให้อยู่ในเวลาของมัน
ฉนั้นมุสลิมคนหนึ่งจึงขาดสิ่งนี้ไปไม่ได้เลย....


เรียบเรียง:เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม
ที่มา เพจ Raiden Phetkareem