เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ยาซีดบินมุอาวียะฮ์ ตอนที่ 3

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ยาซีดบินมุอาวียะฮ์ ตอนที่ 3

 

อัชเชากานี กล่าวว่า อิมามฮูเซนมีความตักวาและความรู้มากกว่าอุละมาอ์ยุคหลังที่มาตำหนิท่าน

กิตาบ นัยลุลเอาตอร เล่ม 7 หน้า 277  บทย่อยชื่อ

بَابُ الصَّبْرِ عَلَى جَوْرِ الْأَئِمَّةِ وَتَرْكِ قِتَالِهِمْ وَالْكَفِّ عَنْ إقَامَةِ السَّيْفِ

บทว่าด้วย การอดทนต่อความอธรรมกดขี่ของผู้นำ ละทิ้งการสู้รบกับผู้นำที่กดขี่ และงดเว้นการต่อสู้ด้วยดาบ

อัชเชากานี ตาย ฮ.ศ. 1255 (เจ้าของตำรานัยลุลเอาตอร) กล่าวว่า

وَقَدْ اسْتَدَلَّ الْقَائِلُونَ بِوُجُوبِ الْخُرُوجِ عَلَى الظَّلَمَةِ وَمُنَابَذَتِهِمْ السَّيْفَ وَمُكَافَحَتِهِمْ بِالْقِتَالِ بِعُمُومَاتٍ مِنْ الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ فِي وُجُوبِ الْأَمْرِ بِالْمَعْرُوفِ وَالنَّهْيِ عَنْ الْمُنْكَرِ

มีอุละมาอ์ได้กล่าวแสดงเหตุผลว่า
วายิบต้องต่อต้านพวกซอลิม
ต้องสู้กับพวกเขาด้วยดาบ
ต้องเผชิญหน้ากับพวกเขาด้วยการสู้รบ
ด้วยหลักฐานอุมูม(ครอบคลุม)จากกุรอ่านและฮะดีษ ในบทว่าด้วยเรื่อง
อัมรูบิลมะอ์รูฟและนะฮ์ยุอะนิลมุงกัร(กำชับให้ทำดี/ห้ามปรามไม่ให้ทำชั่ว)

وَلَا شَكَّ وَلَا رَيْبَ أَنَّ الْأَحَادِيثَ الَّتِي ذَكَرَهَا الْمُصَنِّفُ فِي هَذَا الْبَابِ وَذَكَرْنَاهَا أَخَصُّ مِنْ تِلْكَ الْعُمُومَاتِ مُطْلَقًا ، وَهِيَ مُتَوَافِرَةُ الْمَعْنَى كَمَا يَعْرِفُ ذَلِكَ مَنْ لَهُ أَنَسَةٌ بِعِلْمِ السُّنَّةِ

และไม่มีข้อสงสัยเลยว่า
ฮะดีษต่างๆที่เจ้าของตำรา(อัลมุนตะกอของอบุลบะรอกาต ตาย ฮ.ศ.652)ได้กล่าวถึงในบทนี้(เรื่องการอดทนต่อความอธรรมกดขี่ของผู้นำ)

และเราได้กล่าวถึงมันว่าเป็นเรื่องคอศ(เฉพาะ)กว่าเรื่องที่ครอบคลุมไม่จำกัด
และมันมีความหมายมากมาย ตามที่ผู้ที่คุ้นเคยกับวิชาฮะดีษรู้จักสิ่งนั้นดี

وَلَكِنَّهُ لَا يَنْبَغِي لِمُسْلِمٍ أَنْ يَحُطَّ عَلَى مَنْ خَرَجَ مِنْ السَّلَفِ الصَّالِحِ مِنْ الْعِتْرَةِ وَغَيْرِهِمْ عَلَى أَئِمَّةِ الْجَوْرِ

#แต่ว่าไม่สมควรสำหรับมุสลิมคนหนึ่ง
จะทำการลบหลู่ดูหมิ่นต่อผู้ที่ได้ต่อต้านบรรดาผู้นำที่อธรรมกดขี่
ที่เป็นคนยุคสะลัฟซอและห์ จากวงศ์วานของท่านนบีและจากบุคคลอื่นจากพวกเขา(ซอฮาบะฮ์คนอื่นๆ)

فَإِنَّهُمْ فَعَلُوا ذَلِكَ بِاجْتِهَادٍ مِنْهُمْ ، وَهُمْ أَتْقَى لِلَّهِ وَأَطْوَعُ لِسُنَّةِ رَسُولِ اللَّهِ مِنْ جَمَاعَةٍ مِمَّنْ جَاءَ بَعْدَهُمْ مِنْ أَهْلِ الْعِلْمِ

เพราะว่า พวกเขา(อะฮ์ลุลบัยต์และซอฮาบะฮ์)ได้ทำสิ่งนั้น(ต่อต้านผู้นำที่กดขี่)
ด้วยการอิจญ์ติฮ๊าดจากพวกเขา

และพวกเขามีตักวาต่ออัลลอฮ์มากที่สุด

และตออัตต่อซุนนะฮ์ของรอซูลุลลอฮ์(ศ)มากกว่า
กลุ่มนักวิชาการที่มาหลังจากยุคของพวกเขา

وَلَقَدْ أَفْرَطَ بَعْضُ أَهْلِ الْعِلْمِ كَالْكَرَّامِيَّةِ وَمَنْ وَافَقَهُمْ فِي الْجُمُودِ عَلَى أَحَادِيثِ الْبَابِ حَتَّى حَكَمُوا بِأَنَّ الْحُسَيْنَ السِّبْطَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ وَأَرْضَاهُ بَاغٍ عَلَى الْخِمِّيرِ السِّكِّيرِ الْهَاتِكِ لِحُرُمِ الشَّرِيعَةِ الْمُطَهَّرَةِ يَزِيدَ بْنِ مُعَاوِيَةَ لَعَنَهُمْ اللَّهُ

และมีนักวิชาการบางส่วนเช่นพวกกัรรอมียะฮ์และผู้ที่มีความเห็นตรงกับพวกเขา(กัรรอมียะฮ์)
ได้แสดงความเลยเถิดในการยึดฮะดีษของบทนี้(เรื่องการอดทนต่อความอธรรมกดขี่ของผู้นำ)

จนพวกเขาได้ตัดสินว่า
ท่านฮูเซน(หลานชายของท่านนบี)เป็น ผู้อธรรมผู้ล่วงละเมิดต่อยาซีดบุตรมุอาวียะฮ์
นักดื่มสุรา
จอมเมา
ผู้สร้างความเสื่อมเสียให้กับความศักดิ์สิทธิ์ของชะรีอัตที่บริสุทธิ์

ขออัลลอฮ์ โปรดละนัตพวกเขา ด้วยเถิด  

فَيَالَلَّهِ الْعَجَبُ مِنْ مَقَالَاتٍ تَقْشَعِرُّ مِنْهَا الْجُلُودُ وَيَتَصَدَّعُ مِنْ سَمَاعِهَا كُلُّ جُلْمُودٍ

ยาอัลลอฮ์(คำอุทาน) น่าแปลกใจจากคำพูดเหล่านั้น
ที่ผิวหนังจะลุกชันจากคำพูดนั้น
และหินใหญ่ทุกก้อนจะแตกร้าวจากการได้ยินคำพูดนั้น


บทความโดย เชคญะวาด สว่างวรรณ

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม