ยาซีด บิน มุอาวียะฮ์ ตอนที่ 5

 

ยาซีด บิน มุอาวียะฮ์ ตอนที่ 5

 

การห้ามละนัตยาซีดคือการปกป้องผู้ปกครองมุสลิมชั่วทุกราชวงศ์

มีอุละมาอ์ซุนนี่คนหนึ่งชื่อ  
อับดุลมุฆีษ ตายฮ.ศ. 583 ได้แต่งตำราเล่มหนึ่งเกี่ยวกับ”ฟะดออิลยาซีด – ความประเสริฐของยาซีด” เพื่อปกป้องยาซีดและห้ามละนัตยาซีด

เมื่อเขาถูกถามถึงสาเหตุที่แต่งตำราเล่มนี้ว่ามีจุดประสงค์อะไร

อับดุลมุฆีษได้ตอบว่า

إِنَّمَا قَصَدْتُ كَفَّ الأَلْسِنَةِ عَنْ لَعْنِ الخُلَفَاءِ

ฉันต้องการหยุดคำพูดไม่ให้ไปละนัตสาปแช่งบรรดาผู้ปกครอง

ดู สิยัร อะอ์ลามุน นุบะลา เล่ม 21 หน้า 161

ยุคต่อมา
ตัฟตาซานี อุละมาอ์ซุนนี่ ตาย ฮ.ศ.791 ได้ชี้แจงเหตุผลที่อุละมาอ์บางคนห้ามละนัตยาซีดว่า  

تحامياً عن أن يرتقى إلى الأعلى فالأعلى

(ที่อุละมาอ์บางคนห้ามละนัตยาซีด) เพื่อป้องกันการไปตำหนิบุคคลที่สูงกว่า(คือผู้ปกครองก่อนยาซีด)

ดู กิตาบ ชัรฮุลมะกอซิด ฟี อิลมิลกะลาม เล่ม 5 หน้า 310 - 311

การห้ามละนัตกษัตริย์ยาซีด จุดประสงค์ก็เพื่อปกป้องรัฐบาลอธรรมเช่นนี้ไว้

แน่นอนผู้ปกครองมุสลิมทุกพระองค์ต้องการอุละมาอ์แบบนี้มาช่วยค้ำจุนราชสำนักของเขา

ด้วยเหตุนี้ ทั้งอัซซะฮะบีและอิบนุกะษีรบันทึกว่า

เมื่อกาหลิบอันนาซิร (กาหลิบลำดับที่ 34 แห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์ เกิด 553 ตาย 622 ฮ.ศ.) ได้ถามอับดุลมุฆีษ ถึงเหตุผลที่ห้ามละนัตยาซีด

อับดุลมุฆีษได้ตอบว่า

ถ้าหากเราเปิดประตูอนุญาติให้ละนัตยาซีดได้ ประชาชนจะต้องละนัตสาปแช่งกาหลิบชั่วได้  ประชาชนจะถอนบัยอัตแล้วร่วมมือกันโค่นกาหลิบอธรรมคนนี้ คือกาหลิบอันนาซิรนั่นเอง

อัซซะฮะบี (ลูกศิษย์อิบนิตัยมียะฮ์) บันทึกว่า

เมื่อกาหลิบนาซิรอับบาซีรู้ข่าวว่า อับดุลมุฆีษได้ห้ามด่าทอกษัตริย์ยาซีด พระองค์จึงสอบถามสาเหตุว่าทำไม

อับดุลมุฆีษได้ทูลตอบว่า

فَلَو فَتَحْنَا هَذَا، لَكَانَ خَلِيْفَةُ الوَقْتِ أَحَقَّ بِاللَّعْنِ؛ لأَنه يَفْعَلُ كَذَا، وَيَفْعَلُ كَذَا ... ، وَجَعَلَ يُعَدِّدُ خَطَايَاهُ، قَالَ: يَا شَيْخُ! ادْعُ لِي، وَقَامَ

ถ้าหากเราเปิดประตูนี้(ละนัตยาซีดได้) แน่นอนกาหลิบคนปัจจุบัน(คือกาหลิบอันนาซิร)  ก็สมควรถูกละนัตด้วย เพราะเขาได้ทำความชั่ว เช่นนั้น..เช่นนี้...ไว้
แล้วอับดุลมุฆีษได้นับความผิดต่างๆของกาหลิบนาซิรให้ฟัง
กาหลิบนาซิรจึงกล่าวว่า โอ้ท่านเชค ช่วยดุอาให้ข้าด้วยเถิดแล้วเขาก็ลุกจากไป

สิยัร อะอ์ลามุน นุบะลา เล่ม 21 หน้า 161

อิบนุกะษีร (ลูกศิษย์อิบนิตัยมียะฮ์)  บันทึกว่า

อับดุลมุฆีษได้ทูลกาหลิบนาซิรอับบาซีว่า

لَوْ فَتَحْتُ هَذَا الْبَابَ لَلَعَنَ النَّاسُ خَلِيفَتَنَا. قَالَ: وَلِمَ ؟ قَالَ: لِأَنَّهُ يَفْعَلُ أَشْيَاءَ مُنْكَرَةً كَثِيرَةً، مِنْهَا كَذَا وَكَذَا. ثُمَّ شَرَعَ يُعَدِّدُ عَلَى الْخَلِيفَةِ، مَا يَقَعُ مِنْهُ مِنَ الْمُنْكَرَاتِ لِيَنْزَجِرَ عَنْهَا، فَتَرَكَهُ الْخَلِيفَةُ، وَخَرَجَ مِنْ عِنْدِهِ

ถ้าหากฉันเปิดประตูนี้(ละนัตยาซีดได้) ประชาชนก็จะละนัตกาหลิบของเราแน่(คือกาหลิบอันนาซิร)  
กาหลิบอันนาซิรจึงถามว่าทำไม ?

อับดุลมุฆีษตอบว่า
เพราะกาหลิบคนนี้ได้ทำชั่วต่างๆไว้มากมาย
ส่วนหนึ่งจากบาปคือ นั่น..นี่... แล้วเขาได้นับความผิดให้กาหลิบฟัง ซึ่งเป็นความชั่วต่างๆที่อิสลามได้ห้ามไว้
แล้วกาหลิบได้ปล่อยเขาไว้ แล้วกาหลิบได้เดินออกมาจากเขา
อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ เล่ม 16 หน้า 598

วิเคราะห์

อิสลามมีหลักปฎิบัติวายิบอยู่ข้อหนึ่งคือ

อัมรูบิลมะรูฟ วะนะฮ์ยุอะนิลมุงกุร

หมายถึง ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมธรรมดาหรือเป็นผู้ปกครอง
ทั้งสองฝ่ายต้องชักชวนคนให้ทำดีเชื่อฟังอัลลอฮ์
และเมื่อเห็นคนชั่วฝ่าฝืนอัลลอฮ์จต้องช่วยกันห้ามปรามเขาให้ยุติ

สิ่งที่น่าแปลกคือ
อุละมาอ์บางส่วนในยุคก่อนจนถึงปัจจุบันได้ปกป้องผู้ปกครองมุสลิมชั่วและอธรรม ทั้งๆที่ขัดกับหลักฐานจากกิตาบและซุนนะฮ์ ดังนี้

1.อาลิ อิมรอน อายัตที่  110

كُنتُمۡ  خَيۡرَ  أُمَّةٍ  أُخۡرِجَتۡ  لِلنَّاسِ  تَأۡمُرُونَ  بِٱلۡمَعۡرُوفِ  وَتَنۡهَوۡنَ  عَنِ  ٱلۡمُنكَرِ  وَتُؤۡمِنُونَ  بِٱللَّهِۗ  

พวกเจ้า เป็นประชาชาติที่ดียิ่งซึ่งถูกให้อุบัติขึ้นสำหรับมนุษยชาติ โดยที่พวกเจ้าใช้ให้ทำความดี และห้ามมิให้ทำความชั่ว และศรัทธาต่ออัลลอฮฺ
 
2.ซูเราะฮ์อัตเตาบะฮ์ อายัตที่  71

وَٱلۡمُؤۡمِنُونَ  وَٱلۡمُؤۡمِنَٰتُ  بَعۡضُهُمۡ  أَوۡلِيَآءُ  بَعۡضٖۚ  يَأۡمُرُونَ  بِٱلۡمَعۡرُوفِ  وَيَنۡهَوۡنَ  عَنِ  ٱلۡمُنكَرِ  وَيُقِيمُونَ  ٱلصَّلَوٰةَ  وَيُؤۡتُونَ  ٱلزَّكَوٰةَ  وَيُطِيعُونَ  ٱللَّهَ  وَرَسُولَهُۥٓۚ  أُوْلَٰئِكَ  سَيَرۡحَمُهُمُ  ٱللَّهُۗ  إِنَّ  ٱللَّهَ  عَزِيزٌ  حَكِيمٞ  
 
และบรรดามุอ์มินชาย และบรรดามุอ์มินหญิงนั้น ต่างเป็นผู้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ซึ่งพวกเขาจะใช้ให้ทำความดีและห้ามปรามไม่ให้ทำความชั่ว และพวกเขาจะดำรงละหมาดและจ่ายทานซะกาต และพวกเขาเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮฺ และรอซูลของพระองค์ พวกเขาเหล่านี้ อัลลอฮฺจะทรงมอบความเราะมัตแก่พวกเขา


3.นบีมุฮัมมัด(ศ)กล่าวว่า

مَنْ رَأَى مِنْكُمْ مُنْكَرًا فَلْيُغَيِّرْهُ بِيَدِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِلِسَانِهِ، فَإِنْ لَمْ يَسْتَطِعْ فَبِقَلْبِهِ، وَذَلِكَ أَضْعَفُ الْإِيمَانِ

ผู้ใดก็ตามในหมู่ของพวกท่าน ที่เห็นความชั่วร้าย
เขาจงเปลี่ยนแปลงมันด้วยมือของเขา
หากเขาไม่สามารถก็ด้วยลิ้นของเขา
และหากไม่สามารถก็ด้วยหัวใจของเขา
ดังกล่าวนี้นั้น แสดงถึงระดับขั้นอีมานที่อ่อนแอที่สุดแล้ว

ซอฮิฮ์มุสลิม หน้า 26ฮะดีษที่ 49/78

คลิปนี้
มีคนถาม มุฟตีซาอุฯคนนี้ว่า ท่านมีจุดยืนอย่างไร ต่อกษัตริย์ยาซีด ?
เชคบินบาซได้ตอบว่า ยาซีด บินมุอาวียะฮ์ คือ อะมีรุลมุอ์มินีน

 

บทความโดย เชคญะวาด สว่างวรรณ