เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ยาซีด บิน มุอาวียะฮ์ ตอนที่ 6

2 ทัศนะต่างๆ 03.0 / 5

ยาซีด บิน มุอาวียะฮ์ ตอนที่ 6

 

อิบนุลเญาซีหักล้างอับดุลมุฆีษที่ปกป้องยาซีด

เมื่อ อับดุลมุฆีษ (ตาย ฮ.ศ. 583) ได้แต่งตำราความประเสริฐยาซีดและห้ามละนัตยาซีด
ซึ่งถือว่า ตำรานี้เขียนขึ้นมาโดยมีจุดประสงค์ปกป้องยาซีดและผู้ปกครองชั่ว
แน่นอน อัลลอฮ์ย่อมส่งบุคลากรของพระองค์ออกมาเปิดเผยความจริง กล่าวคือ

ในยุคสมัยเดียวกับอับดุลมุฆีษ มีอุละมาอ์ซุนนี่ผู้โด่งดังคนหนึ่งชื่อ

อบุล ฟะร็อจญ์ อับดุลเราะห์มาน บินอบิลฮาซัน อาลี บินมุฮัมมัด อัลกุเรชี อัตตะมีมี อัลบักรี
เรียกเขาสั้นๆว่า (อิบนุล เญาซี )  เกิด ฮ.ศ. 510 ตาย ฮ.ศ. 597

อิบนุลเญาซีกับอับดุลมุฆีษ สังกัดมัซฮับฮัมบาลี ทั้งคู่

พออิบนุุลเญาซีเห็นอับดุลมุฆีษเขียนตำราบิดเบือนความจริงเรื่องยาซีด   
เขาไม่นิ่งเฉย แต่ได้แต่งตำราตอบโต้อับดุลมุฆีษทันที
ทั้งสองคนมีชีวิตอยู่ในยุคการปกครองของ กาหลิบอันนาซิร ผู้ปกครองลำดับที่ 34 แห่งราชวงศ์อับบาซียะฮ์ เกิด 553 ตาย 622 ฮ.ศ.)

อิบนุลเญาซี ได้ศึกษาศาสนากับบรรดาเชคถึง 78 คน  
เขาเป็นอุละมาอ์ที่โด่งดังคนหนึ่งในยุคนั้น  เขาแต่งตำราไว้มากมาย เช่น

1.กิตาบ ตัลบีส อิบลีส เป็นตำราด้านอัคล๊าก ที่ดีมาก

2.กิตาบ อัลรอดดุ อะลัล มุตะอัซซิบ อัลอะนีด อัลมานิ๊อ์ มิน ซัมมิ ยาซีด

แปลว่า ตอบโต้คนตะอัซซุบ ดื้อดึง ที่ห้ามตำหนิยาซีด หมายถึง อับดุลมุฆีษ นั่นเอง

มาดูกันว่า อิบนุลเญาซีตอบโต้อับดุลมุฆีษเรื่องยาซีดไว้อย่างไร ?

อิบนุลเญาซี ตาย ฮ.ศ. 597 อุละมาอ์ซุนนี่ ได้กล่าวว่า

 (قلت) ليس العجب من فعل عمر بن سعد، وعبيد الله بن زياد

ไม่ใช่เรื่องแปลกจากการกระทำของอุมัร บินสะอัดและอุบัยดุลลอฮ์ บินซิยาด
(ที่ลงมือสังหารท่านฮูเซนเพราะทำตามยาซีด)

وإنما العجب من خذلان يزيد وضربه بالقضيب على ثنية الحسين، وإعادته إلى المدينة وقد تغيرت ريحه لبلوغ الغرض الفاسد، أفيجوز أن يفعل هذا (بالخوارج)؟

แต่ที่แปลกคือ การปล่อยปละละเลยของยาซีด
และการที่ยาซีดเอาไม้ในมือตีริมฝีปากของท่านฮูเซน
และเขาได้ส่งศรีษะท่านฮูเซนไปที่นครมะดีนะฮ์(เพื่อข่มขู่ชาวมะดีนะฮ์) ทั้งๆที่กลิ่นศรีษะนั้นได้เปลี่ยนสภาพไปแล้ว
จะอนุญาตให้ปฏิบัติเช่นนี้กับพวกคอวาริจ หรือ

أوليس في الشرع أنهم يصلى (عليهم) ويدفنون؟ وأما قوله: لي أن أسبيهم، فأمر لا يقنع لفاعله ومعتقده إلا (اللعنة)

ในศาสนบัญญัติได้กำหนดมิใช่หรือว่า
ต้องละหมาดญะนาซะฮ์ให้พวกเขา(73ศรีษะที่เสียบปลายหอกส่งมาให้ยาซีด)และต้องฝังพวกเขา
ส่วนคำพูดของเขาที่กล่าวกับฉันว่า
พวกเขา(ทหารยาซีด)ได้จับครอบครัวฮูเซนเป็นเชลยและสั่งเชลยห้ามเงยศรีษะขึ้นมา สำหรับผู้ที่ทำเช่นนั้นและผู้ที่เชื่อนั้น ไม่มีสิ่งใด เว้นแต่ ขอการละนัต

ولو أنه احترم الرأس حين وصوله وصلى عليه ولم يتركه في (طشت) ولم يضربه بقضيب ما الذي كان يضره وقد حصل له مقصوده من القتل، ولكن أحقاده الجاهلية ودليلها ما تقدم من إنشاده (ليت أشياخي ببدر شهدوا)

ถ้าหากว่า ยาซีดให้เกียรติต่อศรีษะของท่านฮูเซน
ตอนศรีษะนั้นส่งมาถึงเขา และยาซีดได้ละหมาดญะนาซะฮ์ให้เขา
ไม่นำศรีษะนั้นไปใส่ในถาด
ไม่ตีศรีษะนั้นด้วยไม้ในมือ
อะไรจะทำให้เกิดอันตรายแก่เขาหรือ
และเขาได้บรรลุเป้าหมายของเขาแล้วจากการสังหารนั้น
แต่ทว่าความชิงชังอาฆาตของยาซีดในสมัยญาฮิลียะฮ์ยังคงฝังแน่นอยู่
และหลักฐานของมันคือคำพูดที่เขาได้กล่าวเป็นกลอนออกมาว่า

อยากให้บรรพบุรุษของฉันที่ถูกฆ่าตายในสงครามบาดัรได้เห็นจังเลย....

อ้างอิงจาก

กิตาบ อัลรอดดุ อะลัล มุตะอัซซิบ อัลอะนีด อัลมานิ๊อ์ มิน ซัมมิ ยาซีด หน้า 63 - 64


บทความโดย เชคญะวาด สว่างวรรณ

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม