ท่านอิมามซัจญาด (อ) คือ ผู้ฟื้นฟูขบวนการแห่งอาชูรอ

ท่านอิมามซัจญาด (อ) คือ ผู้ฟื้นฟูขบวนการแห่งอาชูรอ

 

หนึ่งในนโยบายทางการเมืองของอะห์ลุลบัยต์(อ)ที่ยังคงดำรงอยู่หลังการเป็นชะฮีดของท่านอิมามฮุเซน(อ) คือ ฟื้นฟูขบวนการแห่งอาชูรอ เนื่องจากขบวนการแห่งอาชูรอคือสัญลักษณ์แห่งความงดงามและความภาคภูมิใจและเกียรติยศแห่งศาสนา ความกล้าหาญ การออกห่างจากความอธรรมและการเรียกร้องสู่ความยุติธรรม และบรรดาอิมามผู้บริสุทธิ์(อ)ปรารถนาที่จะรักษาคุณค่าต่าง ๆ เหล่านี้ให้เกิดขึ้นในหมู่มุสลิมด้วยการฟื้นฟูขบวนการแห่งอาชูรอ

ท่านอิมามซัจญาด(อ)มีบทบาทอย่างมากต่อขบวนการนี้เพราะตลอดชีวิต 35 ปีหลังจากเหตุการณ์อาชูรอ ท่านได้รักษาขบวนการแห่งอาชูรอฮุซัยนีด้วยรูปแบบที่หลากหลายให้เกิดขึ้นในสังคมซึ่งถือเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงอย่างหนึ่งเพื่อการต่อต้านระบบการปกครองแห่งยุคสมัย

หนึ่งในภารกิจของท่านอิมามซัจญาด(อ)
การดำรงไว้ซึ่งการรำลึกเหตุการณ์ในวันอาชูรอ

จากการที่ท่านอิมามฮุเซน(อ)และสาวกของท่านเป็นชะฮีดทำให้คุณค่าราคาของราชวงศ์บะนีอุมัยยะฮ์หมดสิ้นไปจากความคิดของประชาชน และความชอบธรรมของพวกเขาถูกตั้งคำถาม เพื่อไม่ให้โศกนาฏกรรมนี้ถูกลืมเลือน ท่านอิมามยังคงใช้การร้องไห้ให้กับบรรดาชะฮีดและดำรงไว้ซึ่งการรำลึกถึงพวกเขาเป็นรูปแบบการต่อสู้โดยไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เป็นที่น่าสงสัยแต่ประการใดที่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดและการร่ำร้องที่ทุกข์ระทมคือรากฐานแห่งความอ่อนไหวเนื่องจากความรุนแรงของโศกนาฏกรรมและความทุกข์ระทมในกัรบะลายิ่งใหญ่และเจ็บปวดมากถึงขั้นที่ไม่มีผู้ที่เป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์คนใดเขาจะสามารถลืมเลือนมันได้ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่เป็นที่น่าสงสัยว่าเหตุใดการกระทำในด้านนี้ของอิมามสัจญาดกลับมีผลลัพธ์ทางการเมือง

การรำลึกถึงโศกนาฏกรรมแห่งกัรบะลาอย่างต่อเนื่องนั้นไม่เปิดโอกาสให้ความอธรรมและอาชญากรรมของรัฐบาลอุมาวีถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำทั้งหลาย ทุกครั้งที่อิมามต้องการดื่มน้ำเมื่อสายตาของท่านเห็นน้ำ น้ำตาจะเอ่อล้นที่ดวงตาของท่านเมื่อมีการถามไถ่ถึงสาเหตุของการร้องไห้ ท่านจึงกล่าวว่า “จะไม่ให้ฉันร้องไห้ได้เยี่ยงไรขณะที่(พวกของยะซีด)ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตและสัตว์ตามท้องทุ่งทะเลทรายได้กินน้ำอย่างอิสระแต่พวกเขากลับปิดกั้นน้ำต่อบิดาของฉัน(และสังหารเขาในสภาพที่กระหาย)”

อิมามกล่าวว่า “ทุกครั้งที่ฉันรำลึกถึงการถูกสังหารของบุตรชายแห่งฟาฏิมะฮ์(ซ)ฉันจะร้องไห้”

วันหนึ่งคนรับใช้ของท่านอิมามกล่าวว่า “ความทุกข์โศกของท่านไม่มีวันหมดไปอย่างนั้นหรือ?!”

ท่านกล่าวว่า “ความโชคร้ายจงมีแด่เจ้า ศาสดายะอ์กูบที่บุตรชายเพียงคนหนึ่งจากสิบสองคนหายตัวไปท่านถึงกับร้องไห้อย่างหนักจนตาบอดเพราะต้องห่างไกลจากบุตรของท่านและหลังของท่านค่อมเนื่องจากความทุกข์ที่แสนสาหัสทั้งที่บุตรชายของท่านยังมีชีวิตอยู่(ซึ่งท่านยังไม่หมดหวังจากการพบบุตรไปซะทีเดียว)แต่ฉันได้เห็นบิดาของฉัน พี่ชายน้องชาย อาของฉันและครอบครัวของฉันอีกสิบเจ็ดคนถูกสังหารซึ่งร่างกายของพวกเขาเกลื่อนกราดตามพื้นดิน ดังนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรกันที่ความทุกข์โศกของฉันจะมีวันสิ้นสุด?!”

นี่เป็นเพียงตัวอย่างเดียวที่ทำให้เห็นว่าท่านดำรงไว้ซึ่งการรำลึกถึงอาชูรออย่างไร

จะขอหยิบยกบางฮะดีษที่เป็นคติสอนใจให้กับผู้ศรัทธาทุกท่าน

قال امام سجاد  (ع) :
إنَّ الْمَعْرِفَهَ، وَکَمالَ دينِ الْمُسْلِمِ تَرْکُهُ الْکَلامَ فيما لايُغْنيهِ، وَقِلَّهُ ريائِهِ، وَحِلْمُهُ، وَصَبْرُهُ، وَحُسْنُ خُلْقِهِ

ท่านอิมามซัจญาด(อ) กล่าวว่า “แท้จริงแล้วมะอ์ริฟัตและความสมบูรณ์แห่งศาสนาของมุสลิมคนหนึ่ง คือ การละทิ้งคำพูดที่ไม่เกิดประโยชน์(ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น) ออกห่างจากความโอ้อวด อดทน อดกลั้น และมีมารยาทที่ดีงาม”
บิฮารุลอันวาร เล่มที่ 2 หน้าที่ 129 ฮะดีษที่ 11

ثَلاثٌ مُنْجِياتٌ لِلْمُؤْمِن: کَفُّ لِسانِهِ عَنِ النّاسِ وَاغتِيابهِمْ، وَإشْغالُهُ نَفْسَهُ بِما يَنْفَعُهُ لاَخِرَتِهِ وَدُنْياهُ، وَطُولُ الْبُکأ ‏عَلی خَطيئَتِهِ

“สามสิ่งที่ปัจจัยให้ผู้ศรัทธาอยู่รอดปลอดภัย คือ การรักษาลิ้นของตนจากการนินทาและพูดถึงผู้อื่น  ทำให้ตนเองจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เป็นประโยชน์ทั้งในอาคิรัตและดุนยา และร้องไห้ต่อความผิดของตน”

ที่มา หนังสือตุฮัฟฟุลอุกูล หน้าที่ 204


ขอขอบคุณ สถาบันศึกษาอัลมะฮ์ดียะฮ์