วิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้งในทัศนะของอัลกุรอานและอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)
วิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้งในทัศนะของอัลกุรอานและอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)
คัมภีร์อัลกุรอานได้กล่าวว่า
"จงกล่าวเถิด (โอ้มุฮัมมัด) ว่า นี่คือแนวทางของฉัน ฉันและผู้ปฏิบัติตามฉันจะเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์ ด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้ง และมหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮ์ และฉันมิได้อยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี” (1)
โองการนี้นอกเหนือจากจะชี้ให้เห็นว่า ผู้นำนั้นจะต้องเป็นผู้ที่มีวิสัยทัศน์ มีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) และมีความรอบรู้ที่เพียงพอแล้ว ยังชี้ให้เห็นอีกเช่นกันว่า มุสลิมทุกคนที่ดำเนินรอยตามศาสดา (ซ็อลฯ) นั้น พวกเขาจะต้องเป็นผู้เรียกร้องเชิญชวนผู้อื่นสู่สัจธรรมด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจะต้องไม่ส่งเสริมและชักนำประชาชนไปสู่การกระทำใดๆ อย่างหลับหูหลับตา โดยปราศจากความรู้และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ทว่าพวกเขาเองจะต้องมีวิสัยทัศน์ที่สมบูรณ์และมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง เพื่อจะได้เรียกร้องเชิญชวนและชี้นำประชาชนไปสู่พระผู้เป็นเจ้าด้วยความเข้าใจที่ลึกซึ้งและด้วยวิสัยทัศน์ดังกล่าวที่สมบูรณ์
ทำนองเดียวกัน มนุษย์นั้นในการเคลื่อนไหวและการย่างก้าวจากสถานที่หนึ่งไปยังอีกสถานที่หนึ่งนั้น จำเป็นต้องมีดวงตาด้านนอกที่ใช้ในการมองเพื่อจะได้ไม่ตกลงสู่หลุมและอันตราย เช่นเดียวกันนี้ การที่จะบรรลุสู่เป้าหมายที่สูงส่งและรอดพ้นจากกับดักของฟิตนะฮ์ (วิกฤตความเลวร้าย) ต่างๆ ได้นั้น จำเป็นต้องมีวิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) ด้วยเช่นกัน
มีรายงานจากท่านศาสดามุฮัมมัด (ซ็อลฯ) ซึ่งท่านกล่าวว่า
“ไม่มีบ่าวคนใดเว้นแต่เขาจะมีสองดวงตาบนใบหน้าของเขา ที่จะใช้มองกิจการแห่งโลกนี้ และจะมีสองดวงตาในหัวใจของเขาที่จะใช้มองกิจการแห่งปรโลก... ดังนั้นเมื่อพระองค์ (อัลลอฮ์) ทรงปรารถนาความดีงามแก่บ่าวคนใด พระองค์จะทรงเปิดดวงตาทั้งสองของเขาที่อยู่ในหัวใจ แล้วเขาจะมองเห็นสิ่งที่พระองค์ทรงสัญญาไว้แก่เขาด้วยสื่อของความเร้นลับ ดังนั้นเขาจะศรัทธาต่อสิ่งเร้นลับโดยอาศัยสื่อของความเร้นลับ”
บนพื้นฐานของคำสอนของคัมภีร์อัลกุรอานและอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) ทุกๆ กิจการงานในการดำเนินชีวิตของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการประกอบอาชีพ ความเป็นมิตร ความเป็นศัตรูกับบุคคลต่างๆ ท่าทีและจุดยืนต่างๆ และอื่นๆ จำเป็นจะต้องกระทำบนพื้นฐานของความรู้ที่พอเพียงและความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) เพื่อที่เขาจะสามารถย่างก้าวไปบนเส้นทางของตนด้วยความปลอดภัยและมั่นใจถึงความถูกต้องของเส้นทางดังกล่าว
ความจำเป็นที่สำคัญที่สุดของการมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) นั้นก็คือ เมื่อเกิดฟิตนะฮ์ (วิกฤตความเลวร้าย) ต่างๆ ในช่วงเวลาที่สังคมต้องเผชิญกับความผันผวนและการทดสอบที่ยิ่งใหญ่ ในช่วงเวลาเช่นนี้ การมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) เท่านั้นที่จะช่วยให้บุคคลทั้งหลายมีความสามารถในการแยกแยะถูกผิดและการตัดสินใจในการเลือกได้
จากจุดที่ว่า ในการเผชิญกับฟิตนะฮ์ (วิกฤตความเลวร้าย) ต่างๆ นั้น การรู้จักความถูกต้องและความหลงผิด คือเงื่อนไขสำคัญสำหรับการย่างก้าวเข้าสู่เวทีนี้ ด้วยเหตุนี้เอง ท่านอิมามอะลี (อ.) จึงใช้ความพยายามอยู่ตลอดเวลาที่จะทำให้ผู้ที่ปฏิบัติตามท่านเกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ผิดพลาดและถูกหลอกในการทำความรู้จักศัตรูของตนเอง
ทำนองเดียวกันนี้ ท่านอิมามฮุเซน (อ.) เท่าที่มีความสามารถท่านจะเรียกร้องเชิญชวนประชาชนไปสู่การทำความรู้จัก การมีวิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) บางครั้งอาจจะด้วยจดหมายและการส่งสาส์น บางครั้งด้วยการกล่าวสุนทโรวาท และบางครั้งโดยการไปพบปะเป็นการส่วนตัว และท้ายที่สุดท่านได้ทำให้แนวทางแห่งสัจธรรมถูกจำแนกอย่างชัดเจนด้วยการเสียสละชีวิตของตนเอง เพื่อที่ว่าสังคมจะได้ไม่ตกอยู่ในวังวนและกระแสคลื่นของฟิตนะฮ์ (วิกฤตความเลวร้าย) ต่างๆ
ปัจจุบันนี้ก็เช่นเดียวกัน ท่านอายะตุลลอฮ์อะลี คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม ถือว่าการเสริมสร้างวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องและการมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) นั้นเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับประชาชาติมุสลิมในยุคนี้ ด้วยวัตถุประสงค์ดังกล่าวนี้เอง เราในฐานะที่เป็นผู้เชื่อฟังและปฏิบัติตามคำชี้นำของท่าน จำเป็นที่จะต้องย้อนกลับมาพิจารณาคำสอนของคัมภีร์อัลกุรอานและอะฮ์ลุลบัยติ์ (อ.) เกี่ยวกับเรื่องนี้ รวมทั้งคำชี้นำของท่านผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลามในฐานะที่เป็นวะลียุ อัมริลมุสลิมีน (ผู้นำปวงชนมุสลิม) ในปัจจุบัน เพื่อที่ว่าด้วยกับการมีความเข้าใจที่ลึกซึ้งต่อปัญหาต่างๆ ที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมทุกระดับ เราจะได้สามารถย่างก้าวไปในเวทีแห่งการดำเนินชีวิตได้อย่างปลอดภัย ไม่ตกเป็นเหยื่อและเครื่องมือของศัตรูโดยไม่รู้ตัว และสามารถแยกแยะความถูกต้องออกจากความหลงผิดในสังคมที่เต็มไปด้วยฟิตนะฮ์ (วิกฤตความเลวร้าย) ต่างๆ ได้
ความหมายของคำว่า “บะซีเราะฮ์”
คำว่า “บะซีเราะฮ์” ในมุมมองของริวายะฮ์ (คำรายงาน) นั้นหมายถึง ความมีวิสัยทัศน์ พลังการรับรู้ด้านใน การตระหนักรู้และการมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานสำหรับเราในการจำแนกแยกแยะสัจธรรมออกจากความหลงผิด และการเลือกเส้นทางที่ถูกต้องเหมาะสมจากเส้นทางที่ผิดพลาด
ท่านศาสดา (ซ็อลฯ) ได้กล่าวว่า
“คนตาบอดนั้นหาใช่ว่าบุคคลที่ดวงตาของเขามืดบอด แท้ที่จริงแล้วคนตาบอดนั้นคือบุคคลที่บะซีเราะฮ์ (ความเข้าใจและการรับรู้ด้านใน) ของเขามืดบอด” (3)
ในฮะดีษ (วจนะ) ข้างตนนี้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ (ซ็อลฯ) ถือว่าคนที่ขาดวิสัยทัศน์ ขาดพลังการรับรู้ด้านใน ขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) ไม่สามารถแยกแยะสัจธรรมออกจากความเท็จและความถูกต้องออกจากความผิดพลาดได้นั้น คือผู้ที่ตาบอดโดยแท้จริง
ความจำเป็นและความสำคัญของการมีวิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า การมีวิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับกิจการและสิ่งต่างๆ ที่มนุษย์จะกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กิจการงานและการกระทำที่เป็นเรื่องส่วนตัวและสังคมนั้น นับว่ามีความสำคัญและมีความจำเป็นมาก ในกรณีที่ไม่มีวิสัยทัศน์และความเข้าใจที่ลึกซึ้งเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในวิกฤตต่างๆ ของการดำเนินชีวิตนั้น ถึงขั้นที่สามารถทำให้เราตกสู่หุบเหวต่างๆ และเบี่ยงเบนออกจากเส้นทางอันเที่ยงตรงของพระผู้เป็นเจ้าได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว เป็นยุคของสงครามจิตวิทยาและสงครามสื่อโฆษณาชวนเชื่อ ที่กำหนดเป้าหมายไปที่สังคมต่างๆ ในสภาวการณ์เช่นนี้ การประโคมข้อมูลข่าวสารและแนวความคิดต่างๆ ที่บิดเบือนและเป็นพิษภัยที่ดำเนินอยู่ในสังคม ในสถานการณ์เช่นนี้เองที่การแยกแยะมิตรออกจากศัตรูกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง และในสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความแปดเปื้อนและพิษภัยเช่นนี้ มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่จะสามารถเป็นโล่และอาวุธที่ทำให้มนุษย์ปลอดภัย และนำพามนุษย์ไปสู่ความสำเร็จและความผาสุกไพบูลย์ในการดำเนินชีวิตได้ ซึ่งนั่นก็คือการมีวิสัยทัศน์ที่ถูกต้องและความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์)
ในส่วนหนึ่งจากคำปราศรัยของท่านอายะตุลลอฮ์คอเมเนอี ผู้นำสูงสุดของการปฏิวัติอิสลาม เกี่ยวกับความอดทน (ซ็อบร์) และการมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) ท่านได้กล่าวว่า
ผู้เป็นที่รักทั้งหลายของข้าพเจ้า! ปัญหาต่างๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับบุคคลหรือสังคมต่างๆ ของมนุษย์นั้น เป็นผลมาจากหนึ่งในสองประการต่อไปนี้คือ : การขาดความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) หรือการขาดความอดทน (ซ็อบร์) หรือเกิดจากความไม่ใส่ใจ ไม่จำแนกแยกแยะข้อเท็จจริงต่างๆ หรือไม่เข้าใจถึงข้อเท็จจริงต่างๆ หรือแม้จะมีความเข้าใจถึงข้อเท็จจริงต่างๆ แต่เหนื่อยหน่ายจากการที่จะยืนหยัดอย่างมั่นคง
ในโลกปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน ผู้ที่อยู่ในระดับหัวหน้าของอำนาจต่างๆ ทางการเมือง ผู้ที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่และเป็นผู้แทรกแซง หรืออยู่ในส่วนหัวของบริษัทต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจ หรืออยู่ในระดับหัวหน้าของหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นเหมือนมะเร็งร้ายทางด้านการโฆษณาชวนเชื่อ และเครือข่ายที่ใหญ่โตที่แสวงหาผลประโยชน์ทางด้านการโฆษณา พวกเขาพยายามที่จะครอบงำและบีบบังคับเหนือประชาชนของชาติทั้งหลาย โดยอาศัยคุณลักษณะหนึ่งจากทั้งสองประการนี้ หรือพยายามที่จะให้ประชาชาติทั้งหลายอยู่ในความไม่เอารู้เอาชี้ และทำลายความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) ไปจากพวกเขา ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถที่จะทำลายความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) ออกไปจากประชาชนเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์ ในบางกรณีที่เป็นปัญหาเฉพาะ ก็นับว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา พวกเขาพยายามที่จะทำลายการตื่นตัวและการมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง (บะซีเราะฮ์) ของประชาชนในสังคมนั้นๆ ให้หมดไป หรือไม่ก็ทำให้พวกเขาหมดความอดทน (4)
แหล่งที่มา :
(1) ซูเราะฮ์ยูซุฟ/อายะฮ์ที่ 108
(2) มีซานุ้ลฮิกมะฮ์, เล่มที่ 8, หน้าที่ 224; กันซุ้ลอุมมาล, เล่มที่ 2, หน้าที่ 42, ฮะดีษที่ 3043
(3) นะฮ์ญุลฟะซอฮะฮ์, ฮะดีษที่ 2373
(4) คำปราศรัยในการเข้าพบของบรรดานักศึกษามหาวิทยาลัย, 12/08/1377
ขอขอบคุณเว็บไซต์ซอฮิบซะมาน

