การรำลึกอัรบะอีน ฮุซัยนี ที่จะต้องมีอยู่ต่อไป

การรำลึกอัรบะอีน ฮุซัยนี ที่จะต้องมีอยู่ต่อไป

 

ตัวเลขสี่สิบ ในมุมมองของศาสนา ในนัยยะที่สำคัญนั้น ได้ถูกมอบให้กับท่านอิมามฮุเซน(อ) ได้ถูกมอบให้วีรกรรมอันนี้เท่านั้น ว่า การรำลึกสี่สิบวัน ที่จะต้องยังคงอยู่ ต่อไปจนถึงวันกิยามะฮฺ เพราะอะไร? เพราะเหตุใด? อัรบะอีนจึงเป็นสิ่งที่เฉพาะของท่านอิมามฮุเซน (อ)?
นี่คือสิ่งสำคัญ ที่เราต้องทำความเข้าใจเนื้อหาทั้งหมด และถึงความสำคัญของตัวเลขสี่สิบในอิสลาม นั่นก็เพราะว่า ต้องการให้มนุษย์ทุกคน โดยเฉพาะผู้ศรัทธานั้น จะต้องรับจิตวิญญาณของกัรบะลาอฺ จะต้องพัฒนาตัวเองให้ได้ ในการที่จะต้องมีชีวิตและจิตวิญญาณ วิถีชีวิตให้เหมือนกับเหล่าบรรดาวีรชนที่ได้พลีในวันอาชูรอ
ดังนั้น ถ้าเราเคร่งครัดอย่างแท้จริง ถ้าวันที่หนึ่งถึงวันที่สิบมุฮัรรอม เรามาร่วมกันรำลึก เราได้เก็บเกี่ยวเนื้อหาต่างๆ ที่เกี่ยวกับวีรกรรมอันนี้ หลังจากนั้น เรานำวีรกรรมนี้ไปรำลึกต่อที่บ้านอย่างจริงจัง แล้วต้องควบคู่กับสิ่งอื่นๆ เช่น ด้วยการอ่านซิยารัตอาชูรอ ควบคู่ต่อไป อีกสี่สิบวัน หลังจากอาชูรอ จนถึงอัรบะอีน ต้องทำความเข้าใจเนื้อหาต่างๆ ของซิยารัตอาชูรอ เพื่อที่เราจะต้องเป็น ‘อัศบาฮะฮ์มินฮุม’ (บุคคลประเภทเดียวกับพวกเขา) ให้ได้
ฮะดีษได้อธิบายแล้วว่า ใครอยู่กับชนชาติไหน อยู่กับคนประเภทใด อยู่กับอากีดะฮ์ใด ถึงสี่สิบวัน ก็คือคนพวกนั้น
ด้านบวกก็เช่นกัน สี่สิบวันหลัง ผ่านวันอาชูรอไปแล้ว เราหยิบซิยารัตอาชูรอขึ้นมาอ่าน เราทำความเข้าใจซิยารัต ว่าทำไมเป้าหมายศาสนาให้ทำความเข้าใจต่อไปอีกสี่สิบวัน บางครั้งอาจจะจดจำเนื้อหาของอาชูรอไม่ได้ทั้งหมด แต่ด้วยการอ่านซิยารัตอาชูรอ อย่างน้อยก็ให้เนื้อหาแก่เราต่างๆ มากมาย เช่น
‎اللهُمَّ اجْعَلْ مَحْيايَ مَحْيا مُحَمَّد وَآلِ مُحَمَّد ، وَمَماتي مَماتَ مُحَمَّد وَآل مُحَمَّد
“โอ้อัลลอฮฺโปรดทำให้การใช้ชีวิตของฉัน เหมือนกับการใช้ชีวิตของมุฮัมมัด(ซ) และวงศ์วานของมุฮัมมัด(อ) ด้วยเถิด และโปรดให้การตายของฉันเหมือนการตายของมุฮัมมัด(ซ) และลูกหลานของมุฮัมมัด(อ)”
นี่คือบทหนึ่งที่มีอยู่ในซิยารัตอาชูรอ ถ้าเราทำความเข้าใจ ก็จะรู้ว่า เป็นการขอเพื่อให้วิถีการดำเนินชีวิตของเราดำเนินไปตามแบบฉบับของมุฮัมมัด(ซ) และลูกหลานของมุฮัมมัด(อ)
บรรดาอุละมาอฺอธิบายว่า แน่นอน เป็นไปไม่ได้ที่การมีชีวิตของเราจะให้เหมือนกับชีวิตของมุฮัมมัด(ศ็อลฯ) และลูกหลานของมุฮัมมัด (อ) แต่หนึ่งในความหมายที่เบาบางกว่านั้น คือการที่ได้ก้าวไปตามรอยเท้าของมุฮัมมัด (ศ) และลูกหลานของมุฮัมมัด (อ) พวกเขาเหล่านั้น อาจจะไปไกลเป็นหมื่นก้าวแสนก้าวแล้ว แต่ขอให้เรายังอยู่ในแถวนั้นที่พวกเขาได้ก้าว ถึงแม้ว่าจะห่างไกลกัน ก็ไม่เป็นไร แค่ให้อยู่ในเส้นทางเดียวกันที่นบีมุฮัมมัด (ศ) และลูกหลานของนบีมุฮัมมัด (อ) ได้ก้าวไป เท่านั้นก็เพียงพอแล้ว
นั่นคือความหมายของการมีชีวิตเหมือนศาสดามุฮัมมัด(ศ) และลูกหลานของท่าน(อ) ซึ่งในเส้นทางเดียวกันจะเหมือนกันเลยนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
การตายก็เช่นกัน ขอให้เดินไปในเส้นทางเดียวกันกับเส้นทางของมุฮัมมัด (ศ) และบรรดาลูกหลานของมุฮัมมัด (อ) ถ้าอัลลอฮฺ(ซบ) หรือถ้าหากเราไม่ประสบความสำเร็จในเส้นทางอันนั้น เราอาจจะไม่ได้ไปถึงตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่ ไม่ได้เป็นชะฮีด แต่เราก็ได้ตายในหนทางอันนี้ ตายในทางเดินที่เหล่าบรรดาชะฮีดได้เดิน และเราก็เดินตามเขาเหล่านั้น นี่เป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ที่อยู่ในซิยารัตอาชูรอ ซึ่งมีรายละเอียดอย่างมากมาย
ดังนั้น ถ้าหากในสี่สิบวัน ผู้ใดรำลึกได้ในลักษณะเช่นนี้ แน่นอน เขาก็จะประสบความสำเร็จ หากเคร่งครัดในสี่สิบวันนี้ และเมื่อครบสี่สิบวันนั้น เขาจะได้รับสิ่งต่างๆ ในสี่สิบวันนั้นที่เขารักษา เขาอาจพบเนื้อหาต่างๆ มากมาย
นี่คือการสร้างอัรบะอีนให้เกิดขึ้นสำหรับเรา เหมือนกับที่เรา ถ้าจะไม่ทิ้งนมาซแล้วนั้น ก็ต้องนมาซให้ครบสี่สิบวัน ถ้าเราอยากจะอยู่กับอัลกุรอานทุกวันไม่อยากที่จะทิ้งอัลกุรอาน เราก็ต้องอ่านให้ครบสี่สิบวัน และรับรองว่าจะทิ้งยากเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกัน ถ้าหากเราต้องการที่จะมีจิตวิญญาณแบบเดียวกับที่กัรบะลา มีจิตวิญญาณเยี่ยงท่านอิมามฮุเซน (อ) เราต้องการจะเป็น ฮูซัยนี (เป็นพวกของอิมามฮุเซน) เป็นกัรบะลาอีย์ (เป็นหนึ่งในวีรชนแห่งกัรบะลา) เป็นอาชูรออีย์ (เป็นหนึ่งในผู้ที่แสดงวีรกรรมอาชูรอ) เราก็ต้องทำการรำลึก สิ่งเหล่านี้ให้ถึงสี่สิบวัน
ทำไมศาสนาจึงมาเน้นในเรื่องสี่สิบวันของอิมามฮุเซน(อ) ? ทั้งๆ ที่ทุกๆ อิมามต่างก็เป็นชะฮีด ทุกๆ อิมามต่างก็เป็นผู้เสียสละ นั่นก็เพราะว่า แบบฉบับที่กัรบะลานั้นเป็นแบบฉบับที่สมบูรณ์แบบที่สุด สำหรับทุกวิถีชีวิต สำหรับทุกชนชั้น ที่จะเป็นผู้ศรัทธา •••


บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี