บทเรียนและอุทาหรณ์แห่งอาชูรอ ตอนที่ 8 หัวข้อ มองหน้าที่ของอิมามและอุมมะฮ์ผ่านเลนส์ของอาชูรอ

บทเรียนและอุทาหรณ์แห่งอาชูรอ ตอนที่ 8 หัวข้อ มองหน้าที่ของอิมามและอุมมะฮ์ผ่านเลนส์ของอาชูรอ

 

        "อิมาม"กับ"อุมมะอ์" คืออีกสองคำที่ได้เรียนรู้จากเรื่องราวแห่งอาชูรอ  คำว่าอิมามหมายถึงผู้นำ บ่งบอกถึงสถานภาพของอิมามที่มีต่อสังคม มีภารกิจในการชี้นำทางไปสู่หนทางของอัลลอฮ์  เป็นภารกิจเดียวกับบรรดานบี  ซึ่งเป็นภารกิจที่ต่อยอดภายหลังจากที่ท่านศาสดาเสียชีวิตลง  อิมามหมายถึงผู้นำผู้ปกครองทางศาสนา เป็นผู้ที่มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับทั้งในเรื่องของดีนและดุนยา  เป็นผู้ที่สานต่อภารกิจของท่านศาสดา เป็นผู้ที่ชี้นำ เป็นผู้อธิบายบทบัญญัติทางศาสนา เป็นผู้ปกป้องพิทักษ์ศาสนา  และเป็นผู้นำการปกครอง กล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าเป็นผู้นำทั้งในเรื่องของศาสนาและเป็นผู้นำในฐานะเป็นผู้ปกครองทางสังคม  ในแนวทางชีอะอ์อิมามต้องเป็นมะซูมและเป็นตัวแทนที่ถูกแต่งตั้งจากอัลลอฮ์โดยท่านศาสดาเป็นผู้ประกาศ

 
         อุมมะฮ์คือผู้ตาม หากจะอธิบายความให้กว้างขึ้นอุมมะฮ์หมายถึงประชาชาติ ซึ่งเป็นคำที่เราใช้กันอยู่เป็นประจำคืออุมมะตุ้ลอิสลามียะฮ์(ประชาชาติอิสลาม)  หน้าที่ของอุมมะฮ์คือต้องมีมะอ์รีฟะฮ์  ต้องรู้จักอิมามอย่างแท้จริง มีบทหะดิษของท่านศาสดาที่กล่าวถึงการรู้จักอิมามอย่างแท้จริงไว้ว่า  " ใครก็ตามที่ตายไปแต่ไม่ได้รู้จักอิมามในยุคสมัยของเขา  เขาผู้นั้นได้ตายลงในสภาพของอาหรับญาฮิลียะฮ์"(งมงายและดื้อดึง)

    

       เมื่อรู้จักอิมามแล้วต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตาม ต้องมีความภักดีอย่างไม่มีข้อสงสัย "จงเชื่อฟังภักดีต่ออัลลอฮ์ , ศาสนทูตของอัลลอฮ์และและผู้ปกครองในกิจการงานของสูเจ้า"(ซูเราะฮ์นิซาอ์/59)นอกจากนั้นต้องไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่หวั่นไหวต่อสิ่งอื่นใด ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคใดใดก็ตามต้องให้ความช่วยเหลืออิมาม  เป็นมิตรกับคนที่เป็นมิตรกับท่าน ให้เป็นศัตรูกับคนที่เป็นศัตรูกับท่าน ให้ออกห่างจากผู้ที่เป็นศัตรูของอิมาม  หากใครเข้าใจในความหมายของนามธรรมเหล่านี้อย่างถ่องแท้  จะเข้าใจบทบาทและหน้าที่ของอิมามในฐานะผู้นำและเข้าใจในบทบาทและหน้าที่ผู้ตามในฐานะอุมมะฮ์

     
       เนื่องจากทั้งสองคำนี้มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกันและแยกออกจากกันไม่ได้  ดังที่เคยกล่าวไว้ในหลายวาระว่าความศรัทธาต่อศาสนาอิสลามที่แท้จริงคือการยึดเอาบรรทัดฐานจากพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานเป็นทางนำ  อัลกุรอ่านคือสาส์นจากอัลลอฮ์ที่ถูกส่งลงมาเพื่อมวลมนุษยชาติผ่านการประกาศโดยท่านศาสดา และสาส์นนั้นถูกส่งต่อภารกิจโดยบรรดาอิมาม  อิมามปรารถนาให้บรรดาอุมมะฮ์เช่นเราปฏิบัติตามแนวทางที่เที่ยงตรงนี้และส่งสาส์นออกไปให้รับรู้กันอย่างกว้างขวาง  การเข้าใจในสถานะและหน้าที่ของอิมามและอุมมะฮ์อย่างแท้จริงคือความมั่นคงทางศรัทธา และเป็นพลังอันยิ่งใหญ่ การเดินตามแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรงคือทางรอดซึ่งก็คือหนทางแห่งความผาสุกที่แท้จริง

         ในประวัติศาสตร์แห่งอาชูรอ หน้าที่และบทบาทของทั้งผู้นำและผู้ตาม ฉายภาพเป็นตัวอย่างได้อย่างชัดเจน  อิมามทำหน้าที่ผู้นำ อธิบายหลักการของศาสนาที่แท้จริงในบริบทต่างๆ และชี้นำประชาชาติที่กำลังหลงทางให้กลับเข้าสู่แนวทาง  รวมไปถึงยังทำหน้าที่พิทักษ์ปกป้องศาสนาที่กำลังถูกกัดเซาะและบ่อนทำลายจากสิ่งปลอมปน ค่านิยมที่จอมปลอมที่เกิดขึ้นในสังคม  ส่วนบรรดาอุมมะฮ์ก็ทำหน้าที่ผู้ตามได้อย่างสมบูรณ์ คือถ้าพวกเขารู้จักอิมามของพวกเขาอย่างแท้จริง หมายความว่าถ้ารู้ถึงสถานะที่แท้จริงของอิมาม พวกเขาต้องภักดีและปฏิบัติตามอิมามอย่างไม่มีข้อสงสัย ในสมัยของท่านอิมามฮุเซนสามารถแบ่งพวกเขาออกเป็นสามกลุ่มด้วยกัน หนึ่งคือกลุ่มคนที่รับรู้ว่าท่านนั้นเป็นอิมามแต่เพื่อผลประโยชน์ทางดุนยาเพราะเขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับท่าน  กลุ่มที่สองคือกลุ่มคนที่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด สัจธรรมกับความมดเท็จคืออะไร แต่เพื่อรักษาสถานภาพของตัวเองได้วางตัวเป็นกลาง ส่วนกลุ่มที่สามคือกลุ่มที่ทำหน้าที่อุมมะฮ์อย่างสมบูรณ์ กล่าวคือการที่พวกเขาออกเดินทางร่วมไปกับอิมามฮุเซนแม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่คับขัน ไม่รู้ว่าภายหน้าจะต้องพบเจอกับสิ่งใด พวกเขาให้ความช่วยเหลืออิมาม คือการออกไปต่อสู้กับเหล่าบรรดาศัตรู รวมไปถึงคอยปกป้องอิมามจวบจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทางรอดที่แท้จริงเป็นของกลุ่มที่สามเท่านั้น ในบทซิยาเราะฮ์ของอิมามฮุเซนเราจะเห็นว่าสองกลุ่มข้างต้นถูกประณามและสาปแช่ง "ขอพระองค์ทรงสาปแช่งประชาชาติได้ร่วมกันเข่นฆ่าท่าน ขอพระองค์ทรงสาปแช่งประชาชาติได้กดขี่ข่มเหงท่านและขอพระองค์ทรงสาปแช่งประชาชาติที่ได้ยินและรับรู้ในเรื่องราวแต่พึงพอใจในสิ่งที่เกิดขึ้น"

          หากจะมีตัวอย่างใดในประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นถึง ความรัก ความศรัทธา ที่บรรดาอุมมะฮ์ มีต่ออิมามของพวกเขา ขบวนการอาชูรอคือคำตอบนั้น  เป็นความรักของผู้ตามที่มาจากความศรัทธาอย่างแท้จริง  มิใช่แค่การคลั่งไคล้เพียงชั่วครู่ชั่วยาม  มิใช่แค่รักเพียงลมปากแต่มิได้ปฏิบัติตามอิมาม

พวกเขาเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่าการเชื่อฟังภักดีต่ออิมามฮุเซนคือทางรอด และทางรอดของประชาชาติคือการเชื่อฟังและภักดีอย่างแท้จริงต่ออิมาม อิมามคือเข็มทิศที่จะนำพาพวกเขาเข้าใกล้กับความผาสุกที่แท้จริง  การเดินทางตามแนวทางของอิมามทำให้พวกเขาไม่มีวันที่จะหลงทาง  และกาลเวลาที่ผ่านไปกว่าพันสามร้อยปีคือข้อพิสูจน์ เกียรติยศที่พวกเขาได้รับคือเกียรติยศที่แท้จริง คือเกียรติยศที่นิรันดร์ คือเกียรติยศที่ไม่มีผู้ใครพรากมันไปจากพวกเขาได้

     "ไม่มีอุมมะฮ์ใดที่จะประเสริฐเหมือนกับอุมมะฮ์อิสลามและไม่มีสาวกของใครที่ดีไปกว่าสาวกของอิมามฮุเซน"

มัจลิสค่ำคืนที่ 8 Ep.8 ปีฮ.ศ.1443
ฮูซัยนียะฮ์ซัยยิดุชชุฮาดาอ์

บรรยายโดย เชคกอซิม อัสการี