เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ คือแบบอย่างที่ดีงามสำหรับมนุษยชาติ ตอนที่สอง

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5


ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ คือ แบบอย่างที่ดีงามสำหรับมนุษยชาติ ตอนที่สอง


แบบอย่างในด้านความกล้าหาญของท่านหญิง


คุณลักษณะต่าง ๆ อันงดงามทางด้านจริยธรรมของท่านหญิงนั้นเป็นประเด็นที่ชัดเจนยิ่งสำหรับทุกคน ตัวอย่างเช่น ความกล้าหาญและความเด็ดเดี่ยวของท่านในการปกป้องท่านศาสดา(ซ็อลฯ)จากบรรดาผู้ตั้งภาคี(มุชริกีน)ชาวมักกะฮ์ และการไปยังสนามรบในสงครามอุฮุดเพื่อทำบาดแผลให้แก่ท่านศาสดามุฮัมมัด(ซ็อลฯ)

 


แบบอย่างในด้านการอิบาดะฮ์      


นับตั้งแต่ช่วงเวลาของการถือกำเนิด(วิลาดัต)ท่านได้ดำรงตนอยู่ในเส้นทางของการยอมตนเป็นบ่าวและการเคารพภักดี(อิบาดะฮ์)ต่อพระผู้เป็นเจ้าจวบจนลมหายใจสุดท้ายของท่าน ฮะดีษต่อไปนี้เป็นสักขีพยานได้อย่างชัดเจนในเรื่องนี้ :


ในเรื่องราวเกี่ยวกับการถือกำเนิดของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ อัซซะฮ์รอ(ซ.) การจุติของท่านหญิงในครรภ์มารดาอันเกิดจากผลไม้แห่งสวนสวรรค์ และการที่สี่สตรีผู้ยิ่งใหญ่ของโลก – อย่างเช่นท่านหญิงมัรยัม ท่านหญิงอาซิยะฮ์และท่านอื่น ๆ ...ได้มาในช่วงเวลาที่ท่านหญิงกำลังคลอด
ในหนังสือมุสนัดของท่านอะห์มัดอิบนิฮัมบัลได้บันทึกไว้ว่า :

 

فولدت فاطمة عليهاالسلام فوقعت حين وقعت على الارض ساجدة

 

 “ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ได้ถือกำเนิดขึ้นและ (ร่างของท่าน) ได้ตกลงสู่พื้นและในขณะที่ท่านหญิงได้สัมผัสกับพื้นนั้นท่านอยู่ในสภาพของผู้ซูญูด” (1)


 
ความรักนวลสงวนตัว(อิฟฟะฮ์)


สถานภาพแห่งความบริสุทธิ์และความรักนวลสงวนตัว(อิฟฟะฮ์)ของท่านหญิงนั้นอยู่ขั้นที่ว่าในหนังสือเล่มเดียวกันนั้นได้อ้างอิงรายงานอันน่าพิศวงจากอัซมาอ์ บินติอุมัยซ์เอาไว้ ดังต่อไปนี้ว่า :


วันหนึ่งท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ)ได้กล่าวต่อฉันว่า : ฉันรู้สึกไม่สบายใจจากการปฏิบัติของประชาชนชาวมะดีนะฮ์ต่อกรณีที่หลังจากการตายของสตรีของพวกเขาที่พวกเขาจะจะนำร่างของพวกเธอไปฝังในสภาพที่ไม่น่าดู โดยที่พวกเขาจะใช้ผ้าเพียงผืนเดียวห่อร่างของพวกนางซึ่งสัดส่วนจากเรือนร่างของพวกนางจะปรากฏให้เห็น


อัซมาอ์ได้กล่าวว่า : ข้าพเจ้าได้เคยเห็นสิ่งหนึ่งในดินแดนแห่งฮะบะชะฮ์(เอธิโอเปีย)ซึ่งพวกเขาจะใช้ในการแบกหามศพ ต่อจากนั้นอัซมาฮ์ได้นำเอากิ่งก้านต่างของต้นอินทผลัมมาทำเป็นรูปกล่องสี่เหลี่ยมโดยที่พวกเขาจะใช้ผ้าคลุมบนไม้เหล่านั้นอีกทีหนึ่ง และจะวางร่างของศพลงในนั้นโดยที่เรือนร่างของศพจะไม่ปรากฏ

 

เมื่อท่านหญิง ฟาฏิมะฮ์อัซซะรอ(ซ.)ได้แลเห็นสิ่งนั้น ท่านกล่าวว่า : ดีมากเลย (ดังนั้นเมื่อฉันจากโลกนี้ไปพวกท่านก็จงนำร่างฉันใส่สิ่งนี้แล้วนำไปฝังเถิด)


    
และในตอนท้ายของฮะดีษบทนี้ได้กล่าวว่า : เมื่อสายตาของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)ได้มองเห็นสิ่งนั้น ท่านได้ยิ้ม และนี่เป็นเพียงรอยยิ้มครั้งเดียวภายหลังจากการเสียชีวิต(วะฟาต)ของท่านศาสดามูฮัมมัด(ซ็อลฯ)


 
 การเสียสละและการพลีอุทิศตนในการต้อนรับแขกอาหรับ


 
การต้อนรับแขกสำหรับผู้เป็นสามีนั้นขึ้นอยู่กับความเสียสละและการให้บริการของภรรยาของเขา ถ้าหากจะพูดว่าท่านอะมีรุลมุอ๋มินีนอะลี อิบนิอะบีฏอลิบ(อ.)เป็นผู้ที่ต้อนรับและมีอัธยาศัยที่ดีต่อแขก และจะมีความรู้สึกเหงาหง่อยเศร้าใจจากการที่ไม่มีแขกมาเยือนหรือให้บริการที่ไม่ประทับใจต่อแขกแล้ว เหตุผลประการหนึ่งก็เนื่องมาจากว่าความมั่นใจของท่านต่อความพร้อมและการให้การต้อนรับแขกของท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ ในริวายะฮ์(คำรายงาน)บทหนึ่งได้กล่าวว่า :


 
رئى اميرالمؤمنين عليه‏السلام حزينا فقيل له: مم حزنك؟ قال: لسبع اتت لم يضف الينا
 

 

“ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน (อ.)ถูกพบเห็นอยู่ในสภาพที่เศร้าสร้อย มีผู้ถามท่านว่า : ทำไมท่านถึงดูเศร้าสร้อยเช่นนี้? ท่านตอบว่า : เนื่องจากเวลาได้ผ่านมาเจ็ดวันแล้วโดยที่ไม่มีแขกมาเยือนเราเลย” (2)


      
วันหนึ่งมีชาวอาหรับชนบทผู้ยากจนคนหนึ่งได้มาพบท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ซ็อลฯ)ในสภาพที่ทุกข์ทรมานจากความหิว เขาได้ร้องทุกข์โอดครวญต่อท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์(ซ็อลฯ)เกี่ยวกับความหิวของตน ท่านศาสดา(ซ็อลฯ)ได้ส่งคนไปดูตามบ้านภรรยาทั้งหลายของท่านเพื่อให้พวกนางจัดเตรียมอาหารเลี้ยงแขก  แต่ทุกคนกล่าวเหมือนกันว่า : เราไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากน้ำ ท่านศาสดาจึงได้ปฏิบัติเช่นเคยตามปกติโดยขอความช่วยเหลือจากมุสลิมคนอื่น ๆ ว่าใครที่จะรับเอาบุรุษผู้หิวโหยคนนี้เป็นแขกของตน และก็เป็นเหมือนเช่นเคยที่ท่านอะลี(อ.)ได้ตอบรับสิ่งนั้น และได้พาชาวอาหรับผู้นั้นไปยังบ้านของตน และขอให้ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)ช่วยจัดการในเรื่องนี้ ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์อัซซะฮ์รอ(อ.)กล่าวว่า :


 
ما عندنا إلا قوت الصبية ولكنا نؤثر به ضيفنا
 

 

 “เราไม่มีอาหารอะไรมากนอกจากปริมาณอาหารของเด็กคนหนึ่ง แต่เราก็พร้อมที่จะเสียสละให้สิ่งนั้นแก่แขกของเรา (และเรายอมที่ตนเองจะอยู่ในความหิว)”


 
ท่านอิมามอะลี(อ.)จึงกล่าวกับท่านหญิงว่า :

 


نومي الصبية وأنا أطفئ للضيف السراج
 

 

“เธอจงทำให้เด็ก ๆ หลับ ส่วนฉันจะดับไฟรับรองแขก”


 
ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(ซ.)ได้ปฏิบัติตามที่ท่านอะมีรุลมุอ์มินีน(อ.)ต้องการ คือทำ(วิธีใดก็ได้)ให้ลูก ๆ ของตนหลับโดยไม่ต้องรับประทานอาหาร  และตนเองก็จะต้องอยู่ในสภาพของผู้ที่มีความหิวเช่นกัน และ(เพื่ออำพรางมิให้แขกได้ล่วงรู้ถึงสิ่งนั้น)ท่านได้ดับไฟในบ้าน และรับรองแขกในความมืดของกลางคืนและทำให้เขารับประทานอาหารจนอิ่ม ในขณะเดียวกันก็แสดงตนประหนึ่งว่าร่วมรับประทานอาหารกับแขกด้วยเพื่อไม่ให้แขกรู้สึกไม่สบายใจ


ช่วงเวลาค่ำคืนได้ผ่านไปและช่วงเวลาเช้าตรู่ท่านได้ยังมัสยิดและได้พบกับท่านศาสดา(ซ็อลฯ) ท่านศาสดาเมื่อได้มองเห็นท่านอะลี(อ.)ท่านก็ร้องไห้ และกล่าวว่า : เมื่อคืนมวลมะลาอิกะฮ์ของพระผู้เป็นเจ้าต่างพิศวงต่อการรับรองแขกของพวกเจ้า และในเหตุการณ์นี้อายะฮ์ที่ 9 ของซูเราะฮ์อัลฮัชร์ ก็ได้ถูกประทานลงมาเกี่ยวกับพวกเจ้าว่า:


 
و يؤثرون على انفسهم و لو كان بهم خصاصة
 

 

“และพวกเขาได้เสียสละให้แก่ผู้อื่นก่อนตัวเอง ถึงแม้พวกเขาจะมีความต้องการสักปานใดก็ตาม” (3)

 


ประเด็นดังกล่าวนี้เป็นเครื่องบ่งชี้ให้เห็นว่า ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์(อ.) เป็นผู้ที่มีความเสียสละเพียงใดและมีส่วนสำคัญเพียงใดในการส่งเสริมจิตวิญญาณแห่งการเสียสละให้แก่สามีและลูก ๆ ของท่าน

 


เชิงอรรถ

 


(1)- ซะคออิรุลอุกบา, หน้าที่ 44


(2)-บิฮารุลอันวาร, เล่มที่ 41, หน้าที่ 28


(3)-บิฮารุลอันวาร, เล่มที่ 41, หน้าที่ 28 และ หน้าที 34, และเล่มที่ 36

 

ขอขอบคุณ เว็บไซต์ซอฮิบซะมาน

 

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม