อธิบายสถานภาพศาสดาอิสลาม ในซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 45 ตอนที่ 2

อธิบายสถานภาพศาสดาอิสลาม ในซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 45 ตอนที่ 2

 


������ บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
___________________

������[เนื้อหาต่อจากตอนที่ 1]

จากซูเราะฮฺอัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 45 อัลลอฮฺ (ซ.บ) ตรัสว่า
——————
‎يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ إِنَّا أَرْسَلْنَاكَ شَاهِدًا وَمُبَشِّرًا وَنَذِيرًا
โอ้ นะบีเอ๋ย! แท้จริง เราได้ส่งเจ้ามาเพื่อให้เป็นพยาน และผู้แจ้งข่าวดี และผู้ตักเตือน

——————

������ คำที่สาม คำว่า “وَنَذِيرًا” และผู้ตักเตือน

••• อย่างไรก็ดี [ก่อนหน้านี้ ที่ได้อธิบายถึง] การแจ้งข่าวดีกับมนุษย์เกี่ยวกับเรื่องสวรรค์นั้น เป็นเพียงแค่เบื้องต้นเท่านั้น เพราะความจริงแล้ว ท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) มีข่าวดีมากกว่านี้อีก แต่เหตุผลที่ท่านเก็บเอาไว้ ซึ่งข่าวดี “مُبَشِّرًا” (มุบัชชิรัน) หรือการจะแจ้งข่าวดีว่าหมายถึงเรื่องอะไรบ้างที่ถือว่าดีที่สุดนั้น ก็จะมีรายละเอียดที่ทุกคนต้องค้นคว้าขึ้นไปอีก ตามที่อัลกรุอ่านบอกไว้

‎يَا أَيُّهَا النَّبِيُّ إِنَّا أَرْسَلْنَاكَ شَاهِدًا وَمُبَشِّرًا وَنَذِيرًا
และเป็นผู้ที่ตักเตือน เป็นผู้ที่เตือนภัยให้กับมนุษย์

อาทิ อย่าไปทางนี้ อย่าเดินทางนี้ เพราะทางนี้อันตราย มีนรกตลอดกาลรออยู่ และในนรกนั้นมีความทุกข์ที่ไม่มีความสุขใดๆเลย ตัวอย่างเช่น ถ้าเรากระหายน้ำในนรก สิ่งที่เราจะได้รับคือ ความกระหายเพิ่ม
ดังนั้น “ในนรก” สิ่งที่ต้องตระหนัก ตรงนี้ให้ทุกคนลองจินตนาการกันเอาเองว่า หากเรากระหายน้ำในนรก เมื่ออัลลอฮ์(ซบ)บอกไม่มีน้ำเย็นให้เราได้ดื่มกิน เราจะทุกข์ขนาดไหน

������ซูเราะฮ์วากีอะฮ์ โองการที่ 44
‎لَّا بَارِدٍ وَلَا كَرِيمٍ

ความว่า ไม่ร่มเย็น และไม่เป็นที่น่าชื่มชม
คำอธิบาย : ไม่มีน้ำให้ดื่มกิน ไม่มีความเมตตาใดๆจากพระองค์ แน่นอน เมื่อเราจินตนาการ เราจะเห็นสภาวะ การอยู่ในสถานที่ที่ไม่มีความเมตตาใดๆจากพระองค์ มีแต่ความทุกข์ไม่มีสุขใดๆเหลืออยู่เลย ก็คือ การอยู่ในนรกในโลกหน้า

ดังนั้น ในดุนยานี้ ไม่มีใครที่ดำเนินชีวิตที่มีแต่ทุกข์ ไม่มีสุข ชัดแจ้งว่าไม่มีในโลกนี้ ไม่ต้องทำตัวน่าสงสาร บางคนทำตัวลำบาก และทุกข์มากจนเกินไป
นี่คือ ส่วนหนึ่งของความหมาย คำที่สาม คือ “نَذِيرًا” (นะซีร)

และในซูเราะฮ์อัลอะฮฺซาบ มีโองการหนึ่ง กล่าวถึงกลุ่มคนที่มีอิหม่านอ่อนแอ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นมูนาฟิก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในขณะที่นบีมูฮัมหมัด (ศ็อลฯ) ประกาศสงครามในห้วงหน้าร้อน ที่พวกเขาไม่ออกสงคราม โดยตอบด้วยเหตุผลที่ว่า เพราะในแผ่นดินทะเลทรายตอนนั้นร้อน

เมื่อนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) ถามว่า ทำไมพวกเจ้าไม่ออกไปทำสงคราม ในเมื่อมีคำสั่งให้ออกไปทำการญิฮาด
พวกเขาตอบว่า เรื่องอะไรเราจะพุ่งตัวเองไปหาความร้อน ยารอซูลลุลลอฮ์ เราทนไม่ไหวหรอก เพราะมันร้อน

เมื่อนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)ได้ยินเช่นนั้น อัลลอฮ์(ซบ) จึงตรัสลงมาผ่านนบี(ศ็อลฯ)ทันที

������ซูเราะฮฺอัตเตาบะฮ์ โองการที่ 81
‎قُلْ نَارُ جَهَنَّمَ أَشَدُّ حَرًّا ۚ لَّوْ كَانُوا يَفْقَهُونَ
“ จงกล่าวเถิด(มุฮัมหมัด) บอกกับพวกเขาว่า ไนรกญะฮัมนัมนั้นร้อนแรงยิ่งกว่า หากพวกเขาเข้าใจ”

คำอธิบาย : อัลลอฮ(ซบ) ให้บอกพวกเขาว่า สถานที่ที่ร้อนกว่านี้ยังมีอีก และเป็นสถานที่ที่พวกเจ้าจะได้เจอความร้อนที่ยิ่งกว่า หากพวกเจ้าไม่ได้ออกสงครามในครั้งนี้

กรุอ่านบอกชัดว่า ‘นรกญะฮันนัม’ นั้นร้อนกว่านี้อีก ดังนั้น หากกลัวความร้อนที่โน่นก็จงออกไปหาความร้อนในทะเลทรายแห่งนี้ ตามที่อัลลอฮ์(ซบ)สั่ง
“ในเมื่อพวกเจ้ากลัวความร้อน เช่นนี้แล้ว ก็จงออกไปสู่ความร้อนในโลกนี้ เพื่อเจ้าจะได้ไม่ต้องไปสู่ความร้อนที่ร้อนกว่าในโลกหน้า”

➡️ เพื่อชี้ว่า คำว่า “أشد حرا” (อะชัด ดุวฮัรรอ) คือ ความหมายที่ซูเราะฮ์อัลอะฮฺซาบได้กล่าวไว้ และอีกมากมายนานับประการ ที่นบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) เตือนมนุษย์ให้รู้

ดังนั้น อะไรที่มนุษย์กลัว ซึ่งหากจะตัฟซีร เช่น การกลัวงู แมงป่อง สมมุติ ขณะที่เรากำลังนอนหลับ จู่ๆ มีงูตัวหนึ่ง ได้เลื้อยขึ้นมาบนเตียง บริบทนี้ ลองจินตนาการดู หากเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับเรา จะเป็นอย่างไร แน่นอนทุกคนกลัวงู แต่ที่สิ่งน่ากลัวกว่า คือ ในกุโบร กำลังรอเราอยู่เต็มไปหมด

เพราะแท้จริงแล้วในหลุมฝังศพมีทุกชนิด มีทั้งงู แมงป่อง และอสรพิษต่างๆมากมายที่เราจินตนาการไม่ถึง เหล่านี้จะนอนคู่กับเราในหลุมฝังศพ

แน่นอนในหลุมฝังศพไม่มีใครอยากจะเจอบรรดาอสรพิษต่างๆเหล่านี้ เช่นนี้แล้ว ถ้าไม่อยากเจออสรพิษเหล่านี้ พึงสังวรณ์เลยว่า จงอย่าทำสิ่งใดในโลกนี้ ที่เมื่อเราถูกฝังแล้ว จะได้ไม่ต้องมีบรรดาอสรพิษเหล่านี้มานอนเป็นเพื่อนกับเรา จนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
ทว่ากรณี หากการกระทำของเรา ทำให้อสรพิษเหล่านี้มานอนกับเราด้วยแล้ว พึงตระหนักไว้เลยว่า บรรดาอสรพิษเหล่านั้น มันไม่ได้มานอนเฉยๆ แต่มันจะฉกเช้าฉกเย็น กัดเช้ากัดเย็น รวมทั้งรัดตัว เสมือนงูเหลือมรัดตัว จนเรารวยริน อยู่ในสภาพเกือบตาย มันก็จะปล่อย จากนั้นมันก็รอให้เราแข็งแรงขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง แล้วมันก็กลับมาปฏิบัติการใหม่ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนถึงวันแห่งการฟื้นคืนชีพ

������ดังนั้น ด้วยกับความน่าสะพรึงกลัวเหล่านี้ ท่านรอซูลุลลอฮ์(ศ็อลฯ) จึงถูกส่งลงมาบอกว่า อย่าทำอย่างนี้ อย่านินทาคน อย่าให้ร้ายคน อย่าตักกะโบร อย่างจองหอง อย่าลำพอง อย่าอะไรต่อมิอะไร
เราต้องศึกษาเรื่องผลของอามั้ล อินชาอัลลอฮฺ ผลของอามั้ลต่างๆที่มนุษย์ทำนั้น เบื้องต้น นบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) มาเพื่อการนี้ นั่นก็คือ
‎“وَمُبَشِّرًا وَنَذِيرًا ”
(เป็นผู้แจ้งข่าวดี และผู้ตักเตือน)
นี่คือข่าวดีประการแรก •••