อธิบายสถานภาพศาสดาอิสลาม ในซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 47

อธิบายสถานภาพศาสดาอิสลาม ในซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ โองการที่ 47

 

 บางส่วนจากการบรรยายโดย ฮุจญตุลอิสลามฯ ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
___________________
 [เนื้อหาต่อจากโองการที่ 46]

 ที่นี้เรามาดูรายละเอียดพอสังเขปว่า ทำไมอัลลอฮ(ซบ) จึงแจ้งข่าวดีครั้งที่สอง ที่ว่า เป็นข่าวดีจริงๆสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา

ซูเราะฮฺอัลอัฮซาบ โองการที่ 47:
‎وَبَشِّرِ الْمُؤْمِنِينَ بِأَنَّ لَهُم مِّنَ اللَّهِ فَضْلًا كَبِيرًا
และจงแจ้งข่าวดีแก่บรรดาผู้ศรัทธาว่า แท้จริง สำหรับพวกเขาจะได้รับความโปรดปรานอันใหญ่หลวงจากอัลลอฮฺ

คำอธิบาย : อัลลอฮ(ซ.บ) ตรัสว่า “بِأَنَّ لَهُم مِّنَ اللَّهِ فَضْلًا كَبِيرًا”
การแจ้งข่าวดีนี้ เพราะสิ่งที่เขาได้มาจากอัลลอฮ (ซบ)นั้นเป็น “فَضْلًا كَبِيرًا” (ฟัฎลัน กะบิรอ)

คำว่า “فَضْلًا” (ฟัฎลฺ) มาจากคำว่า ฟาฎีลัต หมายถึงความโปรดปรานพิเศษ ที่เหนือกว่าความโปรดปรานทั่วไป

 เมื่อคำว่า “ฟัฎลฺ” คือ ความโปรดปรานพิเศษที่เหนือกว่าความโปรดปรานทั่วไป เช่นนี้แล้ว ในการทำความเข้าใจความโปรดปรานอันนี้ อัลกรุอานได้บรรยายให้เห็นภาพ ในเรื่องราวของท่านนบีสุไลมาน(อ) จากซูเราะฮฺตุลนัมลฺ (ซูเราะห์มด) ดังนี้

๑. ท่านนบีสุไลมาน(อ) คือ จักรพรรดิ และท่านไม่ได้เป็นจักรพรรดิที่ครองอาณาจักรเพียงอาณาจักรเดียว
๒. ท่านนบีสุไลมาน(อ) คือ ผู้มีอำนาจปกครองทั้งอาณาจักรแห่งญินและอาณาจักรมนุษย์

 ดังนั้น หากเข้าใจ คำว่า “فَضْلًا كَبِيرًا” (ฟัฎลัน กะบิรอ) ที่กำลังจะอรรถาธิบาย เมื่อเปรียบเทียบกับท่านนบีมูฮำหมัด(ศ) ของเรานั้น เป้าหมายเพื่อจะชี้ว่า เมื่อได้เห็นข้อเปรียบเทียบแล้ว อย่างน้อยเราสามารถทำความเข้าใจถึงความโปรดปรานพิเศษที่เอกองค์อัลลอฮ(ซบ)มอบให้นบีของเราได้ขึ้นมาบ้าง แม้จะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่ความจริงความโปรดปรานและความประเสริฐที่พิเศษนั้น มีมากมายเหลือคณานับ

 ความยิ่งใหญ่ในอาณาจักรของนบีสุไลมาน(อ)

นบีสุไลมาน(อ) คือ ผู้มีอำนาจปกครอง ‘ญิน’
นบีสุไลมาน(อ) ขณะปกครองอาณาจักรทั้งญินและมนุษย์ ท่านได้เอาญินมาเป็นกรรมกรด้วย อัลลอฮ(ซบ) ได้มอบความโปรดปรานพิเศษให้นบีสุไลมาน(อ) เอาญินมาเป็นกรรมกร เพื่อสร้าง “บัยตุ้ลมุก็อดดัส” สร้างมัสยิดอัลอักศอ

นบีสุไลมาน(อ) พูดได้ทั้งภาษามนุษย์และภาษาสรรพสัตว์ความจริงแล้ว หากจะกล่าวให้เป็นทางการ แท้จริงทุกนบีพูดได้ทุกภาษา แต่สำหรับท่านนบีสุไลมาน(อ) เพียงท่านเดียวที่อัลลอฮ(ซบ) ทรงอนุมัติเป็นกรณีพิเศษ ให้เปิดเผยให้มนุษย์รู้ว่า ท่านสามารถสนทนาทุกภาษา ทั้งภาษาของมนุษย์และภาษาของสรรพสัตว์

นบีสุไลมาน(อ)กับ พาหนะ ‘พรมวิเศษ’
อีกหนึ่งความโปรดปรานที่พิเศษเหนือกว่าความโปรดปรานทั่วไป คือ ท่านนบีสุไลมาน(อ) เดินทางด้วยพรมที่เหาะได้ ซึ่งในยุคของท่าน ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อท่านจะไปไหนมาไหน ท่านก็จะเดินขึ้นบนพรมในการท่องอาณาจักร ดั่งตอนหนึ่ง ท่านเดินทางจากปาเลสไตน์ สู่ปลายทางอินเดีย

ในวันนั้น ขณะที่ท่านอยู่ ณ ปาเลสไตน์ มีเหตุที่ต้องไปอินเดียอย่างกระทันหัน แต่เมื่อท่านก้าวขึ้นบนพรมเพียงกระพริบตาเดียว ท่านก็ถึงอินเดียแล้ว
การเดินทางไปอินเดียในครั้งนั้น เป็นเรื่องเล่าขำๆ แต่เป็นเรื่องจริงเกี่ยวกับสาวกของท่านนบีสุไลมาน(อ)คนหนึ่ง เขามีอาการโศกเศร้า หน้าตาลุกลี้ลุกลน กระสับกระส่ายเดินไปเดินมาตลอดเวลา ครั้นเมื่อเขาเจอกับท่านนบีสุไลมาน(อ) สาวกของท่านนบี จึงอ้อนวอนโดยบอกว่า…

“มลาอิกัตแห่งความตาย (มะลิกิลเมาตฺ)มาแล้ว ฉันยังไม่อยากตายวันนี้… ยารอซูลุลลอฮ โอ้ !!! รอซูลของอัลลอฮฺ โอ้ !!! นบียุลลอฮ ช่วยพาฉันหนีที! ช่วยพาฉันหนีด้วยเถิด ฉันยังไม่อยากตายในวันนี้ จะทำอย่างไรดี ‘มะลิกิลเมาตฺ’ มารอรับฉันแล้ว”

ท่านนบีสุไลมาน(อ)เห็นดังนั้น จึงยิ้ม แล้วพูดว่า จะให้ฉันพาหนีจริงหรือ !!!

สาวกคนนั้น ทั้งขอร้องและอ้อนวอน เมื่อนบีเห็นเช่นนั้น จึงเรียกพรมมา สักพักเมื่อพรมมาจอด สาวกก็ขึ้นไปบนพรม บอก​นบีว่า พาฉันไปอินเดียเลย เพียงพริบตา พรมก็เคลื่อนจากปาเลสไตน์ไปถึงอินเดีย แต่เมื่อถึงอินเดีย เมื่อสาวกคนนี้ลงจากพรม เขาก็ตายทันที
และ ที่อินเดีย ในวันนั้น นบีสุไลมาน(อ) ก็พบเจอมะลิกิลเมาตฺ เช่นกัน นบีอุทานว่า…

“อ้าว!!! มะลิกิลเมาตฺ ทำไมเจ้ามาเร็วเช่นนี้”
มะลิกิลเมาตฺ ตอบว่า ถึงท่านไม่มาช่วย เราก็ต้องมา เพราะอัลลอฮ (ซบ) กำหนดแล้วว่า ให้เอาชีวิตเขาที่อินเดีย

ดังนั้น ขณะที่เขาอยู่ที่ปาเลสไตน์ ตรงนี้ต้องทำความเข้าใจให้ดี บางครั้งเราขอดุอาอฺไป เรามิอาจรู้ได้ว่า ดุอาอฺจะได้ตามคำขอหรือไม่ แล้วถ้าได้ตามคำขอแล้ว ลองคิดดูอะไรจะเกิดขึ้น

ฉะนั้น ด้วยกับอุทาหรณ์ของสาวกนบีคนนี้ เห็นได้ว่า อัลลอฮ(ซบ) ทรงกำหนดให้ ‘มะลิกิลเมาตฺ’ มาเอาชีวิตเขาที่อินเดีย ทั้งๆที่ ณ ตอนนั้นเขาอยู่ที่ปาเลสไตน์ แต่เขาเองที่บอกนบีว่า ช่วยพาเขาไปอินเดีย แต่เมื่อไปถึงอินเดียในกระพริบตา เขาก็ถูก ‘มะลิกิลเมาตฺ’ มาเอาชีวิตเขา

สิ่งที่ต้องพิจารณา คือ เขาเองต่างหาก ที่อยู่ดีๆก็ขอร้องให้ท่านนบีเอาพรมมาช่วยพาเขาไป ตรงนี้บ่งชี้ว่า บางครั้งการขอดุอาอฺ ใช่ว่าที่เราขอแล้วอัลลอฮ(ซบ)ไม่ให้ แต่ทั้งนี้เพื่อทำความเข้าใจว่า เวลาที่เราขอไปอินเดียหรือที่ไหนสักที่ บางครั้ง อัลลอฮ(ซบ)ไม่ทรงอนุมัติให้ไปก็มี เพราะบางสิ่งบางอย่างมนุษย์ไม่รู้ เนื่องจากมีหลายแง่มุม ที่เป็นเหตุเป็นผลว่า ไม่มีใครหนีความตายพ้น

เฉกเช่นเดียวกัน หากวันนี้อัลลอฮ(ซบ)บอกว่า เราต้องตายในอเมริกา ถึงแม้ว่าตอนนี้เราอยู่ในประเทศไทย เราก็จะมีเหตุให้ต้องไปตายที่อเมริกาในวันนี้แน่นอน

ทีนี้ กลับมาดูความยิ่งใหญ่เกี่ยวกับอาณาจักรของท่านนบีสุไลมาน(อ) ความจริง มีมากมายมากกว่านี้ เช่น การเหาะเหินเดินอากาศ การควบคุมมนต์ดำ การปกครองมนุษย์ ญิน สัตว์ นก ลม และอีกมากมาย ซึ่งหากจะให้เข้าใจง่าย ดั่งที่อัลลอฮฺ(ซบ) ตรัสในพระมหาคัมภีร์อัลกรุอ่านดังนี้

ซูเราะฮฺนัมลฺ โองการที่ 40
——————
‎قَالَ الَّذِي عِندَهُ عِلْمٌ مِّنَ الْكِتَابِ أَنَا آتِيكَ بِهِ قَبْلَ أَن يَرْتَدَّ إِلَيْكَ طَرْفُكَ ۚ فَلَمَّا رَآهُ مُسْتَقِرًّا عِندَهُ قَالَ هَٰذَا مِن فَضْلِ رَبِّي لِيَبْلُوَنِي أَأَشْكُرُ أَمْ أَكْفُرُ ۖ وَمَن شَكَرَ فَإِنَّمَا يَشْكُرُ لِنَفْسِهِ ۖ وَمَن كَفَرَ فَإِنَّ رَبِّي غَنِيٌّ كَرِيمٌ
ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องคัมภีร์ กล่าวว่า “ฉันจะนำมันมาเสนอท่านชั่วพริบตาเดียว” เมื่อเขา (สุลัยมาน) เห็นมันวางมั่นคงอยู่ต่อหน้าเขา เขากล่าวว่า “นี่เนื่องจากความโปรดปรานของพระเจ้าของฉัน เพื่อพระองค์จะได้ทรงทดสอบฉันว่า ฉันกตัญญูหรือเนรคุณ และผู้ใดกตัญญู แท้จริงเขาก็กตัญญูต่อตัวเขาเอง และผู้ใดเนรคุณ แท้จริงพระเจ้าของฉันนั้นเป็นผู้ทรงมั่งมี ผู้ทรงเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ยิ่ง”

 จากโองการดังกล่าว นบีสุไลมาน(อ)สรุปว่า
‎ “هَٰذَا مِن فَضْلِ رَبِّي” (ฮาซา มิน ฟัฎลินร็อบบี) เนื่องจากความโปรดปรานของพระเจ้าของฉัน.. เกี่ยวกับความโปรดปรานนี้พึงตั้งใจศึกษาให้ดี วันนี้เราจะเน้นวิชาการสักเล็กน้อย ดังนี้แล้ว ทุกคนต้องจับทุกคำ รวมทั้งต้องจดจำทุกคำ คำไหนมี คำไหนไม่มี คำไหนใส่ คำไหนไม่ใส่ แต่ทั้งหมดที่เราเล่านี้ เพียงแค่เสี้ยวหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ได้เล่าเรื่องญินที่ชื่อ “อิฟริด” เสนอตัวไปเอาบัลลังก์ของพระนางบิลกิส โดย “อิฟรีด” ได้กล่าวกับนบีสุไลมาน(อ)ว่า…

“ฉันจะนำมันมาเสนอท่าน ก่อนที่ท่านจะลุกขึ้นจากที่นั่งของท่าน และแท้จริงฉันเป็นผู้มีพลังและไว้วางใจได้ในเรื่องนี้”

หลังจากที่ ญิน ชื่อ ‘อิฟริด’ กล่าวเสนอว่า จะไปเอาบัลลังค์ให้นบี แต่ก็ยังช้ากว่ามนุษย์ เพราะมีมนุษย์ท่านหนึ่ง นอกจากท่านเป็นผู้มีความรุ้แล้ว ท่านยังเป็นวะศีย์ของท่านนบีสุไลมาน(อ)ด้วย ท่านชื่อว่า “อาศีฟ บิน บัรคียา” ที่เพียงชั่วพริบตาเดียว ท่านได้นำบังลังค์มาวางไว้ตรงหน้านบีสุไลมาน(อ)เป็นเรียบร้อยแล้ว
ทว่าความยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่ท่านนบีสุไลมาน (อ.)มีนั้น ท่านนบีสุไลมานบอกว่า….

‎“هَٰذَا مِن فَضْلِ رَبِّي”
ทั้งหมดนี้ มาจาก “فضل” (ฟัฎลฺ)ความประเสริฐ ความโปรดปรานพิเศษที่พระผู้อภิบาลทรงมอบให้กับฉัน

 ในคัมภีร์อัลกรุอ่านบอกชัดแจ้งว่า ความโปรดปรานดังกล่าวนี้ อัลลอฮฺ(ซบ) มอบให้นบีสุไลมาน(อ) แต่ความโปรดปรานสำหรับนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ) อัลลอฮ (ซบ)บอกกับมุอฺมินว่า…
‎“وَبَشِّرِ الْمُؤْمِنِينَ” จงแจ้งข่าวดีกับมุอฺมิน

เหตุผลที่ต้องแจ้งข่าวดีแก่บรรดามุมิน(ผู้ศรัทธา)อีกครั้งหนึ่ง “بِأَنَّ لَهُم مِّنَ اللَّهِ” โดยเฉพาะมุอฺมินนั้น เป็นเพราะแท้จริงสำหรับพวกเขา คือ การมอบนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)ให้กับพวกเขาและอื่นๆด้วย

‎“فَضْلًا كَبِيرًا”
การมาของท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)ยังพวกเขา (ยังมุมินีน) เป็น “ฟัฎลัน กะบีรอ” คือ การได้รับความโปรดปรานอันใหญ่หลวงจากอัลลอฮฺ

 ดังนั้น เมื่อเราพิจารณา แม้นว่า ท่านนบีสุไลมาน(อ) มี”فضل” (ฟัฎลฺ)ทั้งหมด ทั้งที่เรารู้และทั้งที่เราไม่รู้ แต่ท่านนบีนสุไลมาน (อ)เอง ก็ยังไม่กล้ากล่าว คำว่า “فَضْلًا كَبِيرًا”

 ดังกล่าวนี้ ต้องการชี้ว่า นี่เป็นเพียง ‘ฟัฎลฺ’ บางส่วน จากอัลลอฮ (ซบ) ที่มอบให้ท่านนบีสุไลมาน(อ)แต่ ‘ฟัฎลฺ’ ที่มีความยิ่งใหญ่เหนือขึ้นไปอีกนั้น พระองค์ทรงมอบให้ท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)

สำหรับมุอฺมิน(ผู้ศรัทธา) อัลลอฮฺ(ซบ) ประทาน “فَضْلًا كَبِيرًا” แท้จริงแล้ว พระองค์ประทานนบีองค์นี้ให้กับเจ้าเป็นที่ประจักษ์ชัด ท่านผู้ซึ่งเป็นนบี เป็นศาสนทูตของอัลลอฮบนหน้าแผ่นดินนี้ ท่านมาแจ้งข่าวดี มาเชิญชวนมวลมนุษย์สู่ศาสนาอิสลาม มาพร้อมกับคำภีร์อัลกุรอ่าน และเป็นนบีที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกๆนบี เพราะท่านเป็น “فَضْلًا كَبِيرًا” ณ ตรงนี้ จะยังไม่พูดในเชิงตัฟซีร เพราะมีรายละเอียดลึกซึ้งมาก คงจะอรรถาธิบายไม่ได้ทั้งหมด

ในการจะเปรียบเทียบให้เห็น “ฟัฎลฺ” จากอัลลอฮฺ(ซบ) กรณีของนบีสุไลนมาน(อ) ที่เราเห็นทั้งหมดนั้น ถือว่ายังเป็น “ฟัฎลฺ” ธรรมดา แต่สำหรับเรานั้น ฟัฎลฺ นี้ย่อมไม่ธรรมดาแน่นอน เมื่อเทียบกับท่านนบีมูฮัมหมัด(ศ็อลฯ)ของเรา อัลลอฮ (ซ.บ) ตรัสว่า ที่มอบให้กับพวกเจ้านั้น เป็น “فَضْلًا كَبِيرًا” เป็นฟาฎิลัตที่ยิ่งใหญ่ เป็น “ฟัฎลฺ” ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่พระองค์มอบ “มัคลูค” นี้ ให้กับบรรดาผู้ศรัทธา
ดังนั้น อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ตรัสว่า ไม่ว่าเราจะเรียก “มัคลูค” นี้อย่างไร แต่เป้าหมายเพื่อจะบอกให้พวกเจ้ารู้ว่า มัคลูคนี้ยิ่งใหญ่สูงส่งเป็นอย่างมาก•••

‎الّلهُمَّ صَلِّ عَلَی مُحَمَّدٍ وَ آلِ مُحَمَّدٍ و عَجّل فَرَجَهم