อายะฮ์ว่าด้วยความสมบูรณ์ของศาสนา[آية اِكْمَالِ الدِّينِ]ถูกประทานลงมาในเรื่องอำนาจวิลายะฮ์ของอิมามอะลี อ.

โดย เอกภาพ

อัลลอฮ์ทรงตรัสไว้ในพระมหาคัมภีร์อัลกุรอ่านว่า :

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الْإِسْلَامَ دِينًا

[5:3]วันนี้ฉันได้ให้ความสมบูรณ์แก่ศาสนาของพวกสูเจ้าแก่พวกสูเจ้าแล้ว และฉันได้ให้ความสมบูรณ์แก่ความโปรดปรานของฉันแก่พวกสูเจ้าแล้ว และฉันยินดีต่อพวกสูเจ้าที่ได้อิสลามเป็นศาสนา

ชาวชีอะฮ์ต่างมีความเห็นตรงกันว่าโองการนี้ถูกประทานที่ “เฆาะดีรคุม” หลังจากที่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ แต่งตั้งท่านอะลี อ. ให้เป็นค่อลีฟะฮฺของบรรดามุสลิม และนี่คือรายงานจากบรรดาอิมาม ผู้สืบเชื้อสายอันบริสุทธิ์ ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงจัดให้เรื่องตำแหน่งอิมามเป็นส่วนหนึ่งของอุศูลุดดีน

ท่านได้จัดประชุมคนทั้งหลายให้อยู่ในพื้นที่เดียวกันในสถานที่นั้น นั่นคือ ที่เฆาะดีรคุม แล้วท่านได้กล่าวคุฏเบาะฮฺกับคนเหล่านั้นเป็นเวลานาน และให้พวกเขาปฏิญาณตนด้วยตัวของพวกเขาเอง กล่าวคือ พวกเขาปฏิญาณตนว่า ท่านนบี(ศ)นั้นมีอำนาจต่อตัวของพวกเขา ยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเอง

แล้วจากนั้นท่าน ศ. ก็ได้ยกมือของอะลี บินอะบีฏอลิบ อ. ขึ้นแล้วกล่าวว่า

“ผู้ใดก็ตามที่ฉันเป็นเมาลาของเขา ดังนั้น อะลีผู้นี้ก็เป็นเมาลาของเขาด้วย ข้าแต่อัลลอฮฺ ขอได้โปรดคุ้มครองผู้ที่จงรักภักดีต่อเขา และโปรดเป็นศัตรู ต่อผู้เป็นศัตรูของเขา และโปรดช่วยคนของเขา และบั่นทอนคนที่บั่นทอนเขา และโปรดให้ความถูกต้องอยู่กับเขาไม่ว่าเขาจะอยู่อย่างไร”

หลังจากนั้นท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. ก็เอาผ้าโพกศีรษะพันที่ศีรษะของอะลี อ. และสั่งสาวกให้แสดงความยินดีต่อตำแหน่งผู้นำของบรรดาผู้ศรัทธา ซึ่งพวกเขาก็ได้กระทำตาม โดยมี อะบูบักรฺ และอุมัรเป็นคนเริ่มต้นนำ เขาทั้งสองกล่าวว่า

“ บัคคิน..บัคคิน ละกะ เราขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยโอ้บุตรของอบีฏอลิบ ทั้งยามเช้าและยามเย็น ที่ท่านได้เป็นเมาลาของปวงผู้ศรัทธาทั้งชายหญิง”

หลังจากเสร็จพิธีแล้ว อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ลงโองการแก่พวกเขาว่า

“วันนี้ ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกสูเจ้าเป็นที่สมบูรณ์สำหรับพวกสูเจ้าแล้ว และฉันได้ให้ความโปรดปรานของฉันสมบูรณ์สำหรับพวกสูเจ้าแล้ว และฉันปิติยินดีต่อพวกสูเจ้าที่ได้อิสลามเป็นศาสนา”

แม้กระทั่งส่วนมากในหมู่นักปราชญ์ชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์เอง ก็ยังได้รายงานว่าโองการนี้ถูกประทานที่เฆาะดีรคุม หลังจากแต่งตั้งอิมามอะลี อ. แล้ว ข้าพเจ้าจะขอกล่าวถึงคำบันทึกของเขาเหล่านั้นพอเป็นตัวอย่าง

    อิบนิกะซีร บันทึกไว้ในหนังสือ อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ รายงานจากอบูฮุรัยเราะห์

مَنْ صامَ يومَ ثمانِ عشرةَ مِنْ ذِي الحجةِ كُتِبَ لهُ صيامُ ستينَ شهرًا وهوَ يومُ غديرِ خمٍّ ثمَّ أخذَ النبيُّ صلَّى اللهُ عليهِ وسلَّمَ بيدِ عليِّ بنِ أبي طالبٍ فقال ألستُ أَولى بالمؤمنينَ فقالوا بَلى يا رسولَ اللهِ قال مَنْ كنتُ مولاهُ فعليٌّ مولاهُ فقال لهُ عُمرُ بنُ الخطابِ بخٍ بخٍ لكَ يا ابنَ أبي طالبٍ أصبحَتْ مَولاي ومَوْلَى كلِّ مسلمٍ قال فأنزلَ اللهُ عز وجل : الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي
الراوي : أبو هريرة | المحدث : ابن كثير| المصدر : البداية والنهاية

อบูฮุรัยเราะห์กล่าวถึงคำพูดนบี ศ. ว่า : บุคคลใดได้ถือศีลอดในวันที่ 18 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์ พระองค์อัลลอฮ์จะบันทึกมรรคผลให้กับเขาผู้นั้นเทียบเท่ากับการถือศีลอด 2 เดือน(ของเดือนอื่น) เพราะวันนี้(วันที่ 18 ของเดือนซุลฮิจญะฮ์) คือวันฆอดีรคุม(นั้นคือวันที่)แล้วจากนั้นท่าน ศ. ก็ได้ยกมือของอะลี บินอะบีฏอลิบ อ. ขึ้นแล้วกล่าวว่า ฉันมีอำนาจต่อตัวของพวกเขา ยิ่งกว่าตัวของพวกเขาเองใช่หรือไม่ ? พวกเขากล่าวว่า ใช่แล้ว !!
แล้วจากนั้นท่าน ศ. ก็ได้ยกมือของอะลี บินอะบีฏอลิบ อ. “ผู้ใดก็ตามที่ฉันเป็นเมาลาของเขา ดังนั้น อะลีผู้นี้ก็เป็นเมาลาของเขาด้วย
และอุมัรเป็นคนเริ่มต้นกล่าวแสดงความยินดีว่า “ บัคคิน..บัคคิน ละกะ เราขอแสดงความยินดีกับท่านด้วยโอ้บุตรของอบีฏอลิบ ทั้งยามเช้าและยามเย็น ที่ท่านได้เป็นเมาลาของปวงผู้ศรัทธาทั้งชายหญิง”
อัลลอฮ์ ซ.บ. ได้ลงโองการแก่พวกเขาว่า
“วันนี้ ฉันได้ทำให้ศาสนาของพวกสูเจ้าเป็นที่สมบูรณ์สำหรับพวกสูเจ้าแล้ว และฉันได้ให้ความโปรดปรานของฉันสมบูรณ์สำหรับพวกสูเจ้าแล้ว และฉันปิติยินดีต่อพวกสูเจ้าที่ได้อิสลามเป็นศาสนา”

    ท่านคอตีบ แบกดาดีย์ บันทึกเรื่องนี้ไว้ใน ตะรีก มะดีนะตุล อิสลาม ของท่านโดยรายงานจากอบูฮุรัยเราะห์ ไว้เช่นกัน

أنبأنا عبد الله بن علی بن محمد بن بشران أنبأنا علی بن عمر الحافظ حدثنا أبو نصر حبشون بن موسى بن أیوب الخلال حدثنا علی بن سعید الرملی حدثنا ضمرة بن ربیعة القرشی عن بن شوذب عن مطر الوراق عن شهر بن حوشب عن أبی هریرة قال : من صام یوم ثمان عشرة من ذی الحجة کتب له صیام ستین شهرا وهو یوم غدیر خم لما أخذ النبی صلى الله علیه وسلم بید علی بن أبی طالب فقال ألست ولی المؤمنین قالوا بلى یا رسول الله قال من کنت مولاه فعلی مولاه . فقال عمر بن الخطاب بخ بخ لک یا بن أبی طالب أصبحت مولای ومولى کل مسلم فأنزل الله الیوم أکملت لکم دینکم

 

    อิมามฆาซอลีฮ์ อุลามาชาวซุนนะห์ ผู้มีความอคติสูงต่อชีอะห์ แต่ก็ยังคงบันทึกเรื่องที่ท่านนบีมุฮัมมัดแต่งตั้งท่านอิมามอะลี อ. ให้เป็นเมาลาของทุกคน และการแสดงความยอมของท่านอุมัร บิน ค็อตฎอบต่อคำสั่งนี้ของท่านนบี แต่เมื่อวันเวลาผ่านไป อุมัรได้เปลี่ยนความคิดของตัวเอง ด้วยกับอะวานัฟซู และหลังให้กับสิ่งที่เขาเคยยอมรับ ที่ท่านอุมัรเป็นคนแรกที่ได้แสดงความยินดีต่อท่านอิมามอะลี อ. ในวันฆอดีรคุม بخ بخ لک یا بن أبی طالب أصبحت مولای ومولى کل مسلم

    คำถาม หากอุลามาชาวซุนนะห์ยอมรับในเรื่องนี้แล้วทำไมจึงไม่ยอมรับ และได้ตีความหมายของเรื่องนี้ไปเป็นอื่น…?!!!

ข้าพเจ้าขอกล่าวว่า : ถึงกระนั้นแล้วก็ตาม จำเป็นที่นักปราชญ์สายอะฮฺลิซซุนนะฮฺจะต้องเบี่ยงเบนเรื่องราวของโองการนี้ให้เป็นเรื่องอื่นอยู่ดี ทั้งนี้ก็เพราะเพื่อปกป้องเกียรติของคนดีของพวกเขาในอดีตรุ่นศ่อฮาบะฮฺ หาไม่แล้ว ถ้าหากยอมรับว่าโองการนี้ถูกประทานที่ เฆาะดีรคุม ก็เท่ากับต้องยอมรับโดยดุษดีว่า อำนาจการเป็นผู้นำ(วิลายะฮ์)ของอะลี บินอะบีฏอลิบ อ. นั้น คือสิ่งที่อัลลอฮ์ ซ.บ. ประทานมาเพื่อยังความสมบูรณ์แก่ศาสนาและทรงให้ความสมบูรณ์แก่ความโปรดปรานของพระองค์ด้วยสิ่งนั้นสำหรับบรรดามุสลิม

และแน่นอนตำแหน่งค่อลีฟะฮ์ของสามท่านแรกที่เคยมีมาก่อนแล้ว จะต้องสูญสลาย และจะต้องกระทบกระเทือนถึงความชอบธรรมของพวกศ่อฮาบะฮ์ และสำนักวิชาการของค่อลีฟะฮ์ และการวินิจฉัยความต่างๆของสำนักนั้นจะเกิดความเสียหาย แล้วฮะดีษที่นิยมยกย่องกันอยู่เป็นอันมาก จะต้องละลายหายสูญเหมือนเกลือที่ละลายไปกับแม่น้ำ และเจ้าของมัซฮับต่างๆรวมถึงบรรดาอิมามทั้งหลายของมัซฮับนั้น จะต้องกลายเป็นฝุ่นละอองล่องอยู่กลางอากาศ ความลับจะเปิดเผยไม่ได้ เพราะความเปล่าเปลือยจะปรากฏเปิดเผยออกมา และแน่นอนฐานภาพที่เคยมีก็จะสูญสิ้นไป นี่คือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะมันเกี่ยวข้องกับความเชื่อถือของคนส่วนใหญ่