วิเคราะห์เรื่องราวของอิมามมะฮ์ดี ตอน 18

4.อิทธิพลของอิมามอะลีฮาดีในสังคมของชาวมะดีนะฮ์
มีพวกอคติชิงชังได้ส่งข่าวมาหากาหลิบอัลมุตะวักกิลอับบาซี่ว่า
อิม่ามอะลีฮาดี(อิม่ามที่10)ได้สะสมอาวุธและผู้คนเตรียมก่อการปฏิวัติต่อต้านอำนาจรัฐ
กาหลิบอัลมุตะวักกิลจึงมอบหมายให้ ยะห์ยา บินฮัรษะมะฮ์(แม่ทัพของกาหลิบ)พร้อมทหารสามร้อยนาย เดินทางมุ่งหน้าไปเมืองมะดีนะฮ์ เพื่อนำตัวอิมามอะลีฮาดีมาไว้ที่ซะมัรรอ อิรัก
ยะห์ยาบินฮัรษะมะฮ์(แม่ทัพกาหลิบ) เล่าว่า
فلما صرت إليها ضج أهلها وعجوا ضجيجا وعجيجا ما سمعت مثله فجعلت اسكنهم وأحلف أني لم اؤمر فيه بمكروه، وفتشت منزله، فلم اصب فيه إلا مصاحف ودعاء
เมื่อฉันเข้ามาที่เมืองมะดีนะฮ์ ปรากฏว่า ชาวมะดีนะฮ์ต่างพากันร่ำไห้ คร่ำครวญอย่างหนักชนิดที่ฉันไม่เคยพบเห็นมาก่อน(เพราะกลัวว่าทหารกาหลิบจะมาทำร้ายอิม่าม)
ฉันจึงทำให้พวกเขานิ่งเงียบ และฉันได้สาบานว่า ฉันไม่ถูกสั่งให้มากระทำภารกิจที่ไม่ดีงาม
เมื่อฉันเข้าไปตรวจค้นบ้านของอิมามอะลีฮาดี ปรากฏว่าฉันไม่พบสิ่งใด ยกเว้น คัมภีร์กุรอ่าน หนังสือดุอา...
บิฮารุลอันวาร เล่ม 50 หน้า 207
ชาวมะดีนะฮ์มีความรักความผูกพันธ์กับอิมามอะลีฮาดี(อ)ในฐานะที่ท่านเป็นบุตรหลานของท่านศาสดามุฮัมมัด(ศ)
เป็นอะฮ์ลุลบัยต์นบี(อ) เป็นอิม่ามผู้นำ เป็นผู้รู้คอยสั่งสอนอบรมศาสนาอิสลามแก่พวกเขา เป็นผู้ให้ความช่วยเหลือคนยากจนขัดสน แม่หม้ายและเด็กกำพร้า
ตรงกันข้ามกับ กาหลิบอัลมุตะวักกิลและพวกพ้องของเขาใช้ชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยท่ามกลางความเดือนร้อนของประชาชน
เมื่อทหารกาหลิบมาคุมตัวอิมามอะลีฮาดีไปอยู่ที่อิรัก
ชาวเมืองต่างรู้ดีว่าในที่สุดพวกเขาก็จะสังหารอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์นบี
พวกเขาจึงร้องไห้เสียใจกันอย่างหนัก ทำให้แม่ทัพและทหารต่างหวั่นว่าจะเผชิญกับสถานการณ์ตอบโต้ไม่ยอมให้คุมตัวอิม่ามไป
แม่ทัพยะห์ยาถึงกับสาบานว่ามาดีมิได้มาร้าย เพื่อให้ชาวมะดีนะฮ์ยุติการเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น