วิลาดัตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ มะอฺศูมะฮ์(ซ.)

 

วิลาดัตท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ มะอฺศูมะฮ์(ซ.)

 

บรรยายโดย ซัยยิดะฮ์ฟาฏิมะฮ์ ริฎวี่

ท่านหญิงฟาติมะฮ์มะศูมะฮ์
(ซาลามุลลอฮ์ อาลัยฮา) เป็นบุตรสาวของท่าน
อิมามมูซา กาเซม (อ) และเป็นน้องสาวของท่าน
อิมามริฎอ (อ)  ท่านมีสถานะภาพสูงส่ง และมีความประเสริฐอย่างยิ่ง ในสถานะภาพเฉกเช่น ท่านหญิงฟาติมะฮ์ อัซซะรอ และ ท่านหญิงซัยนับ  
(ซาลามุลลอฮ์ อาลัยฮา)
กุโบร์(ฮารัม)ของท่านตั้งอยู่ในเมืองกุม(อิหร่าน)และได้มีการเน้นย้ำถึงความประเสริฐในการซียารัต
ฮารัมของท่าน
ท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะศูมะฮ์ เกิดในวันแรกของ
ซุลเก๊าะดะฮ์ ในปี 173 ฮ.ศ. ในเมืองมะดีนะฮ์
มารดาที่มีเกียติของท่านคือ  ท่านหญิงนัจมะฮ์ (ซ.) ซึ่งท่านเป็นมารดาของอิมาม ริฎอ (อ.) ด้วยเช่นกันมารดาของท่านเป็นหนึ่งในสตรีที่มีความประเสริฐและเป็นหนึ่งในแบบอย่างของผู้ที่มีตักวา และมีเกียรติยิ่ง
ในช่วงระยะเวลาหลายปี ท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะศูมะฮ์ (ซาลามุลลอฮ์ อาลัยฮา) ได้เติบโต ด้วยกับการอบรมฟูมฟักจากครอบครัวของท่าน นั่นก็คือมหาสมุทรเเห่งวิชาการความรู้ ,  มะอฺริฟัต แต่ชีวิตของท่านได้ผ่านไปไม่เกินสิบปี เมื่อบิดาของท่านเสียชีวิตด้วยการถูกกดขี่ทุกรูปแบบในเรือนจำ จนนำไปสู่การเป็นชาฮาดัตของบิดาท่านในที่สุดโดยฮารูนอัรรอชีด(คอลีฟะฮ์ในยุคนั้น) และหลังจากนั้นในชีวิตของท่าน ท่านก็พบเจอกับมรสุมแห่งความเศร้าโศก ซึ่งท่านก็เหลือพี่ชาย
(อิมามริฎอ (อ.) เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรเป็นคนสุดท้าย  ทันใดนั้น มามูน ได้พลัดพรากอิมามริฎอ(อ.)ออกจากท่านหญิง และครอบครัว โดยสถานการณ์
ด้านการเมืองในตอนนั้น มะมูนได้บีบบังคับให้ท่าน
อิมามริฎอ(อ.)รับตำแหน่งรัชทายาท และให้ท่าน
อิมาม(อ.)นั้นอพยพไปอยู่ที่โคราซาน
มัชฮัด(อิหร่าน) จึงทำให้ท่านหญิงนั้นเลือกเดินทาง ตามพี่ชายไปหลังจากนั้น
ในปี ฮ.ศ. 201  หนึ่งปีหลังจากการมาถึงของ
อิมามริฎอ (อ.) ไปยังเมือง مرو ท่านหญิงมีเนียตที่จะออกไปเยี่ยมพี่ชายของท่านในเมือง مرو  แต่ระหว่างทางในเมือง ساوه ท่านหญิงได้ล้มป่วยที่นั้น  แล้วท่านหญิงก็ได้ถามว่า ระหว่าง ساوه กับ قم อยู่ไกลแค่ไหน?  พวกเขากล่าวว่า : สิบฟารซัค  ท่านหญิงบอกให้คนมารับท่านและพาท่านไปที่ قم และพวกเขาก็เเวะที่บ้านของ موسی بن جعفر
หลังจาก موسی بن جعفر พบท่านหญิงแล้ว ก็ได้ทำการต้อนรับ  , เชิญชวนท่านหญิง เขาก็จูงบังเหียนอูฐของท่านหญิงไปส่งที่บ้านของเขา
قم
ท่านหญิง เสียชีวิตหลังจากป่วยอยู่ในบ้านของ موسی بن جعفر  เป็นเวลาสิบเจ็ดวัน  
ร่างอันบารากัตของท่านถูกฝังอยู่ในเมืองกุม
ท่านหญิงฟาติมะฮ์ (ซาลามุลลอฮ์ อาลัยฮา) เป็นหนึ่งในสตรีผู้มีความรู้เเตกฉาน , และมีการพูดถึงท่านหญิงหลายครั้งในฮาดิษของชีอะห์และสุนนี่

บางส่วนของรีวายัต อิมามริฎอ (อ.) ได้ตั้งฉายานี้ให้กับท่านหญิง ผู้มีสถานะภาพที่สูงส่งคนนี้  
อัลลามะ มัจลีซี  พูดในเรื่องนี้ว่า: อิมามริฎอ (อ.) ได้กล่าวที่
ที่หนึ่งว่า: "ใครก็ตามที่ไปซิยารัต ท่านหญิง
มะศูมะฮ์ (ซ) ในเมือง قم ก็เสมือนกับเขาได้มาซิยารัตฉัน
อิมามญะวาด (อ.)ได้กล่าวว่า
مَنْ زَارَ عَمَّتِی بِقُمَّ فَلَهُ الْجَنَّةُ
ใครก็ตามที่ได้ไปซิยารัตป้าของฉัน(ท่านหญิงมะศูมะฮ์)ที่เมืองกุม เขาจะได้เข้าสวรรค์

อิมามศอดิก (อ.) ได้กล่าวว่า : ในเมืองกุมมีสตรีคนหนึ่งจากลูกหลานของฉัน จะฝังที่นั่น(กุโบร์)
ชื่อของเขาคือ ฟาติมะฮ์ และใครก็ตามที่ได้ซิยารัตท่านหญิง สวรรค์วาญิบสำหรับเขา

นี้เป็นเพียงบางส่วนของรีวายัตจากบรรดา
อะอิมมะฮ์ (อ.) ยังมีรีวายัตแบบนี้อีกเป็นจำนวนมาก
 
ความประเสริฐของท่านหญิงมะศูมะฮ์ (ซ)
ศึกษาได้จากชีวะประวัติและฮะดีษต่างๆ ซึ่งบางส่วนของฮะดิษเหล่านั้นเกี่ยวข้องโดยตรงกับความประเสริฐของตัวท่านหญิง (อ)
 และบางส่วนเกี่ยวข้องกับความประเสริฐของการไปซิยารัตท่าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสมบูรณ์แบบทางจิตวิญญาณของท่านหญิง(ซ)

ความประเสริฐที่เกี่ยวข้องกับตัวท่านหญิงโดยตรง
1.เป็นลูกสาวของครอบครัวของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)
ความประเสริฐแรกของท่าน คือเป็นบุคคลในครอบครัวของท่านนบี (ศ็อลฯ) ท่านเป็นลูกสาว น้องสาว และป้าของวะลีของพระองค์
ตามที่ระบุไว้ในบทซิยารัตของท่าน
 السَّلامُ عَلَيْكِ يَا بِنْتَ رَسُولِ اللّٰهِ، السَّلامُ عَلَيْكِ يَا بِنْتَ فاطِمَةَ وَخَدِيجَةَ

ในบทซิยารัต ไม่เพียงจะบอกว่าท่านเป็น หนึ่ง ในบุคคลจากครอบครัวของท่านศาสดา (ศ็อลฯ) แต่ยังเป็นการบอกถึงความสูงส่งทางด้าน มะนะวี
(จิตวิญญาณ)ของท่านอีกด้วย

2.การกล่าวถึงท่าน ก่อนที่ท่านจะประสูติ
เป็นหัวข้อที่จะกล่าวถึง ความ عظمت และ สถานภาพอันสูงส่งของท่านหญิง
การกล่าวถึงล่วงหน้า หรือการแจ้งข่าวเกี่ยวกับ
ท่านของปู่ของท่าน คือ อิมามศอดิก (อ) หรือ จากผู้เป็นบิดา อิมามมูซา (อ) หรือจากพี่ชาย อิมามริฎอ (อ)ก่อนที่ท่านจะประสูติเสียอีก

เช่น ฮะดีษบทหนึ่งจากอิมามศอดิก (อ)
ผู้รายงานเล่าว่า: "ฉันไปหาอิมามศอดิก  (อ) และเห็นว่าท่านนั้นกำลังคุยกับเด็กในเปล ฉันถามท่านด้วยความประหลาดใจ
: ท่านกำลังพูดกับเด็กในเปลหรือ? ท่านอิมามกล่าวว่า ใช่ ถ้าหากท่านอยากจะพูดคุยด้วย เข้ามาใกล้ๆสิ
ฉันเข้าไปใกล้ และให้สลามแก่เด็กทารกคนนั้น และเด็กทารกก็ได้ตอบรับสลามฉันและพูดว่า
: จงเปลี่ยนชื่อให้กับลูกสาวของท่าน ซึ่งชื่อที่ท่านได้ตั้งไว้ก่อนหน้านี้ พระองค์ไม่ชอบชื่อนั้น

เมื่อสองสามวันก่อนพระองค์ได้ประทานลูกสาวให้ฉัน ซึ่งฉันตั้งชื่อว่า حُمَیرا การพูดคุยของทารก ซึ่งเป็นความรู้เกี่ยวกับสิ่งเร้นลับ
และการห้ามของเขาทำให้ฉันประหลาดใจเป็นอย่างมาก

อิมามศอดิก (อ) กล่าวกับฉันว่า:
อย่าแปลกใจเลย เพราะลูกคนนี้คือลูกชายของฉัน "มูซา"
พระเจ้าจะทรงจัดเตรียมลูกสาวคนหนึ่งจากเขา
มีชื่อฟาติมะ และเธอจะถูกฝังในดินแดนที่มีชื่อว่า กุม และใครก็ตามที่ไปเยี่ยมเยือนเธอ สวรรค์จะเป็นวาญิบสำหรับเขา

 فداها ابوها.3
อิมามมูซา กาซิม (อ) กล่าวเกี่บวกับท่านหญิงฟาติมะ มะศูมะ (อ) ว่า  فداها ابوها
“บิดาของเจ้าขอพลีเพื่อเจ้า”
(เรื่องเล่าของท่านหญิงที่ได้ตอบคำถามของชีอะห์กลุ่มหนึ่ง ตอนที่อิมามไม่อยู่)  

4.การชะฟาอัต
การให้ชะฟาอัตของท่านแก่บรรดาชีอะห์ ในวันกิยามัต
ซึ่งในบรรดาสตรี บุคคลแรกที่สามารถให้ชะฟาอัตแก่อุมมัตของท่านศาสดา (ศ็อลฯ)โดยการอนุมัติของพระองค์ได้ คือท่านหญิง ฟาติมะฮ์ ซะฮ์รอ (ซ.)
และสตรีท่านที่ 2 คือ ท่านหญิงฟาติมะ มะศูมะฮ์(ซ.)
ในบทซิยารัตของท่านที่กล่าวว่า
يا فاطمة اشفعي لي في الجنة

5.ความเป็นมะอ์ศูม ของท่าน
สถานะของการมีความบริสุทธิ์จากบาป
 ซึ่งเป็นสถานะที่เฉพาะสำหรับท่านศาสดา (ศ็อลฯ) และ บรรดาอิมาม (อ.)
 
ซึ่งท่านหญิงฟาติมะฮ์ มะอ์ศูมะฮ์ (ซ.) ท่านนั่นได้เติบโตมาในมักตับอันบริสุทธิ์ของผู้เป็นบิดา และพี่ชายของท่าน ผู้เป็นแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมและสมบูรณ์
 บวกกับท่านนั้นได้ทำการขัดเกลาจิตวิญญาณของท่านอยู่เสมอ
ดั่งฮะดีษของอิมามมูซา (อ) ที่ท่านได้กล่าวเอาไว้ว่า "บุคคลใดก็ตาม ที่ได้ไปซิยารัตนาง เปรียบเสมือนเขาได้มาซิยารัตฉันด้วย"
ชาฟาอัตของท่านหญิงมะศูมะฮ์ (ซ.)
เมื่อท่านหญิงฟาตีมะฮ์ มะศูมะ(ซ) ถูกฝังอยู่ที่เมืองกุมทำให้ฮะรัมของท่านมีความบารอกัตโดย
ที่บรรดาอุลลามาของเรานั้นได้รับชาฟาอัตจากท่านหญิงเเละด้วยกับการให้ชาฟาอัตของท่านหญิงนั้นจึงทำให้อุลลามาของเราไปถึงตำเเหน่ง
เอาลิยาของอัลลอฮ. ไปถึงยังตำเเหน่งนักตัฟซีร
อัลกุรอานผู้ยิ่งใหญ่ ดั่งเช่น อัลลามะฮ์ฎอบาฎอบาอี หรือผู้นำการประติวัติผู้ยิ่งใหญ่อย่างอิมามโคมัยนีหรือนักปรัชญาผู้ยิ่งใหญ่อย่างอายาตุลลอฮฺญาวาดีอามุลี หรืออายาตุลลอฮฺ เบฮฺญัต หรือ บรรดาบุคคลเหล่านี้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตเเห่งจิตวิญญาณของเขานั้นเนื่องจากการตะวัซซุลไปยังท่านหญิง ดังนั้น อุลามาของเราทุกคนให้ความสำคัญในการขอชาฟาอัตจากท่านหญิง ดั่งตัวอย่างของอายาตุลลอฮฺเบฮฺญัตท่านใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองกุม
ไม่มีเช้าใดเลยไม่มีวันใดเลยที่ท่านจะไม่ไปซิยารัตท่านหญิงเเละขอชาฟาอัตจากท่านหญิง
เเละสิ่งนี้นำท่านไปถึงตำเเหน่งผู้ที่มีความสูงส่ง
ทางด้านจิตวิญญาน ด้วยการขอชาฟาอัตเเละ
ตะวัซซุลไปยังท่านหญิงฟาฎิมะ มะศูมะฮ์

ท่านชะฮีดมุเฎาะฮ์ฮาลี เล่าเรื่องราวของ
อัลลามะฮฺ ฎอบาฎอบาอี ให้ฟังว่า ฉันเคยพบนักตัฟซีรกุรอานมามากมาย ฉันเคยพบนักปรัชญามามากมาย เมื่อฉันพบกับอัลลามะฮฺฎอบาฎอบาอีที่เป็นทั้งนักตัฟซีรอัลกุรอาน เเละนักปรัชญาด้วยนั้น ฉันมีความประทับใจเป็นอย่างมาก จนกระทั้งฉันได้ยอมรับท่านเป็นอาจารย์ของฉัน เนื่องจากว่าท่านให้เกียรติท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ มะศูมะฮ์ เป็นอย่างมาก เป็นคนที่ไปซียารัตท่านหญิงอย่างสม่ำเสมอและในเดือนรอมฎอนท่านอัลลามะฮ์ฏอบาฏอบาอี ยังจะไม่ละศีลอดถ้าหากว่าไม่ได้อ่านซิยารัตของท่านหญิง เเละท่านก็จะไม่กลับบ้านถ้าหากว่าไม่ได้จูบไปยังซาเรียของท่านหญิง ดั้งนั้นการกระทำนี้ของท่านสร้างความประทับใจแกฉันเป็นอย่างมาก ฉันจึงเลือกเรียนวิชาตัฟซีรกุรอาน เเละ ปรัชญา กับท่าน

หรืออีกตัวอย่างนึง คือท่านมุลลาศ็อดรอที่กล่าวได้ว่าเป็นบิดาเเห่งปรัชญา
ที่ท่านนำปรัชญาด้านความหมายของวิทยาศาสตร์ เเละปรัชญาในด้านความหมายของอิรฟาน มาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เเละท่านก็ไปถึงยังตำเเหน่งที่สูงส่งในเรื่องราววิชาปรัชญา เเละการเป็นบ่าวที่ใกล้ชิดอัลลอฮฺ(ซ.บ)ได้นั้นเนื่องมาจาก การขอ
ชาฟาอัตจากท่านหญิงฟาฏิมะ มะศูมะฮ์ ทุกครั้งที่ท่านเจอปัญหาที่ยากที่จะเเก้ไขในเรื่องราวของวิชาการทางด้านปรัชญานั้นท่านก็จะมายังฮะรัมท่านหญิงเเละทำการตะวัซซุลไปยังท่านหญิงเเละทำการละหมาด เเละมอบฮาดียะกับท่านหญิง
เเละขอจากอัลลอฮ์(ซบ.)ว่าด้วยการซิยารัตของการให้ชาฟาอัตของท่านหญิงนั้นขอให้ท่านได้มีความเข้าใจในปัญหาที่ยากยิ่งในด้านปรัชญาเเละท่านก็เข้าใจ


หรืออีกตัวอย่างนึง คืออิมามโคมัยนี(รฎ.)
ตลอดชีวิตของท่านอิมามไปถึงจุดสูงสุดของความรู้ท่างด้านปรัชญา ท่างด้านฟิก ท่างด้านอิรฟาน
ท่านอิมามโคมัยนี(รฎ)ก็ยังคงมาซิยารัตฮะรัมของท่านหญิงอย่างสม่ำเสมอเเละขอตะวัซซุล ชาฟาอัต จากท่านหญิง จนกระทั้งทุกคนคิดว่าระดับอิมาม
โคมัยนี(รฎ)เเล้วทำไมถึงต้อง ตะวัซซุลถึงขนาดนี้ ทำไมต้องขอชาฟาอัตถึงขนาดนี้ ก็เพราะระดับ
อิมาทำโคมัยนี(รฎ)นี้เเหละที่รู้ถึงตำเเหน่งที่สูงส่งของท่านหญิง
ดั้งนั้นนักเรียนศาสนาทุกคนที่เรียนที่เมืองกุมนั้นรู้จักท่านหญิงมะศูมะฮ์ในนามของ บุคคลที่มีความเผื่อเเพร่หรือตัวเเทนของอะลุลบัยต์(อ)
ไม่มีนักเรียนศาสนาคนใด ไม่มีประชาชนคนใด ไม่มีอุลามาคนใดไม่มีเอาลิยาของอัลลอฮฺคนใดที่เข้าไปยังฮารัมของท่านหญิงเเล้วจะออกมาในสภาพที่หัวใจของเขานั้นยังมีความทุกอยู่
หรือมีความหนักใจอยู่ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม

เรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจริงเกี่ยวกับการให้ชาฟาอัต
มีชายคนนึงเขาอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวย มีสวนผลไม้ มีที่ดินมากมาย เเต่ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ครอบครัวของเขานั้นรู้ว่าเขาศรัทธาในชีอะฮ์ ครอบครัวของเขาได้ตัดขาดเขาออกจากครอบครัวเเละมรดก เขารู้สึกเจ็บปวดเเต่เมื่อเขาไปที่ฮะรัมของท่านหญิงฟาฎิมะ มะศูมะฮ์ ทำให้เขารู้สึกว่าเขานั้นรู้สึกอบอุนเหมือนอยู่ในออมกอดของเเม่ เขามีภรรยาที่ท้องเเก่ใกล้คลอดเเละมีลูกอีกสามคน เขาใด้เช่าบ้านใต้ดินของอิหร่าน เพราะว่าราคามันถูก เเต่เขาก็ไม่มีเงินจ่ายค่าเช่าบ้านจนทำให้เจ้าของบ้านเอ่ยปากทวงอยู่บ่อยครั้งทำให้เขานั้นรู้สึกละอายใจเมื่อถึงเวลาที่ภรรยาของเขาใกล้คลอดเขาก็พาภรรยาของเขาไปคลอดที่โรงพยาบาลแต่เขาก็ไม่สามารถที่จะพาลูกแล้วก็ภรรยาออกจากโรงพยาบาลได้เนื่องจากว่าเขาไม่มีค่ารักษาพยาบาลเขาเลยโทรไปหาเพื่อนของเขาเพื่อที่จะขอยืมเงินแต่เพื่อนของเขาก็ขัดสนเหมือนกันเขาก็เลยเก็บรวบรวมไม่ว่าจะเป็นพาสปอร์ตหรือบินค่าใช้จ่ายจากโรงพยาบาลกับซองจดหมายที่เป็นของเจ้าของบ้านที่มาเสียบไว้ที่หน้าประตูมีข้อความว่าให้จ่ายเงินวันนี้หรือไม่ก็ย้ายออกไปเขาก็รวบรวมทั้งหมดเข้าไปในซองเอกสารและพาลูกๆออกไปยังฮะรัม เขานั่งมองโดมทองของท่านหญิงในสภาพที่เหนื่อย ลูกๆของเขาและเขาก็เผลอหลับไปชั่วครู่หนึ่ง เมื่อเขาตื่นเขาได้ปลุกลูกๆของเขาและเดินไปยังป้ายรถเมล์ เขาลืมไปว่าตอนนั้นเขาไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียวเมื่อเขาขึ้นบนรถเมล์ทำให้เขาฉุดคิดขึ้นได้ว่าเขาไม่มีสตางค์ และรีบเดินลงจากรถเมล์อย่างรวดเร็ว
แต่เขาทำซองเอกสารหล่นอยู่บนรถเมล์โดยที่ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกครั้งก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาพาลูกๆเดินย้อนกลับไปยังฮะรัมของท่านหญิง และเขาตัดสินใจว่าจะเดินกลับไปยังบ้าน เเละหลังจากนั้นจะไปรับลูกน้อยกับภรรยาเอาออกจากโรงพยาบาล เมื่อเขากลับถึงบ้านเขาได้พบว่าชายเจ้าของบ้านยืนอยู่หน้าบ้านพร้อมถือซองเอกสารของเขา เขาแปลกใจเป็นอย่างมากที่ซองเอกสารมาอยู่ในมือของเจ้าของบ้านเจ้าของบ้านได้กล่าวสลามเขา และถามว่าผมพยายามติดต่อคุณอยู่ 2 ชั่วโมงกว่าแต่คุณปิดเครื่อง มีคนนำซองเอกสารนี้มาฝากคืนคุณ
เมื่อเจ้าของบ้านยื่นซองเอกสารให้ก็เดินจากไป
เมื่อเขาเปิดดูซองเอกสารก็พบว่ามีจดหมายฉบับหนึ่งเขียนอยู่ในซอยเอกสารนั้น ว่า
สลามลูกชายของฉัน
ฉันต้องขอโทษด้วยที่เปิดดูซองเอกสารนี้ฉันเพียงต้องการจะรู้ว่าใครคือเจ้าของเอกสาร เงินส่วนหนึ่งในซองนี้นำไปจ่ายค่าพยาบาล
เเละอีกส่วนหนึ่งที่อยู่ในซองให้นำไปจ่ายค่าเช่าบ้านที่ค้างเอาไว้และถือว่าเงินนี้เป็นของขวัญจากท่านหญิง


ขอขอบคุณ สถาบันอัลมะฮ์ดียะฮ์