เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ประวัติโดยย่อของท่านอิมามอะลี อัล-ฮาดีย์(อ.)

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ประวัติโดยย่อของท่านอิมามอะลี อัล-ฮาดีย์(อ.)

อิมามอะลี อัล-ฮาดีย์(อ.) ประสูติที่มะดีนะฮ์เมื่อวันที่ 15 ซุลฮิจญะฮ์ ฮ.ศ.212(ค.ศ.827) และเสียชีวิตซะมัรรอ ประเทศอิรัก เมื่อวันที่ 3 รอญับ ฮ.ศ.254(ค.ศ.868) รวมอายุ 42 ปี ดำรงตำแหน่งอิมาม 34 ปี

 

ยุคสมัยการดำรงตำแหน่งอิมามของอิมามอะลี อัล-ฮาดีย์(อ.) อิมามท่านที่ 10 ตรงกับช่วงที่อำนาจของราชวงศ์อับบาสิดกำลังตกต่ำ พวกเขาถูกคุกคามโดยพวกเติร์กและต้องย้ายเมืองหลวงจากกรุงแบกแดดไปยังซะมัรรอ ท่านมีอายุประมาณ 8 ปี

เมื่ออิมามมุฮัมมัด อัลญะวาด(อ.) บิดาของท่านได้เป็นชะฮีดจากการถูกลอบวางยาพิษโดยคอลิฟะฮ์มุอฺตะซิม บิลละฮ์

 

อิมามอะลี อัล-ฮาดีย์(อ.) ยังคงอยู่ที่มะดีนะฮ์ในสมัยปกครองของมุอฺตะซิมอีก 8 ปี และในสมัยปกครองของวาษิก บิลละฮ์ อีก 5 ปี จนกระทั่งเมื่อมุตะวักกิลได้ขึ้นเป็นคอลิฟะฮ์ในปี ฮ.ศ.236 อิมาม (อ.) จึงถูกเรียกตัวไปยังแบกแดดเมืองหลวงของตระกูลอับบาสิด มุตะวักกิลเป็นศัตรูของอะฮ์ลุลบัยต์ (อ.)ที่โหดร้ายและกระหายเลือดมากที่สุด เขาเคยพยายามทำให้สุสานของอิมามฮุเซน(อ.) ที่กัรบะลาจมอยู่ใต้น้ำด้วยการกันสายน้ำจากแม่น้ำยูเฟรติสให้ไหลมาทางสุสานของท่าน แต่สายน้ำนั้นได้โอบล้อมสุสานของท่านโดยไม่ไหลไปด้านบนอย่างน่ามหัศจรรย์ ทั้งที่พื้นดินโดยรอบนั้นสูงกว่าสุสานที่ตั้งอยู่ในที่ลุ่ม เมื่อคอลิฟะฮ์รู้ว่าทำให้น้ำท่วมสุสานไม่สำเร็จจึงสั่งให้เปลี่ยนพื้นที่ทั้งหมดเป็นที่เพาะปลูก แต่ม้าไม่สามารถลากคราดไปบนสุสานของท่านได้ ในที่สุดเขาจึงยอมแพ้และปล่อยสุสานของท่านไว้เช่นนั้น แต่ได้สั่งห้ามไม่ให้มีการไปเยี่ยมคารวะสุสานของอิมามฮุเวน(อ.) ตราบที่เขามีชีวิตอยู่ ประวัติศาสตร์บอกเราว่าบรรดามุสลิมได้ไปเยือนสุสานของอิมามฮุเซน(อ.) นายแห่งชุฮะดา อย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขาก็ตาม

 

ในยุคสมัยการปกครองของมุตะวักกิลนี้เองที่อิมามอะลี อัล-ฮาดีย์(อ.) ถูกเรียกตัวมาพบคอลิฟะฮ์จากมะดีนะฮ์มายังแบกแดด ท่านยะอฺกูบีเขียนไว้ในบันทึกประวัติศาสตร์ของท่านว่า เมื่อเหล่าทหารหน่วยจู่โจมพบตัวอิมาม(อ.) นั่งอยู่บนเสื่อปูนมาซของท่าน พวกเขาก็นำตัวท่านไปพบคอลิฟะฮ์ในลักษณะนั้นทันที มุตะวักกิลกำลังสนุกสนานกับการดื่มยามค่ำคืนและได้ชวนอิมามให้ร่วมดื่มกับเขา อิมาม(อ.) ตอบว่า "สุราเช่นนั้นไม่เคยได้ผสมปนกันกับเลือดเนื้อของฉัน" คอลิฟะฮ์ผู้กึ่งเมาขอให้อิมามอ่านกวีให้เขาฟังหน่อย แต่อิมาม(อ.) ตอบว่า ท่านไม่เคยมีนิสัยเช่นนั้น แต่เมื่อคอลิฟะฮ์คาดคั้น อิมามจึงท่องบางอย่างให้เขาฟัง ดังต่อไปนี้ (อิบนฺ คอลิกัน รายงานเรื่องนี้ทุกถ้อยคำ)

 

"พวกเขาผ่านคืนนั้นบนยอดขุนเขาด้วยการปกป้องของเหล่านักรบผู้องอาจ แต่ขุนเขาเหล่านี้ไม่ได้ปกป้องพวกเขา

 

หลังจากอำนาจและเกียรติยศทั้งหลายผ่านพ้นไป พวกเขาต้องคล้อยลงจากความสูงตระหง่านนั้นเพื่อไปยังการจองจำของสุสาน

 

โอ้ ช่างเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ร้ายกาจยิ่ง สุสานแทบจะไม่รับพวกเขาไว้เมื่อได้ยินเสียงร้องอุทานว่า 'บัลลังก์และมงกุฎกับเสื้อคลุมของฉันอยู่ไหน? ใบหน้าสวยๆ งามๆ ใต้ผ้าคลุมหน้าและอยู่หลังม่านกั้นอยู่ไหนแล้วตอนนี้?'

 

สุสานตอบว่า 'ฝูงหนอนกำลังรุมทึ้งใบหน้าเหล่านั้นอยู่ คนเหล่านี้เป็นนักกินนักดื่มมานานแล้ว บัดนี้พวกเขาจะถูกกินคืนโดยฝูงหนอน'

 

หลายคนที่ได้ยินถ้อยคำของอิมาม(อ.) แล้วถึงกับร้องไห้ คอลิฟะฮ์ปล่อยตัวอิมามไปชั่วระยะหนึ่ง แต่ยังคงกักบริเวณท่านไว้ในบ้านพัก ในที่สุด มะตุวักกิลเสียชีวิตด้วยน้ำมือองครักษ์ของเขาเอง ซึ่งเป็นชาวเติร์ก และมุนตะซิร บุตรชายของเขาได้เป็นคอลิฟะฮ์คนต่อไป

 

มุตะวักกิลเสียชีวิตในปี ฮ.ศ.250 และมุนตะซิร บิลละฮ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งคอลิฟะฮ์ เขาปกครองเป็นเวลาเพียง 6 เดือน หลังจากนั้น มุสตะอีนได้ขึ้นครองอำนาจ แต่เพียงไม่นานเขาก็ถูกตัดหัวและสืบอำนาจต่อโดยมุอฺตัส บิลละฮ์

 

ตลอดระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายอำนาจเหล่านี้ อิมามอะลี อัล-ฮาดีย์ไม่ได้กลับไปยังมะดีนะฮ์ และไม่ได้ถูกเรียกตัวเข้าพบคอลิฟะฮ์ ท่านอยู่ที่ซะมัรรอ

ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม