ฮูซัยนากัรบาลาอาชูรอ ตอนที่ 2

ฮูซัยนากัรบาลาอาชูรอ ตอนที่ 2


การแสดงความรักต่ออิม่ามฮูเซนเป็นเรื่องวายิบหรือมุสตะฮับ
อัลกุรอานมีโองการมากมายที่กล่าวยกย่องถึงสิทธิของบุคคลหนึ่ง, คนกลุ่มหนึ่ง หรือชนชาติหนึ่ง
#อัลกุรอ่านได้กล่าวถึงสิทธิของอิม่ามฮูเซนอะลัยฮิสสลามไว้ดังนี้
อัลลอฮ์ ตะอาลา ตรัสว่า
قُلْ لَا أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلَّا الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ฉันมิได้ขอ รางวัลตอบแทนใดกับพวกเจ้า บนงานนี้(นำทางสู่อิสลาม)
ยกเว้น #มะวัดดะฮ์ แสดงความรักในญาติสนิท
وَمَنْ يَقْتَرِفْ حَسَنَةً نَزِدْ لَهُ فِيهَا حُسْنًا إِنَّ اللَّهَ غَفُورٌ شَكُورٌ
และผู้ใดกระทำความดี(คือแสดงความรักต่อญาติสนิทของนบี)
เราจะเพิ่มพูนความดีในนั้นให้แก่เขา
แท้จริงอัลลอฮ์คือ ผู้ทรงอภัย ผู้ทรงชื่นชม
อัลกุรอ่าน ซูเราะฮ์ อัชชูรอ อายัตที่ 23  
ถ้าแปลแบบมุตตะศิล
لا أسألكم أجرا إلا هذا وهو أن تودّوا أهل قرابتي
ฉันมิได้ขอค่าตอบแทนกับพวกท่าน ยกเว้นสิ่งนี้ นั่นคือพวกท่านต้องมะวัดดะฮ์ต่อญาติสนิทของฉัน
ถ้าแปลแบบมุงก่อติ๊อ์
لا أسألكم أجرا قطّ ولكنني أسألكم أن تودّوا قرابتي
ฉันมิได้ขอค่าตอบแทนใดกับพวกท่านเลย แต่ฉันขอให้พวกท่านมะวัดดะฮ์ต่อญาติสนิทของฉัน
#มะวัดดะฮ์ مودة หมายถึง ฮุบบุน ชะดีด حب شديد #ความรักที่เข้มข้น
การแสดงความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบีอย่างจริงจังนั้นไม่อาจเป็นจริงได้ ยกเว้น
1.ด้วยการศึกษาทำความเข้าใจถึงสิทธิของพวกเขา
2.ด้วยการปฏิบัติตามพวกเขา
เพราะว่า มะฮับบะฮ์ ในที่นี้นั้นหมายถึง อิตติบ๊าอ์ – การปฏิบัติตาม  
ด้วยเหตนี้อัลลอฮ์ตะอาลาได้ตรัสว่า
قُلْ إِنْ كُنْتُمْ تُحِبُّونَ اللَّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللَّهُ
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด)ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน
อัลกุรอ่าน ซูเราะฮ์ อาลิอิมรอน อายัตที่ 31
การมะวัดดะฮ์(แสดงความรักอย่างจริงจัง)ต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบี ไม่ใช่แค่เอ่ยปากว่า ฉันรักท่านฮูเซนเฉยๆแค่นั้นแต่
1.ต้อง มุวาล๊าต-จงรักภักดีต่อพวกเขา
2.ต้องอิตติบ๊าอ์-ปฏิบัติตามพวกเขา
3.ต้องรับเอาความรู้คำสอนทางศาสนาจากพวกเขาด้วย
#ญุมฮูรมุฟัสสิรีนและมุฮัดดิษีนได้อธิบายคำ “กุรบา” ที่อัลลอฮ์กำหนดว่า เป็นวายิบต่อมุสลิมทุกคน ต้องแสดงความรักคือ
1.ท่านอะลี บิน อบีตอลิบ (น้องชายนบีและบุตรเขยนบี)
2.ท่านหญิงฟาติมะฮ์ บุตรีของท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)
3.ท่านฮาซัน (หลานท่านนบี)
4.ท่านฮูเซน  (หลานท่านนบี)
#อิบนุฮะญัรอัลฮัยตะมี อัลมักกี ตายฮ.ศ. 974 ได้กล่าวใน
#อัซซ่อวาอิก #อัลมุห์ริเกาะฮ์ หน้า 258-259
الباب الحادي عشر في فضائل أهل البيت النبوي  الآية الرابعة عشرة قوله تعالى
ข้อย่อยที่ 11 เรื่องความประเสริฐของอะฮ์ลุลบัยต์นบี โองการอันดับที่ 14 พระดำรัสของอัลลอฮ์ ตะอาลา
จงกล่าวเถิด(มุฮัมมัด) ฉันมิได้ขอร้องค่าตอบแทนใดๆ เพื่องานนี้(การประกาศอิสลาม) เว้นแต่ เพื่อความรักในญาติสนิท และผู้ใดกระทำความดี เราจะเพิ่มพูนความดีในนั้นให้แก่เขา
المقصد الأول في تفسيرها
อิหม่ามอะหมัด ท่านต็อบรอนีย์ ท่านอิบนิอบีฮาติม และท่านฮากิม ได้รายงานว่า ท่านอิบนิอับบาส เล่าว่า
أَنَّ هَذِهِ الْآيَةَ لَماَّ نَزَلَتْ قَالُوا يَا رَسُولَ اللَّهِ مَنْ قَرَابَتُكَ هَؤُلاَءِ الَّذِيْنَ وَجَبَتْ عَلَيْناَ مَوَدَّتُهُمْ قاَلَ عَلِيٌّ وَفاَطِمَةُ وَأَبْناَءُهُماَ
ตอนโองการนี้ประทานลงมา(ซูเราะฮ์ อัชชูรอ อายัตที่ 23 )
บรรดาสาวกของท่านศาสดาได้ถามว่า โอ้ท่านรอซูล ใครคือญาติสนิทของท่าน อันจำเป็นที่พวกเราจะต้องแสดงความรักต่อพวกเขา
ท่านศาสดาได้ตอบว่าคือ อาลี,ฟาติมะฮ์ และบุตรชายทั้งสองของเขาทั้งสอง(ฮาซันและฮูเซน)
#อิบนุฮะญัรอัลฮัยตะมีวิจารณ์ว่า
وفي سنده شيعي غال لكنه صدوق
ในสายรายงานของมัน มีผู้เล่าเป็นชีอะฮ์ ฆูล๊าตคนหนึ่ง แต่เขาเชื่อถือได้
#เรายังพบหลักฐานที่ให้การสนับสนุนในเรื่องนี้อีกคือ
หนังสือ อัลเมาซูอะฮ์ อัลฟิกฮียะฮ์ อัลกูวัยตียะฮ์ เล่ม 36 : 190 อันดับที่ 9
الموسوعة الفقهية الكويتية ج 36 ص 190 رقم : 9
مَحَبَّةُ أَهْل الْبَيْتِ
มะฮับบะตุ อะฮ์ลุลบัยต์(การสำแดงความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบี)
ذَهَبَ الْعُلَمَاءُ إِلَى أَنَّ مَحَبَّةَ أَهْل بَيْتِ النَّبِيِّ (صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ)  وَالْوَلاَءَ لَهُمْ مَطْلُوبَةٌ مِنَ الْمُسْلِمِينَ ، وَأَنَّ مَحَبَّتَهُمْ مِنْ مَحَبَّةِ النَّبِيِّ (صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ) ، وَأَنَّ مَعْرِفَةَ مِقْدَارِهِمْ وَتَوْقِيرَهُمْ وَحُرْمَتَهُمْ وَرِعَايَةَ مَا يَجِبُ مِنْ حُقُوقِهِمْ وَالْبِرِّ لَهُمْ وَالنُّصْرَةِ لَهُمْ
كَذَلِكَ مِنْ مُوجِبَاتِ الْجَنَّةِ
บรรดาอุละมาอ์ได้ให้ทัศนะว่า การสำแดงความรักต่ออะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี(ศ)การจงรักภักดีต่อพวกเขาคือสิ่งที่ต้องการจากบรรดามุสลิม
การสำแดงความรักต่อพวกเขาคือ การสำแดงความรักต่อท่านนบี(ศ)  
การทำความรู้จักคุณค่าของพวกเขา
การยกย่องพวกเขา
การให้ความศักดิ์สิทธ์ต่อพวกเขา
การเอาใจใส่สิทธิที่จำเป็นของพวกเขา  
การทำดีต่อพวกเขา
และการให้ความสนับสนุนช่วยเหลือพวกเขา
การกระทำเช่นนั้นคือสิ่งที่เป็นเหตุทำให้ได้เข้าสวรรค์
كَمَا أَنَّ بُغْضَهُمْ أَوْ كُرْهَهُمْ مَعْصِيَةٌ تُؤَدِّي بِأَصْحَابِهَا إِلَى النَّارِ ،
وَالأدِلَّةُ عَلَى ذَلِكَ كَثِيرَةٌ مِنْهَا : قَوْل اللَّهِ تَبَارَكَ وَتَعَالَى : { قُل لاَ أَسْأَلُكُمْ عَلَيْهِ أَجْرًا إِلاَّ الْمَوَدَّةَ فِي الْقُرْبَى }  أَيْ : لاَ أَسْأَلُكُمْ أَجْرًا إِلاَّ أَنْ تَوَدُّوا قَرَابَتِي وَأَهْل بَيْتِي
เช่นเดียวกัน การสำแดงความโกรธต่อพวกเขา(อะฮ์ลุลบัยต์นบี)
หรือการแสดงความไม่รักชอบต่อพวกเขาคือ
บาป เป็นเหตุทำให้พวกของมันนั้นได้เข้าสู่ไฟนรก
-----------
#นี่คือสิทธิของอิมามฮูเซน อะฮ์ลุลบัยต์ของท่านนบี(ศ) ที่มีต่อบรรดามุสลิม
#อิม่ามมุฮัมมัดบากิรอะลัยฮิสสลามกล่าวว่า
بُنِيَ الْإِسْلَامُ عَلَى خَمْسٍ عَلَى الصَّلَاةِ وَ الزَّكَاةِ وَ الصَّوْمِ وَ الْحَجِّ وَ الْوَلَايَةِ وَ لَمْ يُنَادَ بِشَيْ‏ءٍ كَمَا نُودِيَ بِالْوَلَايَةِ فَأَخَذَ النَّاسُ بِأَرْبَعٍ وَ تَرَكُوا هَذِهِ يَعْنِي الْوَلَايَةَ
อิสลามนั้นตั้งอยู่บน 5 ประการด้วยกัน คือ
1.ทำนมาซ
2.จ่ายซะกาต
3.ถือศีลอด
4.ทำฮัจญ์
5.วิลายัต
และไม่มีสิ่งใดถูกกล่าวถึงเหมือนเรื่องวิลายัตถูกกล่าวถึง
ดังนั้นผู้คนได้รับเอาไปปฎิบัติ 4 ประการ
และพวกเขาได้ละทิ้งสิ่งนี้ไว้นั่นคือ วิลายัต
(การแสดงความจงรักภักดีต่ออะฮ์ลุลบัยต์นบี)
อุซูลกาฟี เล่ม 2 หน้า 18  ฮะดีษที่ 3  เป็นฮะดีษซอฮิฮ์