เหตุผลที่ท่านอิมามฮูเซนต้องลุกขึ้นต่อสู้

เหตุผลที่ท่านอิมามฮูเซนต้องลุกขึ้นต่อสู้

 

เรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในปีฮิจญ์เราะฮที่ 61มีการต่อสู้เกิดขึ้นที่แผ่นดินกัรบาลาระหว่างฮูเซนหลานสุดที่รักของท่านศาสดา ศ.กับยะซีดผู้เป็นบุตรของมูอาวียะฮนั้น เชื่อเหลือเกินว่าเรื่องดังกล่าวมุสลิมทุกคนคงประจักถึงความสัจจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ยังจะมีบางกลุ่มที่มีใจอคติไม่ยอมรับความเป็นจริงในเรื่องดังกล่าวได้พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงและพยายามบิดเบือนอุดมการณ์ข้อเท็จจริงจากการต่อสู้ของหลานรักแห่งศาสดาโดยพยายามอ้างว่าฮูเซนต่อสู้เพื่อต้องการอำนาจหรือพยายามต่อสู่เพื่อที่จะหวังผลอะไรบางอย่างในทางดุนยาและการปกครองจนเป็นเหตุให้เกิดการนองเลือดและเสียชีวิตกันมากมายนั้นความจริงเรื่องนี้เป็นอย่างไรไปดูหลักฐานยืนยันว่าความจริงแล้วนั้นไม่เป็นไปตามที่พวกเขาอ้างเลยเพราะแท้ที่จริงแล้วฮูเซนคือผู้มาปกป้องเพื่อความอยู่รอดของศาสนาเท่านั้น และท่านทำตามหน้าที่ของท่านที่ท่านควรต้องทำต่างหาก

เหตุผลประการที่หนึ่ง: พระองค์ได้กล่าวรับประกันถึงเรื่องของท่านไว้ว่า:

إِنَّما يُرِيدُ اللهُ لِيُذْهِبَ عَنْكُمُ الرِّجْسَ أَهْلَ الْبَيْتِ وَيُطَهِّرَكُمْ تَطْهِيراً (احزاب33:33)

"พระองค์ต้องการที่จะขจัดสิ่งไม่ดีและมลทินแห่งความเป็นบาปต่างๆให้ออกไปจากครอบครัวของนบูวัต และพระองค์ทรงทำให้พวกเขาสะอาดปราศจากมลทิลต่างๆ"

#ที่สำคัญในเรื่องนี้นั้นก็คือ บรรดาอุลมาฝ่ายสุนนีย์ต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าอายะฮ์ดังกล่าวถูกประทานลงมาเพื่อยืนยันในความบริสุทธไร้บาปของอะลุลบัยต์อย่างแท้จริงไม่ว่าจะเป็นท่านมุสลิม,ติรมีซีย์,สุฮลาบีย์,ซิยูฏีย์,อะหมัด บินฮัมบัล,อิบนิกะสิร,ซะมัคชารีย์,และท่านอื่นๆว่าอายะฮนี้ลงมาให้ห้าคนที่เป็นชาวผ้าคลุมกิสานั้นคือ มูฮำหมัด ศ. ท่านอาลี นางฟาติมะอ ฮะซันและท่านฮูเซน พระองค์รับประกันพวกเขาในเรื่องความผิดบาปต่างๆ

ดังนั้นเรื่องการแสวงหาทางโลกดุนยาไม่ว่าในเรื่องลาภยศหรือตำแหน่งรวมไปถึงอำนาจต่างๆนั้น ก็คงจะเป็นไปไม่ได้เพราะพระองค์ได้รับรองพวกเขาไว้แล้วในเรื่องนี้

เหตุผลประการที่สอง: ท่านนบี ศ็อลฯ เคยได้กล่าวว่า:

حبّ الدنيا رأس كلّ خطيئة

"การหลงในดุนยานั้น เป็นต้นเหตุที่ก่อให้เกิดสิ่งไม่ดีงามต่างๆและความผิดพลาด"
อ้างอิง:
الخصال، ص25 ; عدة الداعى، ص211

ดังนั้นในวันนั้น(เหตุการณอาชูรอ)อิมามฮูเซนท่านไม่ได้เป็นไปตามที่พวกหลงผิดแอบอ้างหรือใส่ร้ายหาว่าท่านแสวงหาอำนาจและตำแหน่ง และหากใครที่เขาได้ศึกษาเรียนรู้และเข้าใจในเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างดีแล้วนั้นเขายังจะเชื่อว่าอิมามฮูเซนแสวงหาอำนาจในวันนั้นไม่ว่าด้วยความตั้งใจก็ตามก็เท่ากับว่าบุคคลเหล่านั้นกำลังปฏิเสธอายะฮ์กุรอานข้างต้นซึ่งพระองค์ได้ทรงรับรองพวกเขาไว้แล้วถึงความผิดพลาดต่างๆ!

เหตุผลประการที่สาม: หากว่าในวันนั้นอิมามฮูเซนต่อสู้กับยะซีดเพื่อแสวงหาอำนาจและตำแหน่งจริงตามคำอ้าง แน่นอนยิ่งท่านศาสดา ศ.ก็คงไม่ประกาศสั่งให้ประชาชาติคอยช่วยเหลืออิมามเป็นแน่ไปดูในตำราชาวสุนนะฮได้บันทึกถึงเรื่องนี้ไว้อย่างไร ท่านเชคสุลัยมาน บุญคีย์ หะนาฟีย์ ได้รายงานจากท่านบุคคอรีย์ จากท่านอนัส บินฮาริส จากท่านนะบี ศ.ว่า:

إنّ ابني هذا يعنى الحسين يقتل بأرض يقال لها كربلاء فمن شهد ذلك منكم فلينصره

"แท้ที่จริงแล้วบุตรของฉัน(อิมามฮูเซน)ที่จะเสียชีวิตในกัรบาลานั้น ใครก็ตามจากพวกท่านหากอยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวพวกท่านต้องให้การช่วยเหลือต่อเขา"

ที่สำคัญในวันนั้นอานัส บินฮาริสคือผู้หนึ่งที่อยู่ในเหตุการณกัรบาลาพร้อมกับอิมามฮูเซนท่านได้ตอบรับและปฏิบัติตามคำสั่งของท่านนบีอย่างเคร่งครัดสุดท้ายท่านก็ต้องเสียชีวิตในสงครามครั้งนั้น"
 อ้างอิง:
ينابيع المودة لذوى القربى، ج 3، ص8 ; ترجمة الامام الحسين ص247

เหตุผลประการที่สี:หากว่าการสู้รบที่เกิดขึ้นในแผ่นดินกัรบาลานั้นเป็นการสู้รบกันเพื่อต้องการตำแหน่งหรืออำนาจสิ่งแรกที่กองทัพของแต่ละฝังต้องจัดเตรียมนั้นก็คือกองทัพรวมพลทหารนักรบที่มีความกล้าและเชี่ยวชาญในการสู้รบอย่างพร้อมเพรียงเพื่อให้ได้มาซึ่งชัยชนะพวกเขาไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องพาภรรยาและลูกๆรวมไปถึงสตรีคนอื่นๆโดยเฉพาะบรรดาเด็กตัวเล็กที่ยังไม่ทิ้งนมไปด้วยเพื่อให้เป็นภาระในการสู้รบเป็นแน่ แต่ทว่าการที่อิมามฮูเซนได้พาพวกเขาเหล่านั้นติดสอยห้อยตามกองคาราวานไปด้วยนั้นท่านมีเหตุผลอื่นของท่านซึ่งเรื่องนี้เป็นที่กระจ่างชัดแล้วทั้งก่อนทำสงครามในขณะทำสงครามหรือแม้กระทั่งสงครามจบสิ้นลงไปซึ่งท่านตอกย้ำทุกครั้งว่าท่านไม่ได้มาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ ตำแหน่งหรือลาภยศ แต่ท่านมาเพื่อปรับปรุงศาสนาของท่านตาของท่านและท่านเพียงเพื่อชักชวนสู่การทำดีและห้ามปรามในสิ่งที่ชั่วร้าย และความเป็นจริงก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ

เหตุผลประการที่ห้า: ก่อนที่ท่านจะออกเดินทางสู่แผ่นดินกัรบาลานั้น ท่านอิมามฮุเซนได้กล่าวช่วงหนึ่งว่า "ฉันฝันถึงท่านตาของฉันและในฝันท่านนบีบอกกับฉันว่า:

أُخْرُجْ فَإِنَّ اللهَ قَدْ شاءَ أَنْ يَراكَ قَتيلاً

"จงออกไป(สู่แผ่นดินอิรัก) แท้ที่จริงแล้วพระองค์ต้องการที่จะเห็นเจ้าเสียชีวิตในที่นั่น"
อ้างอิง:
اللهوف فى قتلى الطفوف، ص85

ท่านอิมามยังจะตอบคำถามกับผู้คนในวันนั้นจากคำถามที่ว่า แล้วทำไมท่านต้องพาบรรดาสตรีและเด็กๆไปด้วย?!อิมามได้ให้คำตอบกับพวกเขาว่า:

إِنَّ اللهَ شاءَ أَنْ يَرَاهُنَّ سَبايا

"เพราะพระองค์ต้องการให้พวกเขาเป็นเชลยในวันนั้น"(เรื่องนี้ถูกบันทึกมากมายในตำราซุนนีย์)
อ้างอิง:
لواعج الاشجان، صص73 و 254 ; ينابيع المودة لذوى القربى، ج 3، ص60

ด้วยเหตุผลจากความประสงค์ต้องการของพระองค์ฉันจึงพาพวกเขาติดสอยห้อยตามไปด้วยดังนั้นการสู้รบและมีการล้มตายเกิดขึ้นในวันนั้นการเสียชีวิตของพวกเขาและการถูกจับให้เป็นเชลยสงครามของสตรีและเด็กๆที่เหลือคือการเติมเต็มซึ่งกันและกันผู้ที่ถูกจับให้เป็นเชลยพวกเขาถูกนำพาสู่เมืองชามในถานะเป็นเชลยและบทบาทของพวกเขาคือแผ่ขบวนความชั่วร้ายของยะซีดพวกเขาได้แฉความป่าเถื่อนและความโหดร้ายอย่างที่ไม่มีมนุษย์คนไหนเคยมีมาก่อนให้แก่ประชาชนได้รับทราบถึงข้อเท็จจริงในขณะที่ผู้คนที่ยังไม่เข้าใจเรื่องราวต่างตะโกนโห่ร้องแสดงความปิติดีใจกันยกใหญ่จากการได้รับชัยชนะของยะซีดแต่เมื่อความจริงปรากฏหลังจากตีแผ่จากคำเทศนาของซัยหนับผู้เป็นแม่ทัพแห่งเฉลยสงครามประชาชนเข้าใจถึงเรื่องราวแห่งความเป็นจริงที่เกิดขึ้นทำให้ประชาชนที่อยู่ในเหตุการณ์ในวันนั้นเข้าใจเรื่องราวจากที่ยืนเคียงข้างยะซีดกลับมายืนเคียงข้างซัยหนับและแสดงความเสียใจและเห็นใจกับซัยหนับมากยิ่งขึ้นจนเกือบจะทำให้เกิดจลาจลขึ้นอีกครั้ง ดังนั้นเหตุการณ์ในวันนั้นอิมามไม่ได้แสวงหาตำแหน่งหรืออำนาจแต่อย่างใดเลย

#เหตุผลประการที่หก:อิมามฮูเซนช่วงระหว่างการเดินทางท่านพูดตอกย้ำกับสาวกของท่านอยู่บ่อยครั้งว่า ท่านไปครั้งนี้ท่านต้องเสียชีวิต และท่านพูดเสมอกับสาวกว่าท่านไม่ได้ไปเพื่อการปกครองหรือแสวงอำนาจและสุดท้ายท่านจะต้องเสียชีวิตลงที่นั้น การพูดเช่นนี้ของท่านเข้าใจได้เลยว่าท่านไม่ได้ปราถนาสิ่งนั้นตามคำแอบอ้าง

ที่สำคัญไปกว่านั้นท่านได้กล่าวคำเทศนาแก่สาวกที่เดินทางมาพร้อมกับท่านถึงเรื่องตำแหน่งหรือการแสวงหาผลประโยชน์ทางดุนยาว่า"ใครที่คิดว่าการไปสู้รบในครั้งนี้เพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งและลาภยศขอให้คิดเสียใหม่ว่ามันไม่ใช่!และจงรู้ไว้ว่าใครที่อยู่ในสงครามครั้งนี้ทุกคนจะต้องเสียชีวิต ดังนั้นศัตรูไม่ได้ต้องการชีวิตของพวกท่านแต่ต้องการเฉพาะชีวิตของฉันเท่านั้น ดังนั้นใครที่ต้องการจะถอนตัวในการทำศึกครั้งนี้ก็ขอให้เดินออกไปได้เลยในยามมืดมิดที่ไม่มีใครเห็นและไม่มีความผิดอันใดสำหรับพวกท่าน"

ขณะที่ท่านอิมามกำลังเทศนายังไม่ทันจบนั้นมีผู้คนจำนวนหนึ่ง(ผู้ที่คิดหวังในดุนยา)ผละเดินออกจากท่านไป แต่จะมีเหลือเฉพาะผู้หวังในอาคิเราะฮเท่านั่นเคียงบ่าคู่กับท่าน"

ดังนั้นหากว่าอิมามแสวงหาอำนาจจริงตามที่อ้างท่านคงจะไม่บอกถึงการเสียชีวิตของทุกคนในวันพรุ่งนี้และคงจะไม่มีใครที่สู้รบเพื่อหวังทรัพย์สินในดุนยาทั้งที่รู้ว่าเขาเองต้องตายเว้นแต่ผู้หวังในอาคีเราะฮเท่านนั้น

#เหตุผลประการที่เจ็ด:ท่านนบีได้กล่าวถึงตัวตนของอิมามฮูเซนว่า:

حسينٌ منّي و أنا من حسين

"ฮูเซนมาจากฉัน และฉันมาจากฮูเซน"
อ้างอิง:
صحيح ابن حبان، ج 15، ص428 ; الصحيح من السيرة، ج 6 ، ص176 ; ينابيع المودة لذوى القربى، ج 2، صص34 و 38

เรื่องนี้เป็นที่ยอมรับของบรรดาอุลมาว่าเป็นเรื่องจริงความหมายของประโยคแรกที่ว่าฮูเซนมาจากฉันถือว่ากระจ่างชัด แต่ประโยคหลังที่ว่าฉันมาจากฮูเซนนั้นหมายถึงการคงอยู่ของดีนหรือศาสนาให้อยู่รอดนั้นฮูเซนคือผู้คงไว้ซึ่งความอยู่รอด(จากการเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างของเขา)

เหตุผลข้อที่แปด:อิมามฮูเซนกล่าวถึงเจตนารมณ์ของท่านในการเดินทางครั้งนี้กับมูฮำหมัด หะนาฟียะฮว่า:

أنِّي لَمْ أَخْرُجْ أَشِراً وَ لاَ بَطَراً وَ لاَ مُفْسِداً وَ لاَ ظَالِماً وَ إِنَّمَا خَرَجْتُ لِطَلَبِ اْلإِصْلاَح فِي أُمَّةِ جَدِّي(صلى الله عليه وآله) ، أُرِيْدُ أَنْ آمُرَ بِالْمَعْرُوفِ وَ أَنْهىَ عَنِ الْمُنْكَرِ... وَ أَسِيرَ بِسِيرَةِ جَدِّي وَأَبِي عَلِيّ بْنَ أَبِي طالِب(ع) فَمَنْ قَبِلَنِي

"ฉันไม่ได้ออกไปเพื่อบ่อนทำลาย กดขี่ใคร หรือเพื่อสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นในหน้าแผ่นดิน แต่ทว่าออกไปเพื่อปรับปรุงในอุมมัตประชาชาติท่านตาของฉัน และฉันต้องการที่จะชักชานสู่การทำดีและห้ามปรามจากความชั่วร้าย ฉันออกไปสู่เส้นทางของตาและบิดาของฉัน..."
อ้างอิง:
بحار الانوار، ج44، ص329

เหตุผลประการสุดท้าย: จากเหตุผลทั้งหมดถือว่ากระจ่างสำหรับข้อสงสัยในเรื่องที่ว่าอิมามออกสู้รบเพื่อต้องการอำนาจแห่งการปกครองหรือต้องการเป็นผู้นำ แต่ถ้าตั้งเป็นข้อสมมุติฐานว่า อิมามต้องการจัดตั้งการปกครองจริงๆตามคำแอบอ้างถามว่าจะมีใครที่มีความเหมาะสมในการปกครองศาสนาและเป็นตัวแทนของท่านนบีมากไปกว่าอิมามฮูเซนอีกเหรอ?หรือว่าจะให้ยะซีดผู้ที่มีฉายานามว่าเป็นผู้ที่กินทั้งของฮะรอม
เป็นผู้ที่มีแต่การกดขี่ผู้อื่น เป็นผู้ที่ฆ่าผู้บริสุทธเป็นว่าเล่นและเป็นผู้ที่กระทำบาปอย่างเปิดเผยและไม่ละอายฯลฯ ขึ้นปกครอง?!!

...แน่นอนว่าปัญญาชนทั้งหลายยากที่จะยอมรับสิ่งนั้นได้กับการผู้นำเช่นนี้เยี่ยงยะซีด!!
 
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม