ชีอะฮ์อิมามียะฮ์ เป็นกลุ่มชนที่หลงทางจริงกระนั้นหรือ?

ชีอะฮ์อิมามียะฮ์ เป็นกลุ่มชนที่หลงทางจริงกระนั้นหรือ?


หรือว่าเป็นแนวคิดที่มิได้อยู่ในกรอบของอิสลามตามที่ใครเขากล่าวกันจริงๆ?

มาอ่านบทความนี้ไปพร้อมๆกันดีกว่าว่ามันมีมูลความจริงอย่างที่พวกเขาพูด หรืออย่างที่พวกเขาเข้าใจกันหรือเปล่า!!

การที่จะมอบความรักแก่"อะลุลบัยต์"มันผิดมากนักเหรอ??
ทั้งๆที่อัลกรุอานและอีกทั้งสายรายงานฮะดิษที่มีทั้งชีอะห์และซุนนีย์ได้ยืนยันถึงเรื่องนี้อย่างมากมาย ว่าให้ "รัก"

#อะลุลบัยต์ ที่ว่านั้นเป็นใคร?
"อะลุลบัยต์" ตามคำที่อัลกรุอานและฮะดิษเอ่ยถึงนั้น คือจำนวนคนที่ใกล้ชิดเฉพาะกับท่านนบี ศ.เท่านั้น มิได้หมายความว่า ใครทั้งหมดที่เป็นผู้ใกล้ชิด

ดังนั้นผู้ใกล้ชิดนบี ศ.ที่เรียกพวกเขาว่า "อะลุลบัยต์" นั้น มีเพียงกลุ่มชนบางกลุ่มเท่านั้น ที่นบีได้ระบุและเจาะจงถึงตัวตนของพวกเขาเอาไว้แล้วซึ่งมิใช่ทั้งหมด และพวกเขาเหล่านั้นก็คือ อลี ฟาติมะห์ ฮะซัน ฮุเซน และอีกเก้าคนที่จะสืบเชื้อมาจากฮูเซน

คำยืนยันในเรื่องนี้ อุมมุสะลามะฮกล่าวว่า เมื่ออายะฮ์นี้ถูกประทานลงมานั้น

 اِنَّما یُریدُ الله لِیُذْهِبَ عَنْكُم الرِّجسَ اَهلَ البَیت وَ یُطَهِّرَكُمْ تَطْهیِیراً

ท่านนบี ศ.ได้รวบรวม อลี ฟาติมะฮ ฮะซัน และฮุเซน มารวมที่เดี่ยวกัน เสร็จแล้วท่านกล่าวขึ้นว่า พวกเขาคือ อะลุลบัยต์ ของฉัน"(มุสตัดร็อก อากิม 3/158 ฮะดิษ 4705)

อีกทั้งในตำรามุสลิมอ้างจากอาอิชะฮ์ภรรยาท่านหนึ่งของท่านบี ศ.ก็ยังยืนยันเช่นกันว่า "ขณะที่นบี ศ.ออกจากบ้านที่หัวใหล่ของท่านมีผ้าคลุมอยู่ผืนหนึ่งในขณะนั้นฮะซันก็เข้ามาท่านก็ได้เรียกให้เข้ามาในผ้าผืนนั้น จากนั้นฮุเซนก็เข้ามาและได้มาอยู่ใต้ผ้านั้น จากนั้นเป็นฟาติมะฮ์ และตามด้วยอลี ทุกคนก็เข้าไปอยู่ในผ้าคลุมผืนนั้น จากนั้นท่านจึงอ่านอายะฮ์นี้ขึ้นว่า.

  اِنَّما یُریدُ الله لِیُذْهِبَ عَنْكُمُ الرِّجْسَ اَهلَ البَیت وَ یُطَهِّرَكُمْ تَطْهِیراً

ฉะนั้นการมอบความรักแก่พวกเขา"อะลุลบัยต์" มันผิดและเป็นผู้นอกคอกกระนั้นเหรอ?

เอาจริงๆแล้วเรื่องนี้อัลลอฮ์ ซบ.ยังกล่าวไว้อีกว่า:

 قُلْ لا أَسألُكُمْ عَلَیهِ أجراً اِلّا الْمَوَدَّهَ فِی الْقُربی

"โอ้รอซูล จงประกาศออกไปแก่อุมมัตว่า ฉันไม่ขอรางวัลตอบแทนใดๆในการเผยแพร่ เว้นแต่ให้มีความรักต่อญาติใกล้ชิดของฉัน"(ชูรอ/23)

อายะฮ์นี้ถูกรู้จัก ว่า อายะฮ์"มะวัดดะฮ์" ส่วนมากนักตัฟซีรและนักรายงานฮะดิษต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า ถูกประทานมายัง"อะลุลบัยต์"

ซิยูฏีย์ จากท่าน อิบนิ อับบาสรายงานว่า เมื่ออายะฮ์นี้ถูกประทานลงมาว่า:

 قُلْ لا اَسألُكُمْ عَلَیهِ اَجراً اِلّا الْمَوَدَّهَ فِی الْقُربی

"โอ้รอซูล จงประกาศออกไปแก่อุมมัตว่า ฉันไม่ขอรางวัลตอบแทนใดๆในการเผยแพร่ เว้นแต่ให้มีความรักต่อญาติใกล้ชิดของฉัน"(ชูรอ/23)

ศอฮาบะฮกล่าวขึ้นว่า:โอ้รอซูล บุคคลที่เป็นวายิบแก่เราต้องมอบความรักแก่พวกเขา มีใครบ้าง? นบี ศ.ตอบว่า พวกเขาคืออลี ฟาติมะฮ และบุตรทั้งสองของเขา"
(ดุรุล มันซูร 6/7,มุสตัดร็อค อากิม 3/172)

นอกเหนือจากอัลกรุอานที่สั่งให้มุสลิมทุกคนมอบความรักแก่ "อะลุลบัยต์" แล้ว ยังมีฮะดิษต่างๆมากมายที่มากำกับอีกต่างหาก

ยกตัวอย่างเช่น:
#ท่านนบี ศ.กล่าวว่า:

ادبّوا أولادكم علی ثلاث خصال: حبّ نبیّكم، و حبّ أهل بیته، و قراءه القرآن

"อบรมลูกหลานพวกเจ้าในสามสิ่งต่อไปนี้ ให้รักบรรดานบี รักอะลุลบัยต์ของท่าน และรักการอ่านกรุอาน"(กัลซุล อุมมาล 16/456)

#ท่านอลี อ.กล่าวว่า:

 أحسن الحسنات حبّنا، و أسوأالسیئات بغضنا

"ความรักที่ดีสุดคือ ความรักที่มีต่อเรา และความชั่วที่ร้ายที่สุดคือ การเป็นศรัตรูต่อพวกเรา"
(เฆาะรารุล หิกัม 1/211 ฮะดิษ3363)

#นบี ศ.กล่าวว่า:

 أحبّوا الله لما یغذوكم من نعمه، و أحبّونی لحبّ الله، و أحبّوا أهل بیتی لحبّی؛

"จงรักพระองค์... และจงรักฉัน..และจงรักอะลุลบัยต์ของฉัน"(สุนัน ตีรมีซีย์ 5/664/)

 من أحبّ هولاء فقد أحبّنی، و من ابغضهم فقد أبغضنی

"ใครรักพวกเขา"อะลุลบัยต์"เท่ากับรักฉัน และใครเป็นศรัตรูกับพวกเขา เป็นศรัตรูกับฉัน"
(ตารีค ดะมัช 91/126)

ฉะนั้นการมอบความรักแก่ "อะลุลบัยต์" มันไม่ใช่เป็นสิ่งที่ผิดพลาดหรือหลงทางตามที่ว่า แต่ทว่าการกระทำต่อสิ่งนั้น มันเป็นผลดีต่างหาก และยังถือว่าเป็นพื้นฐานหลักของความศรัทธาเสียด้วยซ้ำ จริงๆแล้วนบี ศ.ได้กล่าวไว้ว่า:

 أساس الاسلام حبّی و حبّ أهل بیتی؛

"พื้นฐานหรือแก่นแท้หลักของอิสลามนั้นคือ การมอบความรักแก่ฉัน และมอบความรักแก่ลูกหลานของฉัน"
(กัลซุล อุมมาล 12/105 ฮะดิษ 3420)

และในบางรายงานท่านกล่าวว่า:

 لكلّ شیء أساس، و أساس الاسلام حبّنا أهل البیت

"ทุกสิ่งทุกอย่างมีพื้นฐานหลัก ส่วนพื้นฐานหลักของอิสลามนั้นคือ การมอบความรักแก่เราอะลุลบัยต์"
(อัลมะหาซิน 1/247 ฮะดิษ 461)

เท่านั้นยังไม่พอฮะดิษยังบอกถึงการมอบรักแก่ อะลุลบัยต์ นั้น ถือเป็นอิบาดะฮอย่างหนึ่งด้วย นบี ศ.กล่าวว่า:
حبّ آل محمد یوماً خیر من عباده سنه ، و من مات علیه دخل الجنّه

"การมอบความรักแก่ลูกหลานของมุฮำหมัดเพียงหนึ่งวัน ย่อมดีกว่าการอิบาดะฮถึงหนึ่งปี และใครที่เสียชีวิตในสภาพที่เขามีความรักต่อ(อะลุลบัยต)นั้น เขาจะได้เข้าสวรรค์"
(นูรุล อับศอร /127)

ท่านนบี ศ.ยังกล่าวอีกว่า:

 أیّها الناس امتحنوا أولادكم بحبّه، فانّ علیّاً لا یدعو الی ضلاله، و لا یبعد عن هدی، فمن أحبّه فهو منكم، و من أبغضه فلیس منكم؛

"โอ้ประชาชาติทั้งหลาย จงทดสอบลูกหลานของพวกเจ้าในเรื่องความรักที่มีต่ออลี เพราะเขาจะไม่ทำให้พวกท่านหลงทาง และหากลูกหลานของพวกท่านรักอลี รู้ไว้เลยว่าพวกเขามาจากท่าน แต่ถ้าไม่แล้วนั้น พวกเขาไม่ใช่พวกท่าน"
(ตารีคดะมัช 2/225)

#และนี่คือส่วนหนึ่งจากเหตุผลหลัก:ที่ชีอะห์อิมามียะฮ์ ต้องรักและมอบหัวใจให้กับ "อะลุลบัยต์"ลูกหลานนบี ศ.ทั้งหมด

#พวกเขาคือผู้หลงทางเหรอ ทั้งๆที่ดำเนินรอยตามกรุอานและฮะดิษทุกอย่าง??

และคนที่รับทางนำนั้นคือกลุ่มชนที่คัดค้านคำสั่งจากกรุอานและฮะดิษกระนั้นเหรอ??

ตามทัศนะของพวกท่าน ใครคือผู้อยู่ในทางนำระหว่าง ผู้ที่รักในอะลุลบัยต์ กับผู้ที่เป็นศรัตรูกับพวกเขา ?
____
บทความโดย เชคยูซุฟ เพชรกาหรีม