บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน) ตอนที่13

บันทึกของ มร.แฮมเฟอร์ สายลับอังกฤษในดินแดนอิสลาม (ออตโตมาน)   ตอนที่13


อีกประการหนึ่งที่สร้างความประหลาดใจ ต่อตัวข้าพเจ้าเช่นกัน ก็คือว่า ไฉนศาสนาอิสลามที่มีหลักคำสอนอันสูงส่งจึงต้องตกอยู่กับผู้ปกครองที่อหังการและนักการศาสนาที่โง่เขลาไม่ทันสมัย! อันนำมาซึ่งความอ่อนแอและความล้าหลังให้กับอิสลาม!
 จากนั้นข้าพเจ้าได้บอกเชคว่า : ข้าพเจ้าต้องการจะเรียนรู้คัมภีร์อัล-กุรอาน คำพูดนี้สร้างความปลื้มปิติยินดีแก่เชคเป็นอย่างมาก จึงทำให้เขาเริ่มสอนคัมภีร์ อัล-กุรอาน  เริ่มจาก ซูเราะฮ์อัล-ฟาติหะฮ์ พร้อมทั้งได้สอนอธิบายความหมายด้วย
บางครั้งในการออกเสียงให้ถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่ยากลำบากพอสมควรสำหรับข้าพเจ้า มีอยู่ครั้งหนึ่งข้าพเจ้าจำได้ว่า: ประโยค  وعلى أمم ممن معك
 ข้าพเจ้าไม่สามารถที่จะอ่านได้อย่างถูกต้องจึงต้องพยายามอ่านซ้ำเป็นสิบๆ ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ เพราะเชคได้บอกว่า โองการนี้จะต้องอ่านในรูปแบบของการหน่วงเสียง (อิดฆอม)เพราะมีตัวอักษร มีม ที่ต้องออกเสียงอยู่ถึง 8 ตัว ด้วยกัน
 จะอย่างไรก็ตามข้าพเจ้าใช้ระยะเวลา 2 ปี ในการเรียนรู้ศึกษาอัล-กุรอานกับเชคจนจบเล่ม ทุกครั้งก่อนที่เชคจะสอนอัล-กุรอานแก่ข้าพเจ้า เขาจะเอาน้ำนมาซเหมือนกับการอาบน้ำนมาซก่อนที่จะทำการนมาซ อีกทั้งเชคยังได้สั่งกำชับแก่ข้าพเจ้าด้วยว่าให้เอาน้ำนมาซเหมือนกับเขาโดยที่ต้องหันหน้าไปยังทิศทางกิบลัต
 ต้องกล่าวในที่นี้ด้วยว่า การอาบน้ำนมาซในมุมมองของมุสลิมนั้น คือ เป็นรูปแบบของการชำระล้าง เริ่มจากการล้างใบหน้ามือขวา มือซ้ายและเช็ดศีรษะ และเช็ดใบหูและล้างเท้าทั้งสองข้าง
และพวกเขายังกล่าวด้วยว่าเป็นการที่ดีก่อนเอาน้ำนมาซให้บ้วนปาก และสูดน้ำเข้าจมูก (อัล-อิสตินช๊าก)แต่สิ่งหนึ่งที่สร้างความยากลำบากแก่ข้าพเจ้าคือการแปรงฟันก่อนที่จะเอาน้ำนมาซ บรรดามุสลิมจะทำการแปรงฟันโดยใช้ไม้ชนิดหนึ่งถูฟันให้สะอาดก่อน  
ตามความเชื่อส่วนตัวของข้าพเจ้าแล้วสิ่งนี้ไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้สะอาดแล้วยังจะส่งผลเสียต่อฟันเสียด้วยซ้ำ ในบางครั้งปากของข้าพเจ้าเป็นแผลและมีเลือดไหลออกมา แต่ทว่าก็ต้องจำยอมกระทำในลักษณะเช่นนี้เพราะว่าการแปรงฟันเป็นคำสั่งที่ถูกเน้นย้ำเป็นกรณีพิเศษตามทัศนะของพวกเขา อีกทั้งท่านศาสดามุฮัมหมัดได้กำชับให้มวลมุสลิมนั้นต้องปฏิบัติ เพราะมีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกาย