ยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน)

ยุคสุดท้าย (อาคิรุซซะมาน)


เชคอิมรอน พิชัยรัตน์/เรียบเรียง


"อาคิรุซซะมาน" เป็นคำศัพท์ทางศาสนาที่หมายถึง ยุคสุดท้ายของโลก ซึ่งถูกกล่าวไว้ในทุกศาสนาเทวนิยม ตามความเชื่อที่แพร่หลายเป็นที่รู้กันว่า ยุคสุดท้ายจะมีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น ลักษณะที่สำคัญที่สุดของยุคนี้คือความเสื่อมถอยของศาสนาของประชาชน จากนั้นผู้ช่วยให้รอดจะปรากฎขึ้นซึ่งไม่รู้แน่ชัดผู้ปลดปล่อยมนุษยชาติในยุคสุดท้ายจะมาปรากฎเมื่อใด และสามารถกำหนดได้เพียงแต่ว่าเป็นเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกับวันกิยามัต
ความหมาย
คำว่า “อาคิรุซซะมาน” ไม่มีในอัลกุรอาน แต่มีโองการเกี่ยวกับอนาคตของสังคมมนุษย์กล่าวไว้ในคัมภีร์กุรอาน ซึ่งบ่งบอกถึงการปกครองแห่งเตาฮีดและความยุติธรรมในอนาคตของชีวิตมนุษย์ ตำแหน่งการปกครองจะเป็นมรดกของผู้ชอบธรรมบนโลก และชัยชนะของสัจธรรม(ฮัก)จะอยู่เหนือความโมฆะ(บาฏิล)
“อาคิรุซซะมาน”ในริวายัตอิสลามมีสองความหมาย คือ ช่วงเวลาระหว่างการเริ่มต้นตำแหน่งศาสดา(นุบูวัต)ของท่านศาสดามุฮัมหมัด (ศ็อลฯ) จนกระทั่งถึงวันกิยามะฮ์ และอีกความหมายหนึ่งคือ ช่วงเวลาแห่งการมาปรากฎของอิมามที่สิบสอง (อ.) บางริวายัต ศาสดาอิสลามคือศาสดายุคสุดท้าย และในริวายัตอีกจำนวนมากที่ให้ความหมายของ “อาคิรุซซะมาน” ว่า ยุคที่ผู้ให้รอดพ้น(มะฮ์ดีผู้ถูกสัญญา)จะปรากฏขึ้น ตามริวายัตอิสลามได้อธิบยถึงสัญญาณและคุณลักษณะของยุคสุดท้ายไว้ เช่น บททดสอบที่หนักหน่วงและฟิตนะฮ์ต่างๆ ในยุคสุดท้าย การปรากฏของผู้ให้รอดพ้นและการโต้แย้งระหว่างความจริงกับความเท็จ ชัยชนะของความจริงเหนือความเท็จและถือเป็นยุคทองของโลก

กำหนดเวลา
ตามริวายัตอิสลาม ไม่เพียงแต่ไม่ได้ระบุวันที่ที่แน่นอนของช่วงเวลานี้ไว้เท่านั้น แต่การกำหนดวันที่ที่แน่นอนของช่วงเวลานี้จะถูกปฏิเสธ อิมามริฎอ (อ.) รายงานจากท่านศาสดา (ศ็อลฯ) ว่าเวลาของการลุกขึ้นยืนหยัดของผู้ถูกสัญญาไว้นั้นเหมือนกับวันกิยามัต ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากพระเจ้าและมันจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

สัญญาณต่างๆ
ในริวายัตของอิสลามเกี่ยวกับยุคสุดท้าย อธิบายถึงสัญญาณต่างๆ ไว้ ซึ่งเรียกกันว่า “สัญญาณต่างๆ ในยุคสุดท้าย” ตามความหมายนี้ การปรากฏของผู้ถูกสัญญาก็เปรียบได้กับวันกิยามัต เพราะเช่นเดียวกับวันกิยามัตมีสัญญาณ การปรากฏตัวของผู้ถูกสัญญาก็มีสัญญาณที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นด้วยเช่นกัน ในหนังสือบางเล่มสัญญาณเหล่านี้เรียกว่าสัญญาณของการมาปรากฎ(อิมามมะฮ์ดี) บางส่วนของสัญญาณเหล่านี้คือ:
1.การปรากกฎของซุฟยานี
2.การปรากฏตัวของซัยยิด ฮะซะนี ความขัดแย้งระหว่างบะนีอับบาสในทรัพย์สินและความเป็นผู้นำ
3.เกิดสุริยุปราคากลางเดือนรอมฎอนและจันทรุปราคาช่วงปลายเดือน
4.พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก
5. สังหารท่านนัฟซะกียะฮ์
6. การทำลายมัสญิดกูฟะฮ์ การออกมาของยะมานี เลือดและทรัพย์สินของประชาชนเป็นที่อนุมัติ(ฮาลาล)
7. การออกมาของดัจญาล ซึ่งมีในริวายัตของอิสลามว่า ซึ่งเขาอยู่บนโลกเป็นเวลาสี่สิบวัน  ผู้ที่มีศรัทธาอ่อนแอจำนวนมากเชื่อในตัวเขา เพราะการกระทำที่เหนือธรรมชาติของเขา
8. เกิดสงครามและการสังหารหมู่และการทำลายสัญลักษณ์แห่งความจริง
9.เกิดความเสื่อมทรามที่เลวร้ายยิ่งขึ้นในโลก
10. ปัญญาของผู้คนบกพร่อง
11.ความโกลาหลเพิ่มขึ้นและความศรัทธาของผู้คนอ่อนแอลง
12.การให้คนไร้ความสามารถเข้ามาบริหารจัดการสังคม ผู้ชายเชื่อฟังภรรยา ถือว่าความมั่งคั่งทางโลกเป็นเรื่องใหญ่ โลกขาดความปลอดภัย
13.ฟิตนะฮ์ต่างๆ เกิดขึ้นในหมู่ชาวอาหรับ
14.สตรีและเยาวชนไร้ยางอาย
15.กินดอกเบี้ยกันอย่างแพร่หลาย
16.เกิดการฆาตกรรมครั้งใหญ่และฟิตนะฮ์มากมายขึ้น
17. ผู้ชายไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้หญิงและผู้หญิงก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ชาย
18.กินเหล้าและสวมเสื้อผ้าไหม
19.ฯลฯ

ความแตกต่างกับสัญญาณวันกิยามัต
ในคัมภีร์กุรอานและริวายัตของอิสลาม มีคำศัพท์ที่เรียกว่า อัชรอตุสซาอะฮ์ ซึ่งหมายถึงชุดของเหตุการณ์ที่การเกิดขึ้นของมันนั้นเป็นสัญญาณของวันกิยามัต
อย่างไรก็ตาม ในบางแหล่งอ้างอิงของซุนนีและบางฮะดีษของชีอะฮ์ สัญญาณของการมาของอิมามมะฮ์ดี (อ.จ.) นั้นปะปนกับสัญญาณของการมาถึงของวันกิยามัต ในขณะที่ยุคสุดท้ายของโลกจะมองถึงวาระสุดท้ายของโลกนี้แต่ “อัชรอตุสซาอะฮ์” นั้นคือสัญญาณของการเกิดขึ้นของวันกิยามัต
ตามริวายัตอิสลาม เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของยุคสุดท้ายคือการเสด็จลงมาของพระเยซูจากฟากฟ้า จากริวายัตเหล่านี้ ชี้ให้เห็นว่าพระเยซูมีส่วนร่วมในการปฏิวัติโลกด้วยเช่นกัน พระเยซูจะลงมาจากฟากฟ้าเพื่อสร้างความยุติธรรมและความยุติธรรมแต่ภายใต้ร่มธงของอิมามมะฮ์ดี จะไม่กระทำการโดยพลการ พระเยซู (อ.) จะลงมาในดินแดนปาเลสไตน์และให้สะลามแก่อิมามมะฮ์ดี(อ.) โดยนมาซตามอิมามมะฮ์ดี(อ.)และช่วยเหลือเขาในการฆ่าดัจญาล

หลังจากการปรากฏตัวของผู้ให้รอดพ้น
เหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดหลังจากการปรากฎตัวของอิมามมะฮ์ดี (อ.)ได้แก่:
1.ต่อสู้กับการกดขี่และความเสื่อมทรามต่างๆ และกำจัดมันจนสิ้นซาก
2. การช่วยมนุษยชาติให้พ้นจากการทำบาป การกดขี่ และความเสื่อมทราม เป็นหนึ่งในอุดมคติที่จะเกิดขึ้นในยุคนั้น ดังที่อิมามอาลี (อ.) กล่าวว่า: "ในยุคของการปกครองมะฮ์ดี (อ.)การล่วงประเวณี การกินเหล้า กินดอกเบี้ย จะถูกรื้อถอน”
3.การสถาปนาศาสนาอิสลามที่แท้จริงและการเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียวเกิดขึ้นทั่วโลก
4.ศาสนาจะขจรขจายไปทั่วทุกสาระทิศ
5.ปฏิบัติคุณธรรมและค่านิยมทางศาสนาและใส่ใจในบทบัญญัติของศาสนาอย่างละเอียดถี่ถ้วน
6.สร้างความยุติธรรมและความเสมอภาค ในลักษณะที่ว่าทรัพย์สินในสังคมมีการกระจายอย่างเท่าเทียมกันในหมู่ประชาชน
7.เกิดความปลอดภัย ในลักษณะที่ว่า ชีวิต ทรัพย์สินและศักดิ์ศรีของคนในสังคมได้รับความปลอดภัยจากการละเมิดของผู้อื่น  
8.ความสะดวกสบายและความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชนทั่วไป ในลักษณะที่ว่าอาหารทั้งหมดมีให้สำหรับทุกคนและผู้คนสามารถเข้าถึงและใช้ทรัพย์สินได้อย่างง่ายดาย
9.การพัฒนาและความเจริญก้าวหน้าเกิดขึ้นทั่วโลก
10.สร้างความรัก มิตรภาพ และความใกล้ชิดระหว่างผู้คน ในลักษณะที่ใช้ทรัพย์สินของพี่น้องร่วมศาสนาของเขาได้โดยไม่มีการปฏิเสธ
11.ความสมบูรณ์ของปัญญาและความพร้อมในการรับประโยชน์จากสาระธรรมต่างๆ ของพระเจ้า
12.การพัฒนาและความก้าวหน้าทางด้านความรู้ในทุกมิติ และได้รับประโยชน์จากวิทยาการอย่างสมบูรณ์ที่สุด
13.การปฏิบัติตามคัมภีร์ของพระเจ้าและซุนนะฮ์ของศาสนทูตแห่งพระเจ้า
14. ฯลฯ