เป้าหมายของเดือนรอมฎอน ตอนที่สาม
- จัดพิมพ์ใน
-
- ผู้เขียน:
- ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
เป้าหมายของเดือนรอมฎอน ตอนที่สาม
โดย ฮุจญตุลอิสลาม ซัยยิดสุไลมาน ฮูซัยนี
ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้ชี้ให้เห็นถึงการอดอาหารว่ามีประโยชน์เช่นไร วจนะของท่านในลักษณะนี้มีอยู่มากมาย ในเรื่องความลี้ลับของการอดอาหาร นี่คือเหตุผลหนึ่งที่บรรดาเอาลิยาอ์ บรรดาอัมบิยาอ์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ) ที่ไม่จะไม่รับประทานอาหารให้อิ่มท้องจนเกินไป จะทำให้ตัวเองหิวอยู่เสมอ และนี่คือปรัชญาของคำว่า “การถือศีลอด”
การอดอาหารจะทำให้จิตวิญญาณของมนุษย์มีพลัง แน่นอนคนที่ไม่เคยปฏิบัติอาจรับไม่ได้ และไม่เข้าใจถึงปรัชญาตรงนี้ แต่บรรดาเอาลิยาอ์ บรรดาอัมบิยาอ์ของอัลลอฮ์ (ซ.บ) นั้นเขาสัมผัสสิ่งเหล่านี้ได้ และในยุคปัจจุบันผู้รู้หลายท่าน หากลองไปศึกษาในชีวิตของพวกท่านเหล่านั้น จะพบว่าพวกเขารับประทานอาหารวันละ 4-5 คำ เพือจะให้จิตวิญญาณของเขามีพลัง
ดังนั้นในเดือนนี้พระองค์ไม่ประสงค์ให้มนุษย์นั้นขาดทุน และได้ใช้ประโยชน์ในเดือนนี้อย่างเต็มที่ พระองค์จึงได้กำหนดการถือศีลอดขึ้น มีรายงานอย่างมากมายในเรื่องนี้ ท้องที่หิวจะทำให้มนุษย์ถ่อมตน จะทำให้มนุษย์มีสมาธิ จะทำให้มนุษย์นอบน้อม จะทำให้มนุษย์ล้ำลึก จะทำให้มนุษย์มีเมตตา จะทำให้มนุษย์มีความสงสารกับเพือนมนุษย์ด้วยกัน และมีอีกมากมายประโยชน์ตางๆที่มาพร้อมกับท้องที่หิว ท้องที่หิวจะทำให้มนุษย์เริ่มค้นหาจิตวิญญาณ มีรายงานบทหนึ่งที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) ได้สอนให้กับท่านอะมีรุ้ลมุอ์มินีน อิมามอะลี (อ.) ว่า “โอ้อะลี สิ่งที่ทำให้จิตใจของเจ้ามืดบอดมีอยู่ 5 ประการคือ
1- การพูดมาก การพูดมากจะทำให้จิตใจตายด้าน ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) กล่าวว่าไม่มีการลงโทษใดที่หนักหน่วงและเจ็บแสบที่สุดเท่ากับการที่ พระองค์อัลลอฮ์ (ซ.บ) ลงโทษบ่าวของพระองค์ เท่ากับการทำให้จิตใจของเขาตายด้าน คนเหล่านี้จะไม่มีโอกาสสำนึกตัว สิ่งนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของการกระทำบาปใหญ่ เช่นการก่อ อาชญากรรม การสังหารหมู่ฯลฯ ซึ่งเกิดจากมนุษย์ที่มีหัวใจตายด้าน จิตใจที่ไม่มีความสงสาร จิตใจที่ไม่มีความสำนึกถึงบาปบุญคุณโทษ
2- การกินมาก การกินมากจะทำให้มนุษย์ไร้พลังทางจิตวิญญาณ และมีจิตใจที่มืดบอด มนุษย์จึงควรรับประทานอาหารให้น้อยรับประทานแค่พออิ่ม เดือนนี้จึงเป็นเดือนที่อัลลอฮ์ (ซ.บ) ต้องการที่จะฟื้นฟูจิตวิญญาณของมนุษย์ ดังนั้นจึงให้มนุษย์ใช้ชีวิตตอนกลางวันโดยการอดอาหาร อยู่แบบหิวกระหาย เพือให้มนุษย์นั้นปลุกจิตวิญยาณของเขาด้วยความหิวโหย
3- การนอนมาก การนอนมากเกินความจำเป็นจะทำให้หัวใจมนุษย์มืดบอด ทุกการปฏิบัติมีขีดจำกัดของมัน ใช่ว่าในเดือนรอมฎอนการนอนคือการเป็นอิบาดะห์แล้วจะนอนอย่างเดียว จนเกินขีดจำกัดจะป็นสาเหตุให้หัวใจตายด้าน
4- การหัวเราะมาก การหัวเราะมาก หัวเราะอย่างไร้เหตุผล ในชีวิตมีแต่เรื่องตลกเฮฮา เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หัวใจมนุษย์ตายด้าน
5- การรับประทานสิ่งต้องห้าม เช่น รับประทานของที่เป็นนะยิส อาหารที่ไม่อนุญาติให้รับประทาน ทรัพย์สินที่ได้มาโดยการฉ้อโกง หลอกลวงต้มตุ๋น ดอกเบี้ย ฯลฯ โดยรวมทุกสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม สิ่งเหล่านี้จะทำให้หัวใจมนุษย์ตายด้านได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตัวอย่างเช่น “ฟิรอูน” เป็นผู้หนึ่งที่หัวใจเขาตายด้านอย่างสมบูรณ์แบบ แม้แต่พระองค์ก็ได้นำทางเขาแล้ว เขาก็ยังไม่ได้รับทางนำ ท่านศาสดามูซา (อ.) แยกทะเลออกเพื่อให้เขาได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระองค์แล้ว มันยังสั่งให้ทหารกระโจนลงไปตายในทะเลอีก นั้นคือเหตุผลที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) กล่าวว่า “ไม่มีการลงโทษใดของพระองค์ที่จะหนักหน่วงและเจ็บแสบที่สุดเท่ากับบทลงโทษที่ทำให้หัวใจของมนุษย์ตายด้านและมืดบอด”
เป้าหมายหลักของการถือศีลอด คือการขัดเกลาจิตวิญญาณ “โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลายการถือศีลได้กำหนดแก่พวกเจ้า เหมือนกับที่เคยกำหนดกับประชาชาติยุคก่อนๆมีการถือศีลอ” การถือศีลอดเคยถูกกำหนดมาแล้วในสมัยก่อนหน้านี้ แต่หนักหน่วงกว่ายุคนี้นัก เช่นการถือศีลอดของศาสดาซะกะริยา (อ.) เมื่อพระองค์มีคำสั่งลงมาให้ท่านถือศีลอดสามวัน (หมายถึงอดอาหารและไม่พูดกับใครด้วย) และท่านหญิงมัรยัม (ซ.) ก็เช่นเดียวกัน อัลลอฮ์ (ซ.บ) ให้นางถือศีลอดสามวันพร้อมกับหยุดพูดคุยกับทุกๆคน
หากในยุคของเราอัลลอฮ์ (ซ.บ) ทรงห้ามพูดกับผู้อื่นในเดือนรอมฎอนเหมือนๆ กับบรรพชนของเราก่อนหน้านี้ คิดหรือว่าพวกเราจะทำได้แบบบรรพชนของเรา เทคนิคของศาสนาอิสลามจึงมีความคลาสสิก ที่เมื่อห้ามมนุษย์ไม่ให้รับประทานอาหาร เมื่ออดอาหารแล้วมนุษย์จึงมีความรู้สึกไม่อยากพูดกันเอง นี่คือการรักษาจิตวิญญาณแบบมีเทคนิคมีกุสโลบายที่เป็นวิทยปัญญาขั้นสูง
ดังนั้นหนึ่งในเป้าหมายของการอดอาหารเพื่อให้มนุษย์หิว คือต้องการให้มนุษย์พูดน้อยลง เป็นการได้รับอนิสงค์จากความหิวโดยมิทันรู้ตัว ทำให้มนุษย์พูดน้อยขึ้นในเดือนนี้ เท่ากับเป็นการชำระล้างจิตใจของมนุษย์โดยอัตโนมัติ และหากมนุษย์พูดเรื่องมนุษย์ด้วยกันน้อยลง มนุษย์ก็จะพูดถึงเรื่องของพระองค์มากขึ้น นั่นคือการรำลึกถึงพระผู้อภิบาลของเขา มนุษย์จะออกห่างจากอัลลอฮ์ (ซ.บ) ไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว หากเราศึกษาในบทดุอาอ์ของบรรดาเอาลิยาอ์ บรรดาอัมบิยาอ์ของพระองค์ ที่มักวิงวอนเป็นนิจสินว่า “ขอให้ฉันได้เชื่อมความสัมพันธ์กับพระองค์ตลอดเวลา และแม้แต่กระพริบตาเดียวก็อย่าได้ให้ฉันออกห่างจากพระองค์”
ดังนั้นการเชื่อมสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับอัลลอฮ์ (ซ.บ) ก็คือการนิ่งเงียบ การที่มนุษย์นิ่งเงียบจิตวิญญาณของมนุษย์จะรวมมาสู่จุดหนึ่งเดียว การมุ่งมั่นของมนุษย์จะไปสู่อัลลอฮ์ (ซ.บ) เราจะสังเกตุได้ว่าอามั้ลของบรรดาเอาลิยาอ์ บรรดาอัมบิยาอ์ยุคก่อนๆหนักมาก ต้องหยุดพูดครั้งละหลายๆวัน เพือจะเชื่อมสัมพันธ์กับอัลลอฮ์ (ซ.บ) แต่ในยุคนี้เป็นอามั้ลที่ง่ายที่สุด แต่ในความง่ายนี้มีวิทยปํญญาที่ประเสริฐ
พระดำรัสของพระองค์ที่ทรงกล่าวว่า “เพื่อต้องการให้เจ้านั้นมีความยำเกรง” เป้าหมายของ อัลลอฮ์ (ซ.บ) ที่ให้มนุษย์ถือศีลอด ก็เพื่อความยำเกรงที่แท้จริง เพื่อให้มนุษย์ใช้ชีวิตทุกย่างก้าวของมนุษย์นั้นด้วยความยำเกรงต่อพระองค์
แต่ทว่าส่วนมากของผู้ที่ถือศีลอดนั้นเขาไม่ได้อะไรเลยนอกจากได้อดอาหารและอดน้ำ เขาไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เช่น อัลกุรอานที่เขาไม่เคยอ่านเลย ก็ยังไม่เคยอ่านเหมือนเดิม อัลกุรอานที่เขาอ่านไม่ได้เขาก็ยังอ่านไม่ได้เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเพิ่มเติมขึ้นมาเลยนอกจากเดือนนี้เขาได้แค่หิวและกระหายเท่านั้น
การทำอิบาดะห์ทุกๆ อย่าง มีเป้าหมายและมีจุดประสงค์ หากมนุษย์ทำอิบาดะห์แต่เขาไม่เข้าใจเป้าหมาย อิบาดะห์นั้นของเขาก็ไม่บังเกิดผล คนที่ถือศีลอดจำนวนมากเขาไม่ได้อะไรเลยเมือเดือนรอมฎอนผ่านไป คนที่ลุกขึ้นมานมาซตะฮัดยุด (นมาซยามดึก) จนตะวันขึ้นเขาก็ไม่ได้อะไรเลยนอกจากอดนอน เพราะเขาไม่ได้มุ่งเน้นไปในหนทางของศาสนา เขาไม่รู้ว่าศาสนาต้องการอะไรจากการกำหนดให้เขานมาซ เขาปฏิบัติแบบว่าต้องปฏิบัติ มากเท่าไหร่ผู้ที่ปฏิบัติอิบาดะห์แบบก้มๆ เงยๆ โค้งๆ และเขาไม่ได้อะไรเลย นอกจากได้จากได้ปฏิบัติเท่านั้น ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ.) จึงได้มีวจนะไว้ว่า “มีคนถือศีลอดโดยไม่ได้อะไรเลยนอกจากความหิวกระหาย”
สรุปคือ อย่าคิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างในศาสนาไม่มีเป้าหมายและไม่มีเหตุผล ทุกๆบทบัญญัติไม่ได้มีมาเพื่อให้มนุษย์ปฏิบัติอย่างเย็นชาแบบไร้จิตวิญญาณ
ขอขอบคุณเว็บไซต์อะฮ์ลุลบัยต์อะคาเดมี