ยุคสุดท้ายของโลก คือยุคสมัยที่สภาพสังคมตกต่ำที่สุด เป็นยุคที่ " เ งิ น ท อ ง " ถูกยกให้เป็นพระเจ้า

������ ท่านศาสดามุฮัมมัด ศ. กล่าวถึงทัศนะคติ มุมมองของผู้คนในยุคสุดท้ายของโลก[อาคิรุซ ซะฮ์มาน]ไว้น่าใจหายเช่นนี้ว่า "เงินตรา ปากท้อง คือพระเจ้า"

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ (صلی‌الله‌علیه‌و‌آله‌وسلّم) یَاْتِی عَلَی النَّاسِ زَمَانٌ بُطُونُهُمْ آلِهَتُهُمْ وَ نِسَاؤُهُمْ قِبْلَتُهُمْ وَ دَنَانِیرُهُمْ دِینُهُمْ

จะมาถึงในยุคสมัยหนึ่ง[ใกล้กิยามัต]พวกเขาถือว่าท้องของพวกเขา คือพระเจ้าของพวกเขา  และผู้หญิงของพวกเขากลับกลายเป็นกิบลัตของพวกเขา และเงินตราของพวกเขา คือศาสนาของพวก

������ ท่านอิมามอะลี อ. ผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากทานศาสดามุฮัมมัด ศ. กล่าวไว้ว่า :

«یَظْهَرُ فِی آخِرِ الزَّمانِ وَ اقتِرَابِ السَّاعَةِ وَ هُوَ شَرُّ الاَزمِنَةِ نِسْوَةٌ کَاشِفاتٌ عَارِیاتٌ مُتَبَرِّجاتٌ مِنَ الدِّینِ دَاخِلاتٌ فِی الفِتَنِ مَائِلاتٌ اِلَی الشَّهَواتِ مُسرِعاتٌ اِلَی اللَّذَّاتِ مُستَحِلّاتٌ لِلْمُحَرَّمَاتِ فِی جَهَنَّمَ خَالِداتٌ. »  (من لا یحضره الفقیه، ج ۳، ص ۳۹۰. )

[ยุคสุดท้ายของโลก-ซึ่งใกล้ที่สุดกับวันกิยามัต]ผู้หญิงจะปรากฎตัว[ตามที่สาธารณะ]ในสภาพเปลือยเปล่า ,เปิดเผยเครื่องประดับให้ได้เห็น[แต่งกายไม่มิดชิดจนเปิดเผยเครื่องประดับที่อยู่บนเรือนร่างให้ชายนอมะรัม-ชายที่สามารถแต่งงานได้ ได้เชยชม]ตกอยู่ในวังวนของการฟิตนะห์ต่างๆนานๆ  ,และพวกเธอโน้มเอียงไปทางยั่วยวน และหันเข้าสู่ตัณหาราคะ ,เปลี่ยนสิ่งฮะรอม[ต้องห้าม]ให้กลายเป็นสิ่งอนุมัติ[ฮะลาล]เช่นนี้แหละที่จะนำพวกนางไปอยู่ในนรก ญะฮันนัม ตลอดกาล

������������‍♂️ ยุคนั้น คือยุคสมัยที่ผู้หญิงทำตัวเหมือนผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ทำตัวเหมือนผู้หญิง และเป็นยุคที่ชายเข้าหาชาย หญิงเข้าหาหญิง  นั้นคือช่วงเวลาที่ท่านอิมามมะดีย์ อ. จะปรากฎกาย

 قِيلَ لِأَبِي عَبْدِ اللَّهِ (عليه السلام) : يَا ابْنَ رَسُولِ اللَّهِ ، مَتَى يَخْرُجُ قَائِمُكُمْ ؟ قَالَ (عليه السلام) : إِذَا تَشَبَّهَ الرِّجَالُ بِالنِّسَاءِ وَالنِّسَاءُ بِالرِّجَالِ ، وَاكْتَفَى الرِّجَالُ بِالرِّجَالِ وَالنِّسَاءُ بِالنِّسَاءِ ،  
(مستدرك الوسائل : ج14، ص261.)

และแน่นอนบุคคลที่ทำตัวเช่นนี้ เขาจะไดรับการถูกสาปแช่งจากอัลลอฮ์ ซ.บ. 

«لَعَنَ  اللَّهِ الْمُتَشَبِّهِينَ مِنَ الرِّجَالِ بِالنِّسَاءِ ، وَالْمُتَشَبِّهَاتِ مِنَ النِّسَاءِ بِالرِّجَالِ»

������ แต่ใช่ว่ายุคสมัยดังกล่าวนี้ จะไร้ซึ่งคนดีเสียเลย เพราะท่านศาสดามุฮัมมัด ศ.  กล่าวถึงกลุ่มคนที่สูงส่งในความศรัทธา และความเชื่อมั่น ไว้ว่า 

"قَالَ النَّبِیُّ (صلی‌الله‌علیه‌و‌آله‌وسلّم) یَا عَلِیُّ اَعْجَبُ النَّاسِ اِیمَاناً وَ اَعْظَمُهُمْ ثَوَاباً قَوْمٌ یَکُونُونَ فِی آخِرِ الزَّمَانِ لَمْ یَلْحَقُوا النَّبِیَّ وَ حُجِبَ عَنْهُمُ الْحُجَّةُ فَآمَنُوا بِسَوَادٍ عَلَی بَیَاض؛    یا علیّ ! 

โอ้อะลีเอ่ย น่าอัศจรรย์ที่สุดสำหรับมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ในเรื่องของความศรัทธา และยิ่งใหญ่ที่สุดในความเชื่อมั่น  พวกเขาคือกลุ่มคนในยุคสุดท้ายของโลก ในสภาพที่พวกเขาไม่เคยได้สัมผัสกับศาสดาของพวกเขาเลย อีกทั้ง ข้อพิสูจน์[อิมามมะห์ดี อ.]ก็ได้เร้นกายไปจากพวกเขา[ถึงพวกเขาจะไม่เคยเห็นนบี ถึงแม้อิมามของพวกเขาจะเร้นกายแต่พวกเขาก็ยังมั่นคงในศรัทธา]ด้วยกับวจนะ[ที่บันทึกไว้ของนบีและอิมาม]และศรัทธาที่ไม่เสื่อมคลาย

������  ใช่แล้วในความมืดมิด ก็ยังมีแสงสว่างให้เราได้เดิน ดังนั้นอยู่ที่ว่า "มนุษย์เราจะเลือกเดินแบบไหน" เพราะวันพิพากษาโลกไม่มีใครที่จะตอบหรืออธิบายแทนใครได้ 

ทำไปเถิดหากคิดว่าสามารถตอบให้กับอัลลอฮ์ในวันพิพากษาได้