เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

โองการศอละวาต

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

โองการศอละวาต


โองการศอละวาต(ซูเราะฮ์ อัลอะฮ์ซาบ :56) กล่าวถึงการกล่าวศอละวาต(ประสาทพร)ของอัลลอฮ์และมวลเทวทูตต่อศาสดาของอิสลามและต้องการให้บรรดาผู้ศรัทธาต่างกล่าวศอละวาตแด่ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)ด้วยเช่นกัน


โดยส่วนมากของชาวชีอะฮ์ เมื่อได้ยินโองการนี้ พวกเขาก็จะกล่าวศอละวาต ทั้งนี้ การอ่านโองการนี้ ถือเป็นคำสั่งที่ควรปฏิบัติหลังนมาซมัฆริบ
อัลลามะฮ์ ฏอบาฏอบาอี เขียนไว้ในตัฟซีรอัลมีซานว่า “การกล่าวคำศอละวาต เป็นการปฏิบัติตามอัลลอฮ์และมวลเทวทูตของพระองค์”
อยาตุลลอฮ์ มะการิม ชีรอซี เขียนในหนังสือพะยอเมกุรอาน(สารอัลกุรอาน)ว่า ตามการยืนยันจากตำราด้านฮะดีษและตัฟซีรของชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ รายงานว่า “การกล่าวศอละวาตให้กับครอบครัวของศาสดา ผู้ทรงเกียรติของอิสลาม เป็นส่วนหนึ่งของการศอละวาต ซึ่งถูกกล่าวไว้ในโองการที่ 56 ของซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ

ตัวบทและคำแปล

 

إِنَّ اللهَ وَ مَلائِكَتَهُ يُصَلُّونَ عَلَى النَّبِيِّ يا أَيُّهَا الَّذينَ آمَنُوا صَلُّوا عَلَيْهِ وَ سَلِّمُو تسلیما

 

คำแปล : “แท้จริงอัลลอฮ์และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ได้ศอละวาต(ประสาทพร) ให้ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)  โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกท่านจงศอละวาตและขอความสันติสุขอย่างสมบูรณ์ให้เขาด้วยเถิด”


เชคฏูซีย์ เขียนในหนังสือมิศบาฮุลมุตะฮัจญิดว่า ให้อ่านโองการนี้ หลังจากนมาซมัฆริบ หลังคำกล่าวตัซบิฮ์ท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (ซ.) (1)ในหนังสือมะฟาติฮุลญินาน เขียนโดยเชคอับบาส กุมมี ก็รายงานจากหนังสือมิศบาฮุลมุตะฮัจญิด ด้วยเช่นกัน(2)
ด้วยเหตุนี้เอง ในประเทศอิหร่าน ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันว่า โองการนี้จะถูกอ่าน โดยผู้หนึ่งผู้ใด หลังจากนมาซในรูปแบบญะมาอะฮ์ (เป็นหมู่คณะ)และผู้ร่วมนมาซจะกล่าวศอละวาตทั้งสามครั้งด้วยกัน(ต้องการแหล่งอ้างอิง)(บันทึกที่ 1)

คำอธิบาย
อัลลามะฮ์ฏอบาฏอบาอี นักตัฟซีร(ศตวรรษที่ 15 ของฮิจเราะฮ์ศักราช) เขียนในตัฟซีรอัลมีซานว่า “ด้วยการยืนยันจากริวายัตบางส่วนที่รายงานโดยซุนนีย์และชีอะฮ์ วิธีการกล่าวศอละวาต คือ การกล่าวศอละวาตของบรรดาผู้ศรัทธาตามที่อัลลอฮ์ทรงต้องการ หมายถึง การกล่าวศอละวาตให้กับศาสดามุฮัมมัดและบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ของเขา(3)และการกล่าวศอละวาตของพวกเขา ถือเป็นการปฏิบัติตามอัลลอฮ์และมะลาอิกะฮ์ของพระองค์ที่กล่าวศอละวาตให้กับศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)และโองการหลังจากนี้(4) ได้สั่งห้ามการรังแกต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ หากผู้ใดก็ตามที่รังแกต่ออัลลอฮ์และศาสนทูตของพระองค์ เขาจะได้รับการสาปแช่งทั้งในโลกนี้และโลกหน้า(5)


ริวายะฮ์จากอิมามมูซา กาซิม (อ.) รายงานว่า อิมามกาซิม (อ.) ได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความหมายของการศอละวาตของอัลลอฮ์ และมะลาอิกะฮ์รวมทั้งบรรดาผู้ศรัทธา โดยอิมาม (อ.)กล่าวว่า การศอละวาตของอัลลอฮ์ หมายถึง ความเมตตาของพระองค์ และการศอละวาตของมวลมะลาอิกะฮ์ หมายถึง การสรรเสริญต่อศาสดา ขณะที่การศอละวาตของผู้ศรัทธา หมายถึง การขอดุอาอ์ ให้กับศาสดา(6)
อยาตุลลอฮ์ มะการิม ชีรอซี หนึ่งในมัรญิอ์ตักลีดของชีอะฮ์ เขียนในหนังสือพะยอเมกุรอานว่า การกล่าวศอละวาตให้กับบรรดาอะฮ์ลุลบัยต์ เป็นส่วนหนึ่งของการศอละวาต ตามรายงานทั้งจากริวายัตของซุนนีย์และชีอะฮ์ และยังมีการยืนยันจากตำราทางด้านฮะดีษและตัฟซีรของชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์อีกด้วย(7) เช่น หนังสืออัลบุคอรี (8) ศอฮิฮ์มุสลิม(9)ตัฟซีรอัดดูรรุลมันษูร(10)และตัฟซีรเฏาะบะรี(11)

ฟัฏล์ บินฮะซัน ฏอบัรซีย์ เขียนในตัฟซีรมัจมะอุลบะยานว่า มีรายงานจากอิมามญะอ์ฟัร ศอดิก (อ.) กล่าวว่า หากผู้ใดก็ตามกล่าวศอละวาตให้กับศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ)บรรดามะลาอิกะฮ์จะกล่าวศอละวาตให้กับเขา 10 ครั้ง และความผิดบาปของเขาจะถูกลบออกไปถึง 10 ครั้งและเขาจะได้รับความดีงาม 10 ครั้งด้วยกัน(12)


เหตุผลของความจำเป็นในการศอละวาต


อยาตุลลอฮ์ นาศิร มะการิม ชีรอซี หนึ่งในมัรญิอ์ตักลีดและนักตัฟซีรของชีอะฮ์ กล่าวว่า จากโองการที่ 56 ซูเราะฮ์อัลอะฮ์ซาบ บ่งบอกว่า การกล่าวศอละวาตให้ศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) เป็นความจำเป็น(วาญิบ) เพียงครั้งเดียวในตลอดช่วงชีวิต(13)และเช่นเดียวกัน ชัยค์มันศูรอะลี นาศิฟ หนึ่งในนักวิชาการชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ ผู้เขียนหนังสืออัตตาญุลญามิอ์ ลิลอุศูร กล่าวว่า  เป็นมติตกลงกันของบรรดาผู้รู้อย่างเป็นเอกฉันท์ว่า การกล่าวศอละวาตและให้สลามกับศาสดามุฮัมมัด นั้นเป็นวาญิบ(14)

 

ที่มา วิกิชีอะฮ์

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม