เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

บทเรียนการรู้จักศัตรู (นัฟซู) ตอนที่ 6

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

บทเรียนการรู้จักศัตรู (นัฟซู) ตอนที่ 6


"  บันไดสามขั้นสู่การเผชิญหน้ากับนัฟซู "
         ถ้าเราต้องการที่จะยืนหยัดต่อสู้กับศัตรูเช่นนัฟซู เราต้องใช้ปฏิบัติการ 7 ขั้นตอน ที่เราจะใช้เป็นพื้นฐานในการต่อสู้กับนัฟซูศัตรูตัวฉกาจของเราได้ คือ 1. ยักฆ์เซาะฮ์ (การตื่นรู้) 2. ตะฟักกุร (การใช้ความคิด) 3. อัซม์(การตั้งใจอย่างแน่วแน่) 4. มุชาร่อเตาะฮ์ (การตั้งเงื่อนไขกับตนเอง) 5. มุรอก่อบะฮ์(การคอยระมัดระวัง) 6. มุฮาซาบะฮ์(การตรวจทาน/การให้คะแนน) 7. ตะซักกู้ร (การรําลึก) เราได้อธิบายไปแล้ว 3 หัวข้อในตอนก่อนหน้า ตอนนี้เราจะมากล่าวถึงอีก 3 ขั้นตอน ซึ่งบรรดานักปฏิบัติด้านจิตวิญญานและบรรดาอาริฟใช้ 3 ขั้นนี้ในการดําเนินชีวิตในแต่ละวัน คือเน้นให้ต้องนํามาปฏิบัติทุกวัน เพื่อเอามาคานกับแรงปรารถนาด้านมืดและอารมณ์ใฝ่ต่ำคือตื่นรู้แล้ว ครุ่นคิดได้แล้ว  ตั้งใจจะทําแล้ว (ผ่านการเตาบะฮ์สํานึกผิดแล้ว) ก็เริ่มลงสู่สนามปฏิบัติจริง (พร้อมออกเดินทาง)
       (ต่อ) สี่ - มูชาร่อเตาะฮ์ - การตั้งเงื่อนไข คือการตั้งเงื่อนไขกับตัวเองในการทํากิจวัตรใด ๆ ก็ตามตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับตา เราจะใช้ศูนย์บัญชาการ(หัวใจ) ควบคุมกองทัพทั้ง 7 ของเรา (ตา หู ปากมือ ท้อง เท้า อวัยวะเบื้องล่าง) ไม่ให้ทําผิดบาป การตั้งเงื่อนไขกับตนเอง เช่น ในวันนี้เราจะทํานมาซช่วงต้นของเวลา จะอ่านอัลกุรอานให้ได้หนึ่งยุซอ์   ไม่ทําผิดทําบาป  การตั้งเงื่อนไขกับตัวเองคือการทําสัญญาระหว่างเรากับตัวเอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วชีวิตคนเรามันช่างสั้นน้อยนิด แต่เรากลับคิดว่ามันยาวนาน เลยไม่ใส่ใจที่จะทําคุณประโยชน์หรือพัฒนาตนเองไปในทิศทางที่ดีงาม ซึ่งเป็นวิธีคิดที่ขาดทุนเป็นอย่างมาก เพราะมนุษย์บนโลกนี้เกิดขึ้นมาแล้วก็จากไปตั้งเท่าไหร่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคนที่ร่ำรวย คนที่สวยหล่อ  มีอํานาจและมีทรัพย์สินมากมาย มาแล้วก็จากไปด้วยกันทั้งนั้น อีกทั้งยังไม่สามารถที่จะหยุดเวลาไว้ได้แม้เพียงเศษเสี้ยวของวินาที และไม่สามารถย้อนเวลากลับไปในอดีตได้ ลองแวะไปเยี่ยมสุสานบ้างแล้วพิจารณาดูว่าแต่ละหลุมที่อยู่ต่อหน้านี้ ก่อนหน้านั้นก็มีชีวิตเหมือนกับเราแล้ววันนี้เขาเอาอะไรไปได้บ้าง
         ห้า - มูรอก่อบะฮ์ - การระมัดระวัง คอยดูแลสิ่งที่เราได้ตั้งเงื่อนไขกับตัวเองไว้ ดูแลรักษาการกระทําของตัวเองให้ครบถ้วน  และใช้โองการในคัมภีร์อัลกุรอานในการช่วยควบคุมความประพฤติอีกชั้นหนึ่ง ถ้าใครที่เชื่อศรัทธาว่าพระองค์ทรงเห็นการกระทําของเราทุกขณะ จะมีใครที่บังอาจทําบาปต่อหน้าพระองค์  ฉะนั้นคนที่กล้าละเมิดฝ่าฝืนคําสั่งของพระเจ้าก็เท่ากับว่าเขาไม่เห็นการมองดูอยู่ของพระองค์อยู่ในสายตาของเขา ท่านอิมามโคมัยนี(ร.ฮ.) ได้กล่าวไว้ว่า “โลกอยู่ต่อหน้าพระพักตร์ของอัลลอฮ์ ดังนั้น จงอย่าละเมิดฝ่าฝืนต่อหน้าพระพักตร์ของพระองค์ "  ถ้าเราตระหนักอยู่เสมอและศรัทธาอย่างแท้จริง  เราจะไม่ทําบาป
หก - มูฮาซาบะฮ์ - การตรวจสอบ การให้คะแนนตัวเองก่อนที่เราจะนอน ตรวจสอบว่าในวันนี้สิ่งที่เราได้ตั้งเงื่อนไขไว้  เราทําสําเร็จตรงไหนแล้วบ้าง?  เราผิดพลาดตรงไหน?  เราหลุดอะไรไปตรงไหนบ้างหรือเปล่า?   สายตาของเราพลาดไปมองอะไรที่เป็นบาปหรือไม่?  หูได้ไปฟังอะไรที่ไม่ดีมาหรือเปล่า? ปากไปพูดอะไรไม่ดีออกไปหรือเปล่า?   ถ้าไม่พลาดเลยก็ขอขอบคุณต่อพระองค์ เพราะการขอบคุณพระองค์จะทรงเพิ่มพูนให้   ถ้าหากเราพลาดก็ต้องขอเตาบะฮ์แล้วเริ่มต้นกันใหม่ เริ่มฝึกไปทีละนิด เราควรเริ่มสํารวจตรวจสอบตัวเอง ก่อนที่จะโดนตรวจสอบในวันกิยามัต เราควรเตรียมความพร้อมรับมือกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะลมหายใจสุดท้ายจะหมดไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้  ท่านศาสดา (ศ็อล) ได้สอนไว้ว่า “ให้ตรวจสอบตัวเจ้าเองก่อนที่จะโดนตรวจสอบ”  หรือคําสอนของท่านอิมามมูซา กาซิม (อ.) ที่กล่าวเตือนว่า “คนที่ไม่เคยตรวจสอบตัวเองในทุก ๆ วัน ไม่ได้มาจากเรา”
       แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นมนุษย์โดยส่วนใหญ่มักชอบตรวจสอบคนอื่นมากกว่าตรวจสอบตัวเอง  เรามักมองข้ามการตรวจสอบเรื่องของตนเองว่า เราผิดพลาดตรงไหน? อะไรที่ประสบความสําเร็จ?  อะไรที่ต้องพยายามทําต่อ?    ถ้าหากผ่านไประดับขั้นหนึ่งแล้วประสบความสําเร็จ ก็ต้องขอขอบคุณพระองค์ ถ้าคะแนนในแต่ละวันดีขึ้น เราก็ควรตั้งเงื่อนไขให้กับตัวเองเพิ่มขึ้นด้วย เช่น  เพิ่มการนมาซที่เป็นมุสตะฮับ นอกจากการนมาซที่เป็นวาญิบ เพิ่มการอ่านอัลกุรอานและดุอาอ์  หรือเพิ่มการถือศีลอดมุสตะฮับหากเงื่อนไขที่เราตั้งใจไว้ประสบความสําเร็จ จะทําให้เราผ่านไปอีกระดับขั้นความเปลี่ยนแปลงจะเกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน และความเปลี่ยนแปลงนี้จะพาเราเข้าใกล้เป้าหมายสูงสุด คือ ความดีงามและความผาสุกที่แท้จริง
         ทั้งหมดที่กล่าวมานี้เปรียบเสมือนเราได้ใบสั่งยา เมื่อเราได้รับการวินิจฉัยโรคแล้ว รู้อาการแล้ว รู้แล้วว่าปัญหาเกิดจากตรงไหน?  แต่แค่ใบสั่งยาอย่างเดียวไม่สามารถทําให้โรคหายขาดได้ต้องไปซื้อยาแล้วนํามากินเพื่อให้ได้ผลในการรักษา เปรียบได้กับการที่เราได้รียนรู้เทคนิคและวิธีการในการต่อสู้กับศัตรู(นัฟซู) เพื่อมารักษาโรคทางจิตวิญญาณ ซึ่งแค่เรียนรู้อย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องนําเอาเทคนิคและวิธีการนั้นมาปฏิบัติด้วยจึงจะเกิดผล ฉะนั้น ต้องตระหนักอยู่เสมอว่า แค่ใบสั่งยาไม่สามารถรักษาโรคได้ฉันใด  การเรียนรู้วิธีต่อสู้กับนัฟซูแต่ไม่ลงมือปฏิบัติก็มิอาจประสบความสําเร็จได้ฉันนั้น...
                           ฮุซัยนียะห์ซัยยิดุชชุฮะดาอ์

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม