อิสลามกับประชาธิปไตย (ตอนที่ 22)

 

อิสลามกับประชาธิปไตย (ตอนที่ 22)


 


วิพากษ์วิจารณ์คุณลักษณะต่างๆ ข้างต้น
คุณลักษณะแรก: ในคุณลักษณะแรก เน้นการแบ่งอำนาจทั้งแบบแท้จริงและโดยผิวเผินในระบอบประชาธิปไตยและระบอบอื่น อย่างไรก็ตาม การเน้นย้ำการมีอยู่ของบางสิ่งไม่ได้พิสูจน์ถึงการมีอยู่จริงของมัน มีเหตุผลต่อต้านคำกล่าวอ้างนี้ด้วยซ้ำ เพราะในระบอบประชาธิปไตยปัจจุบัน เราเห็นประธานาธิบดีที่มีอภิสิทธิ์เหนืออำนาจอื่นๆ แม้แต่รัฐสภา จนบางครั้งถึงขั้นยุบสภาได้ ทั้งที่ตัวประธานาธิบดีเองก็เกิดมาจากใจกลางของรัฐสภา!
คุณลักษณะที่สอง:
ในคุณลักษณะที่สอง ถือว่าพรรคและกลุ่มต่างๆ เป็นอิสระในระบบดังกล่าว และอ้างว่าไม่มีพรรคในระบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย หรือความเป็นรัฐบาลของพรรค ในขณะที่พื้นฐานของการสร้างพรรคในระบอบประชาธิปไตยทุกวันนี้ คือการแสวงหา การรักษาและเพิ่มพูนอำนาจ และโดยพื้นฐานแล้วพรรคต่างๆ จะมีงานพิเศษเพียงงานเดียว นั่นคือการรักษาระบบการปกครอง ในความเป็นจริงเป้าหมายหลักของระบบทุนนิยมในตะวันตกคือการรักษาระบบทุนนิยม แต่สิ่งนี้จะบรรลุผลสำเร็จได้ด้วยหนทางใด วิธีการและเครื่องมือใดเป็นไปได้มากกว่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ใช่แล้ว ทุกวันนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุสิ่งนี้ด้วยเครื่องมือเมื่อหลายศตวรรษก่อน ประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมเป็นวิธีการปกป้องที่ดีที่สุด อีกด้านหนึ่ง สิ่งนี้ไม่บรรลุผลสำเร็จเว้นแต่การแบ่งงานกันของบรรดาผู้เรียกร้อง ผลที่ตามมา; งานที่สำคัญนี้ต้องใข้หลายพรรคร่วมกัน พรรคที่ไม่เคลือบแคลงใจในหลักการสำคัญและพื้นฐานข้างต้นแม้แต่น้อยและจงรักภักดีต่อการธำรงไว้ซึ่งระบบทุนนิยม(Capitalism) ทว่าพวกเขาอนุญาตให้ระดับหนึ่ง ให้เยาะเย้ยและแม้แต่กล่าวสบถและดูหมิ่นพรรคที่มีอำนาจปกครองได้ เพื่อดึงดูดผู้ที่ไม่พอใจฝ่ายปกครองให้มาอยู่ฝ่ายตนและทำให้หลักการของระบบถาวรยิ่งขึ้น
นี่เป็นประเด็นที่ไม่ถูกปิดบังไว้จากชาวตะวันตก และด้วยเหตุนี้ โดยปกติแล้ว คนมากกว่าครึ่งหนึ่งในตะวันตกไม่ได้เป็นสมาชิกของพรรคใดอย่างเป็นทางการ
เช่นกันสถานการณ์ในภาคตะวันออกและในที่ต่างๆ ที่พวกเขาพบว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามหลักการของระบบของพวกเขาด้วยระบบพรรคเดียว จริงๆ แล้ว; จากมุมมองนี้ ไม่มีความแตกต่างมากนักระหว่างตะวันตกของจักรวรรดินิยมและค่ายของสังคมนิยม ด้านหนึ่งคือเสรีประชาธิปไตยและอีกด้านหนึ่งคือสังคมประชาธิปไตย ในความเป็นจริง นับเป็นความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่กว่าที่จะคิดว่าสิทธิของชนกลุ่มน้อยได้รับการเคารพในระบบจักรวรรดินิยม การยกเลิกกล่องลงคะแนนในทศวรรษปัจจุบันในแอลจีเรีย เพียงเพราะผิดที่ชัยชนะเป็นของพวกต้องการอิสลามและพรรคอิสลามแห่งแอลจีเรีย และเช่นกัน การปะทะกันที่เลวร้ายและทำลายล้างของรัฐบาลอเมริกันในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมากับชนกลุ่มน้อยในอเมริกาและกรณีอื่นๆ หลักฐานทั้งหมดนี้ยืนยันถึงการกดขี่ของคนส่วนใหญ่ต่อคนส่วนน้อยและในทางกลับกัน เกิดขึ้นในระบอบประชาธิปไตยบางประเทศ
คุณลักษณะที่สาม:
ในลักษณะที่สาม ระบุว่า {หลักการที่สำคัญที่สุดของประชาธิปไตยคือการตระหนักถึงข้อผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหานี้สามารถขจัดออกได้โดยการกำกับดูแลของประชาชน} ไม่ต้องสงสัยเลยว่าในระบบเผด็จการมีการเซ็นเซอร์อย่างหนักหน่วงและความรุนแรงที่ไม่จำเป็น ผู้คนถูกลิดรอนเสรีภาพทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตามการยอมรับคำกล่าวนี้ไม่ได้หมายความว่าในระบบประชาธิปไตยจะมีเสรีภาพต่างๆ ที่หลากหลาย เนื่องจากบางครั้งมีการใช้เผด็จการโดยบุคคลและบางครั้งก็ใช้โดยคนส่วนใหญ่หรือส่วนน้อย บางคนเช่น เรเน่ กัวนอน ออสวอลด์ สเปงเลอร์ โจเซฟ ชุมปีเตอร์... พวกเขาเชื่อว่าประชาธิปไตยคือการปกครองของชนชั้นนำ ไม่ใช่การปกครองของคนส่วนใหญ่ โจเซฟ ชุมปีเตอร์ (Joseph Schumpeter) ได้สรุปจุดเด่นประเด็นเดียวของประชาธิปไตยอยู่ที่การแข่งขันของชนชั้นนำและเชื่อว่าประชาชนทั่วไปเข้าไม่ถึงที่จะตัดสินใจมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง! ในขณะที่ สเปงเลอร์ (Spengler) แยกความแตกต่างระหว่างประชาธิปไตยแบบเก่ากับแบบใหม่ เชื่อว่าในระบอบประชาธิปไตยปัจจุบัน ประเทศชาติไม่มีอะไรมากไปกว่าเครื่องมือที่อยู่ในมือของผู้มีอำนาจ ดังนั้น นักวิชาการบางคนจึงถือว่าคำกล่าวที่ว่าการปกครองโดยเสียงข้างมากนั้นไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ทั้งที่บางคนสนับสนุนเผด็จการเสียงข้างมาก และบางคนสนับสนุนเผด็จการเสียงข้างน้อย ในขณะเดียวกัน ตามคำกล่าวของ คาร์ล ป็อบเปอร์ (Karl Popper) แม้ว่าประชาธิปไตยจะไม่ใช่การปกครองโดยเสียงข้างมาก แต่ก็เป็นสิ่งที่พึงปรารถนาอย่างยิ่งที่จะหลีกหนีจากระบอบเผด็จการ คาร์ล ป็อบเปอร์ ได้ให้คำตอบแก่คำถามที่ว่า “ประชาธิปไตยยังคงเป็นสถาบันที่เต็มไปด้วยปัญหาความขัดแย้งและอุปสรรค และจริงๆ แล้วตัวคุณเองมักจะกล่าวถึงความขัดแย้งของประชาธิปไตย ความขัดแย้งเหล่านี้คืออะไร? เขาตอบว่า:
นี่คือประเด็นสำคัญยิ่งที่หากนำคำว่าประชาธิปไตยตามความหมายในภาษากรีกซึ่ง แปลว่าการปกครองของประชาชน สิ่งนั้นจะพาเราออกจากปัญหา เพราะปัญหา พื้นฐานในระบอบประชาธิปไตยคือการหลีกเลี่ยงเผด็จการ หรืออีกนัยหนึ่งคือการ หลีกเลี่ยงจากการขาดเสรีภาพ หลีกเลี่ยงการปกครองที่มิใช่หลักนิติธรรม
นอกจากนี้ยังกล่าวว่า:
ประชาธิปไตยไม่เคยเป็นการปกครองของประชาชนและต้องไม่เป็นเช่นนั้น
ตอนนี้สิ่งที่น่าประหลาดใจคือการมีอยู่ของความขัดแย้งในการกำจัดความขัดแย้งนี้ เพราะตามที่พวกเขายอมรับแล้วว่าประชาธิปไตยไม่ใช่การปกครองของเสียงข้างมากและโดยพื้นฐานแล้วไม่ใข่เป็นการปกครองของประชาชน จะเป็นหนทางหลุดพ้นจากอำนาจเผด็จการ ขาดเสรีภาพ และไม่ใช่หลักนิติธรรมได้อย่างไร! เขาสามารถบรรลุสิ่งที่สำคัญเช่นนี้ด้วยการปกครองของชนกลุ่มน้อยได้อย่างนั้นหรือ? ถ้าใช่; คนอื่นอาจมีคำพูดที่ดีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่เขายังคงยอมรับอีกว่า:
แต่หนึ่งในหลักการของประชาธิปไตยไม่ใช่ว่าคนส่วนใหญ่จะถูกเสมอไป ส่วนใหญ่ อาจทำผิดพลาดอย่างใหญ่ที่สุด เป็นไปได้ถึงขั้นที่ว่าเขาอาจลงคะแนนเสียงเพื่อจัดตั้ง การปกครองแบบเผด็จการตามเสียงส่วนใหญ่ก็ได้; ตัวอย่างเช่น ในออสเตรีย ผู้คน มากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ลงคะแนนเสียงให้ฮิตเลอร์ในช่วงเวลาวิกฤต
ตามที่กล่าวมาผ่าน เกี่ยวกับการปกครองของเสียงข้างมาก การปกครองของประชาชนและ...ถือเป็นคุณลักษณะหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย จะสิ้นสลายและถูกลืมเลือนไป นอกจากนี้ สิ่งที่ระบุไว้ในคุณลักษณะที่สามว่าเป็นหลักการที่สำคัญที่สุดสำหรับประชาธิปไตย นั่นคือการกำกับดูแลที่ดีของประชาชนในการปกครองและเสรีภาพในการพูดและการวิจารณ์ที่ดี ล้วนให้ผลตามเป้าหมายของเสรีนิยมเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเราถามว่า: การกำกับดูแลของประชาชนในระบอบประชาธิปไตยอยู่ในหมวดใด? เป็นการกำกับดูแลแบบดำเนินการเอง (อิสติศวาบ-Active)หรือเพียงแค่ผู้ตรวจสอบผ่านกระบวนการต่างๆ (อิสติฎลาอ์)? การกำกับดูแลแบบแบบดำเนินการเอง สำหรับประชาชนในระบอบประชาธิปไตยนั้นเป็นอันตกไปตามที่ได้กล่าวมา แต่หากใครกล่าวว่า:ในระบอบประชาธิปไตย อย่างน้อยที่สุดประชาชนก็มีการกำกับดูแลแบบตรวจสอบผ่านกระบวนการต่างๆ คำตอบคือ ข้อมูลชาวบ้านแบบนี้ไม่ถือว่ามีประโยชน์ในทางปฏิบัติและจะไม่เป็นผลประการใด

 

ฮุจญะตุลอิสลาม ดร. นัศรุลลอฮ์ สิคอวะตี ลอดอนี/เขียน
เชคอิมรอน พิชัยรัตน์/แปล