เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

ใคร ? คือกลุ่มคนที่อัลลอฮ์ ทรงอนุญาติให้เข้าถึงแก่นแท้ของอัล-กุรอ่านได้....

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

ใคร ? คือกลุ่มคนที่อัลลอฮ์ ทรงอนุญาติให้เข้าถึงแก่นแท้ของอัล-กุรอ่านได้....


อัล-กุรอาน ในทัศนะของชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์ และชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ หมายถึงพระพจนารถของอัลลอฮ์ ซ.บ. ที่ถูกประทานลงมาแด่ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ศ. และหมายถึงกุรอานที่ไม่มีข้อผิดพลาดใด ๆมากล้ำกลาย ไม่ว่าจากเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อันเป็นธรรมนูญสูงสุดของมวลมุสลิม ทั้งในแง่ของบทบัญญัติ ในแง่ของการเคารพภักดีต่อพระผู้เป็นเจ้า(อิบาดะฮ์) และในแง่ของหลักศรัทธาทั้งหลาย ผู้ใดที่สงสัยหรือลบหลู่คัมภีร์นี้ถือว่า หมดสภาพจากการนับถือศาสนาอิสลาม ดั้งนั้น บรรดามุสลิมทั้งหลาย มีความเชื่อตรงกันในเรื่องของความบริสุทธิ์และให้ความเคารพต่อคัมภีร์ และถือว่า ไม่มีใครสัมผัสคัมภีร์ได้นอกจากผู้บริสุทธิ์
แต่บรรดามุสลิมทั้งหลาย มีความแตกต่างกันในด้านการตัฟซีรให้ความหมายและการตีความอัล-กุรอาน บรรดาชีอะฮฺถือว่า การตัฟซีร และการตีความนั้น ต้องย้อนกลับไปยึดถือตามแนวทางของบรรดาอิมามแห่งอะฮฺลุลบัยต์ อ.
ทำไม ? ต้องอะห์ลุลบัยต์นบี เท่านั้น !!
ก็เพราะ ชาวชีอะฮ์ อิมามียะฮ์ นั้น ถือว่า บรรดาอิมามแห่งอะฮ์ลุลบัยต์ อ. เป็นกลุ่มที่ทรงสิทธิ์ในการอธิบายอัล-กุรอาน และการตีความ กล่าวคือ อะฮ์ลุลบัยต์ อ. เป็นบรรดาผู้สันทัดในวิชาการ และเป็น อะฮฺลุซซิกรฺ ตามที่อัลลอฮฺทรงบัญชาให้พวกเราย้อนกลับไปหา
และ ข้าพเจ้าจะขอหยิบยกตัวอย่างหนึ่งมาเสนอ เพื่อยืนยันถึงคำสอนของชีอะฮ์ในบทนี้ ก็เพื่อให้ท่านผู้อ่านที่มีเกียรติ เข้าใจอย่างชัดเจนว่า ชีอะฮ์นั้นมิได้กล่าวอย่างอื่น นอกเหนือจากที่อัล-กุรอานได้กล่าวไว้ เท่านั้น
ดังนั้นเราลองมาอ่านโองการนี้พร้อม ๆกัน
فَلَا أُقْسِمُ بِمَوَاقِعِ النُّجُومِ وَإِنَّهُ لَقَسَمٌ لَّوْ تَعْلَمُونَ عَظِيمٌ إِنَّهُ لَقُرْآنٌ كَرِيمٌ فِي كِتَابٍ مَّكْنُونٍ لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ
[56:75-79]ดังนั้น ข้าขอสาบานด้วยตำแหน่งต่าง ๆ(สถานที่ตก)ของดวงดาว และแท้จริงมันเป็นการสาบานที่ยิ่งใหญ่ หากพวกเจ้ารู้ แท้จริงมันคือ อัล-กุรอานอันทรงเกียรติ อยู่ในคัมภีร์ที่ถูกพิทักษ์ไว้ ไม่มีใครสัมผัสมันได้นอกจากบรรดาผู้บริสุทธิ์ เท่านั้น”
لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ
จะไม่มีใครสัมผัส[เข้าใจ]อัลกุรอ่านได้ ยกเว้นผู้บริสุทธิ์แล้วเท่านั้น
ข้อสังเกตุ.
หลังจากที่ทรงสาบานแล้วพระองค์ก็ได้เน้นว่าแท้จริงมัน หมายถึงคัมภีร์อัล-กุรอานอันทรงเกียรติอยู่ในคัมภีร์ที่ถูกพิทักษ์ไว้ และของที่ถูกพิทักษ์ไว้นั้นจะต้องเป็นของที่อยู่ภายในและถูกปิดบังไว้ หลังจากนั้น พระองค์ได้ตรัสอีกว่า
[ لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ]
“ไม่มีผู้ใดสัมผัสมันได้ นอกจากบรรดาผู้สะอาดบริสุทธิ์ เท่านั้น”
คำว่า “ไม่มี” จะมีความหมายเป็นอย่างอื่นมิได้ นอกจากจะต้องหมายถึงการปฏิเสธ เพราะเหตุว่าคำๆนี้ถูกนำมากล่าวถึงหลังจากการสาบานและคำว่า “สัมผัสกับมัน” ในที่นี้หมายถึงการเข้าถึงและการมีความเข้าใจ โดยที่มิได้มีความหมายตามที่บางกลุ่มคาดคิดกันขึ้นมาว่าการจับต้องด้วยมือ เพราะว่า ระหว่างการจับต้องด้วยมือกับการสัมผัสนั้นมีความแตกต่างกันดังเช่นโองการที่ว่า
إِنَّ الَّذِينَ اتَّقَوْا إِذَا مَسَّهُمْ طَائِفٌ مِّنَ الشَّيْطَانِ تَذَكَّرُوا فَإِذَا هُم مُّبْصِرُونَ
“แท้จริงบรรดาผู้สำรวมตนนั้นในเมื่อสมัครพรรคพวกของชัยฏอนได้มา สัมผัส กับพวกเขา พวกเขาก็จะรำลึกใคร่ครวญ ดังนั้น พวกเขาก็ได้มองเห็นชัดแจ้ง” (อัล-อะอฺรอฟ อายะฮ์ 201)
และทรงมีโองการอีกว่า
الَّذِينَ يَأْكُلُونَ الرِّبَا لَا يَقُومُونَ إِلَّا كَمَا يَقُومُ الَّذِي يَتَخَبَّطُهُ الشَّيْطَانُ مِنَ الْمَسِّ ذَٰلِكَ
“แท้จริงบรรดาผู้กินดอกเบี้ยจะดำรงอยู่มิได้ นอกจากจะดำรงอยู่อย่างคนที่ชัยฏอนสิ่งสู่เนื่องจาก การสัมผัส ” (อัล-บะเกาะเราะฮฺ อายะฮ์ที่ 275)
ดังนั้น การสัมผัสตามความหมายตรงนี้เกี่ยวข้องกับสติปัญญา การเข้าถึงมิได้หมายถึงการจับต้องด้วยมือ
ฉะนั้นสำหรับคำว่า ผู้สะอาดบริสุทธิ์ ในโองการนี้ (มุเฏาะฮารูน) เป็น อิซม์มัฟอูล (คำนามที่ตกเป็นกรรม) หมายความว่า ได้มีการทำให้ความสะอาด บริสุทธิ์มีขึ้นแก่พวกเขา แน่นอน อัลลอฮ์ ซ.บ. ก็ทรงมีโองการหนึ่ง ความว่า
إِنَّما يُريدُ اللَّهُ لِيُذهِبَ عَنكُمُ الرِّجسَ أَهلَ البَيتِ وَيُطَهِّرَكُم تَطهيرًا
[33:33]อันที่จริง อัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะขจัดความมลทินให้เพียงแต่สูเจ้า โอ้อะฮฺลุลบัยต์ และทรงชำระขัดเกลาสูเจ้าให้สะอาดบริสุทธิ์ยิ่ง”
ดังนั้น โองการที่ว่า ไม่มีใครสัมผัสมันได้ นอกจากผู้สะอาดบริสุทธิ์ จึงหมายความว่า ไม่มีใครเข้าถึงสารัตถะที่แท้จริงของอัลกุรอานได้ นอกจาก อะฮฺลุลบัยต์นบี เท่านั้น ด้วยเหตุนี้ ท่านศาสนทูตแห่งอัลลอฮ์ ได้กล่าวถึงพวกเขาไว้ว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : ” النُّجُومُ أَمَانٌ لِأَهْلِ الْأَرْضِ مِنَ الْغَرَقِ ، وَأَهْلُ بَيْتِي أَمَانٌ لِأُمَّتِي مِنَ الِاخْتِلَافِ ، فَإِذَا خَالَفَتْهَا قَبِيلَةٌ مِنَ الْعَرَبِ اخْتَلَفُوا فَصَارُوا حِزْبَ إِبْلِيسَ “
“ดวงดาวคือสัญลักษณ์แห่งความปลอดภัยของชาวโลกเพื่อให้พ้นจากความล่มจม และบรรดาอะฮฺลุลบัยตฺของฉัน คือความปลอดภัยสำหรับประชาชาติของฉันให้พ้นจากความขัดแย้ง ดังนั้น อาหรับเผ่าใดขัดแย้งกับพวกเขาก็จะเกิดความแตกแยกกัน แล้วพวกเขา(ผู้ที่ขัดเเย้งกับอะห์ลุลบัยต์)ก็จะกลายเป็นพรรคหนึ่งของอิบลีสชัยฎอน”
และสิ่งนี้ก็ยังถูกกำลับไว้ตั้งแต่เเรกเริ่ม โดยท่านศาสดา ศ. เอง  ท่านอบูสะอีด อัลคุดรี เล่าว่า ท่านศานทูตแห่งอัลลอฮ์ กล่าวว่า :
إنَّ منكم مَن يُقاتِلُ على تأويلِ القرآنِ كما قاتَلْتُ على تنزيلِهِ، قال أبو بكرٍ: أنا هو يا رسولَ اللهِ؟ قال: لا، قال عُمَرُ: أنا هو يا رسولَ اللهِ؟ قال: لا، ولكنْ خاصِفُ النَّعْلِ، قال: وكان أعطى عليًّا نَعْلَهُ يَخصِفُها.
عرض مختصر..
الراوي : أبو سعيد الخدري | المحدث : شعيب الأرناووط | المصدر : تخريج شرح السنة
الصفحة أو الرقم : 2557 | خلاصة حكم المحدث : صحيح
แท้จริง‏ในหมู่พวกท่าน จะมีผู้ที่ต่อสู้อย่างแข็งขันในการอธิบายอัลกุรอ่าน(ให้ถูกต้อง)‏เหมือนฉันที่เคยต่อสู้มาแล้วในการประทานลงมาของอัลกุรอาน‏
ท่านอบูบักรถามว่า โอ้รอซูลุลลอฮ์เขาคือ ท่านอบูบักร ถามว่า โอ้รอซูลุลลอฮ์ เขาคนนั้น คือ ฉันใช่ไหม ?!
"‏ท่านศาสดา ศ. ตอบว่า "ไม่ใช่
ท่านอุมัร ถามว่า ‏ท่านอุมัรถามว่า โอ้รอซูลุลลอฮ์เขาคนนั้นคือฉันใช่ไหม ? ไม่ใช่ ! นบีตอบ
ต่อมาท่านศาสดา จึงกล่าวว่า ‏:
แต่เขาคือคนซ่อมรองเท้า ปรากฏว่าท่านรอซูลได้เอารองเท้าของท่านให้ท่านอะลี
‏ซึ่งเขากำลังซ่อมมันอยู่
นี้คือเหตุผลที่เรารับซุนนะห์นบี โดยผ่านอะห์ลุลบัยต์ของท่านเท่านั้น เพราะพวกท่านคือ  มุเฎาะฮ์ ฮารูน และไม่มีใครเข้าถึงแก่นแท้ของอัลกุรอ่านได้ ยกเว้น มุเฎาะฮะรูน
[ لَّا يَمَسُّهُ إِلَّا الْمُطَهَّرُونَ]

บทความโดย เชคอันศอร เหล็มปาน

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม