ยะซีดตีศรีษะอิมามฮูเซน ตอนที่ 1


ยะซีดตีศรีษะอิมามฮูเซน ตอนที่ 1


1.อิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวว่า
โดยสรุปนั้น ไม่เป็นที่รู้จักกันในอิสลามว่า บรรดามุสลิมนั้นได้จับตัวสตรีเป็นเชลยศึกทั้งๆที่พวกเขารู้จักดีว่าสตรีเหล่านั้นคือคนตระกูลฮาชิม และครอบครัวของฮูเซนไม่เคยถูกจับเป็นเชลยศึก
มินฮาญุซซุนนะฮ์ เล่ม 3 หน้า 177
2.อิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวว่า
ศรีษะของฮูเซนถูกส่งไปให้อุบัยดุลลอฮ์ บินซิยาด และเขาได้ตีศรีษะลงตรงฟันด้วยไม้ในมือของเขา เรื่องนี้มีหลักฐานยืนยันถูกต้อง
ส่วนเรื่องศรีษะของฮูเซน ถูกส่งไปให้ยาซีด นั้นเป็นเรื่องเท็จ
มินฮาญุซซุนนะฮ์ เล่ม 4 หน้า 462
อิบนุกะษีร (ลูกศิษย์อิบนุตัยมียะฮ์) หักล้างอาจารย์ของเขา
1.อิบนุกะษีรกล่าวว่า
อุละมาอ์มีความเห็นขัดแย้งกันหลังจากนี้ เกี่ยวกับศรีษะ(ของฮูเซน) ว่า อิบนุซิยาด ส่งศรีษะนั้นจากกูฟะฮ์ไปให้ยาซีดที่เมืองช่าม หรือ ไม่?
ประเด็นนี้มีสองทัศนะ
ทัศนะที่หนึ่ง ใกล้เคียงที่สุด(ส่งไปให้ยาซีดจริง) และมีรายงานในเรื่องนั้นมากมาย วัลลอฮุอะอ์ลัม
อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ ผู้แต่ง อิบนุกะษีร เล่ม 5 หน้า 700
2.อิบนุกะษีรกล่าวว่า
ส่วนกรณี ศรีษะของฮูเซน ดังนั้นที่มัชฮูรในหมู่นักประวัติศาสตร์อิสลามและในหมู่อุละมาอ์ด้านชีวประวัติ(บุคคลสำคัญในอิสลาม)เป็นที่รู้กันดีว่า อิบนุซิยาดได้ส่งศรีษะนั้นไปให้ยาซีดบินมุอาวียะฮ์
และส่วนหนึ่งจากมนุษย์ปฏิเสธเรื่องนั้น(คือไม่ยอมรับว่าส่งไปให้ยาซีดจริง)
และตามทัศนะของฉัน(อิบนุกะษีร) ทัศนะที่หนึ่ง คือทัศนะที่มัชฮูรที่สุด(คือส่งไปให้ยาซีดจริง) วัลลอฮุอะอ์ลัม
อัลบิดายะฮ์ วันนิฮายะฮ์ เล่ม 5 หน้า 712
ทีนี้มาฟังตาบิอีนชื่อ > อัลลัยษ์ บินสะอัด อัลฟะฮ์มี (ตาบิอีน) เล่ากัน
อัซซะฮะบีลูกศิษย์อิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวว่า
الليث بن سعد الفهمى : أحد الاعلام والائمة الاثبات.ثقة حجة بلا نزاع
อัลลัยษุ บิน สะอัด คือหนึ่งจากนักปราชญ์ผู้ทรงคุณวุฒิ
และหนึ่งจากบรรดาอิหม่าม ที่มีความมั่นคง ผู้ที่เชื่อถือได้ในการรายงานฮะดีษ ผู้ที่เป็นฮุจญัตหลักฐาน โดยไม่มีความขัดแย้ง(ในหมู่อุละมาอ์)
มีซานุลอิ๊อ์ติดาล เล่ม 3 : 409 อันดับที่ 7457
ตาบิอีนชื่ออัลลัยษุเล่าว่ายาซีดตีศรีษะของอิมามฮูเซนที่ดามัสกัส
 อัลลัยษ์ บินสะอัดได้เล่าว่า
อิมามฮูเซนบุตรอะลี ได้ปฏิเสธที่จะยอมจำนนเป็นเชลย
กองทัพยาซีดจึงได้รบกับท่าน
แล้วพวกเขาได้สังหารท่าน ลูกๆของท่าน และมิตรสหายของท่านที่ได้ต่อสู้พร้อมกับท่าน ที่แผ่นดินมีชื่อว่า ต็อฟ(กัรบาลา)
ท่านอะลี(ซัยนุลอาบิดีน)บุตรอิมามฮูเซน, ฟาติมะฮ์บุตรีของอิมามฮูเซน, สุกัยนะฮ์บุตรีของอิมามฮูเซน
ถูกคุมตัวส่งไปให้อุบัยดุลลอฮ์ บินซิยาด(ที่กูฟะฮ์)เวลานั้นอิมามอะลีซัยนุลอาบิดีนมีอายุบรรลุศาสนภาวะแล้ว
พวกเขา(ครอบครัวของอิมามฮูเซน)ถูกส่งตัวไปให้ยาซีด บุตรมุอาวียะฮ์(ที่ดามัสกัส)
ยาซีดสั่งให้นำท่านหญิงสุกัยนะฮ์ไปอยู่ด้านหลังบัลลังก์ของเขา เพื่อไม่ให้นางเห็นศรีษะบิดาของนางและญาติสนิทของนาง
ส่วนท่านอะลีซัยนุลอาบิดีนบุตรชายอิมามฮูเซนถูกล่ามไว้
فَوَضَعَ رَأْسَهُ، فَضَرَبَ عَلَى ثَنِيَّتَيِ الْحُسَيْنِ رَضِيَ اللهُ عَنْهُ، فَقَالَ
เขาได้วางศรีษะของอิมามฮูเซนลง(ต่อหน้ายาซีด)
แล้วยาซีดได้ตีลงไปที่ฟันของอิมามฮูเซน>
พลางร่ายกลอนว่า
เราแยกศรีษะออกจากร่างบรรดาชายอันเป็นที่รัก พวกเขาคือพวกที่เนรคุณและอธรรมที่สุดต่อเรา
ท่านอะลีซัยนุลอาบิดีนบุตรอิมามฮูเซนได้กุรอ่านอายัตนี้
[ไม่มีมุซีบัตใดเกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ และไม่มีแม้แต่ในตัวของพวกเจ้าเอง เว้นแต่ ได้มีไว้ในบันทึก ก่อนที่เราจะบังเกิดมันขึ้นมา แท้จริงนั่นมันเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮ์] ซูเราะฮ์อัลหะดีด : 22
ทำให้ยาซีดลำบากใจที่จะร่ายกลอนต่อไป
และท่านอะลีบุตรอิมามฮูเซนได้อ่านโองการส่วนหนึ่งของอัลกุรอ่านอีก
แล้วยาซีดได้ยกอายัตกุรอ่านมาตอบโต้ว่า
แต่ทว่า [ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายไว้ และพระองค์ทรงอภัย(ความผิดให้)มากต่อมากแล้ว] ซูเราะฮ์อัชชูรอ : 30
ท่านอะลีบุตรอิมามฮูเซนได้กล่าวว่า
ขอสาบานต่ออัลลอฮ์ว่า ถ้าหากท่านรอซูลุลลอฮ์(ปู่ทวดของฉัน)เห็นพวกเราถูกล่ามไว้ ท่านต้องอยากให้ถอดล่ามนี้ออกไปจากพวกเราแน่นอน
ยาซีดกล่าว ท่านพูดถูกต้อง เขาสั่งให้ถอดล่ามนั้นออกจากพวกเขา
ท่านอะลีบุตรอิมามฮูเซนได้กล่าวว่า และถ้าหากพวกเราอยู่ต่อหน้าท่านรอซูลุลลอฮ์แต่อยู่ไกล ท่านต้องอยากให้เอาพวกเรามาอยู่ใกล้ๆท่านแน่นอน
ยาซีดกล่าว ท่านพูดถูกต้อง เขาสั่งให้เอาพวกเขามาอยู่ใกล้ๆกับเขา
ฟาติมะฮ์กับสุกัยนะฮ์บุตรสาวของอิมามฮูเซนก็พยายามชะโงกมอง เพื่อจะดูศรีษะบิดาของนางทั้งสอง
ส่วนยาซีดก็พยายามเข่งตัวในที่ประชุม เพื่อบังศรีษะของอิมามฮูเซนเอาไว้
ต่อมายาซีดสั่งให้นำตัวพวกเขาไปไว้ แล้วไกล่เกลี่ยกับพวกเขา และพวกเขาถูกนำออกไปที่นครมะดีนะฮ์
อ้างอิงจากหนังสือ
1.อัลฮัยษะมี ตายฮ.ศ. 807 วิจารณ์ว่า รายงานโดยอัตต็อบรอนี และบรรดานักรายงานฮะดีษนี้ คือผู้ที่เชื่อถือได้
มัจญ์มะอุซ ซะวาอิด เล่ม 9 หน้า 312 – 313 ฮะดีษที่ 15148
2.เชคฮัมดี อับดุลมะญีด อัสสะละฟี วิจารณ์ว่า อัลฮัยษะมีกล่าวในมัจญ์มะอุซซะวาอิด เป็นนักรายงานฮะดีษที่เชื่อถือได้
มุอ์ญัมกะบีร เล่ม 3 หน้า 104 ฮะดีษที่ 2806
สองคำถามที่เกิดขึ้นในใจของมุสลิมที่ฟังเรื่องนี้คือ
1.ท่านนบีมุฮัมมัด(ศ)ได้กล่าวว่า
كَسْرُ عَظْمِ الْمَيِّتِ كَكَسْرِهِ حَيًّا
การหักกระดูกของผู้ตาย ก็เหมือนกับการหักกระดูกของเขาในขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่(คือห้ามทำเพราะเป็นบาป)
รายงานโดย อบีดาวูด,อิบนิมาญะฮ์ อิหม่ามอะหมัด เป็นฮะดีษซอฮิฮ์
การตายในอิสลามนั้น มิใช่หมายถึงการสูญสลายหายไป แต่หมายถึง การย้ายจากวิถีชีวิตรูปแบบหนึ่งไปสู่วิถีชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง
ดังนั้น ถึงแม้ว่าเขาจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่เกียรติและศักดิ์ศรีของเขา จะยังคงมีอยู่เหมือนกับตอนที่เขายังมีชีวิต
การที่ยาซีดเอาไม้ตีศรีษะอิมามฮูเซน เป็นการดูหมิ่นเหยียดหยามเกียรติและศักดิ์ศรีของท่านนบีมุฮัมมัดใช่ไหม
เพราะท่านนบีกล่าวว่า
حُسَيْنٌ مِنِّي، وَأَنَا مِنْ حُسَيْنٍ، أَحَبَّ اللَّهُ مَنْ أَحَبَّ حُسَيْنًا
ฮุเซนมาจากฉันและฉันมาจากฮูเซน ขออัลลอฮ์โปรดมอบความรักแ..ผู้ที่แสดงความรักต่อฮูเซนด้วยเถิด
รายงานโดย อัตติรมิซี และ อิบนิมาญะฮ์
2.ตามหลักการอิสลาม เมื่อมีมุสลิมคนหนึ่งเสียชีวิต
สุนัตให้รีบจัดการศพ ดังนี้ 1.อาบน้ำศพ
2.ห่อศพ
3.ละหมาดญะนาซะฮ์
4. ฝังศพ
หากยาซีดรักและเคารพอิมามฮูเซนจริง ทำไมเขาไม่รีบ1.อาบน้ำศพ 2. ห่อศพ 3. ละหมาดญะนาซะฮฺ 4. ฝังศรีษะของอิมามฮูเซน ?
وَقُلْ جَاءَ الْحَقُّ وَزَهَقَ الْبَاطِلُ
จงกล่าวเถิด เมื่อความจริงได้มา และความเท็จย่อมมลายไป

บทความโดย เชคญะวาด สว่างวรรณ