เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม

อิมามอะลีคือสัจธรรม

0 ทัศนะต่างๆ 00.0 / 5

อิมามอะลีคือสัจธรรม

อิสลามเป็นศาสนาแห่งความสันติ โดยปฏิเสธการเข่นฆ่า และการหลั่งเลือดโดยไม่ชอบธรรม การทำสงครามทุกครั้งที่เกิดขึ้นในสมัยของท่านศาสดา(ศ็อลฯ) นั้นเป็นการทำสงครามเพื่อป้องกันตัว หมายความว่าเป็นสงครามที่เกิดขึ้นเพื่อป้องกันชีวิต

ท่านศาสดามุอัมมัด พยายามที่จะหลีกเลี่ยงจากการสู้รบให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่เมื่ออิสลามต้องตกอยู่ในสภาวะอันตราย มุสสลิมจึงต้องต่อสู้อย่ากล้าหาญ เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งพจนารถแห่งอัลลอฮ์ และประวัติศาสตร์อิสลามได้จารึกความดีงามเหล่านี้ไว้อย่างครบครัน เมื่อเราอ่านเรื่องราวเกี่ยวกับการสงครามเหล่านั้น เราจะเห็นดาบของอะลี ซึ่งเป็นดาบเล่มแรกในอิสลามกวัดแกว่งแวววับประดุจสายฟ้า

                อะลีอยู่กับสัจธรรมและสัจธรรมอยู่กับอะลี

                สมดั่งที่ท่านศาสดามุฮัมมัด (ศ็อลฯ) ได้มีวจนะไว้

 

จริยธรรมของอะลี(อ.)

 

เมืองกูฟะฮ์ เคยเป็นเมืองหลวงของรัฐอิสลามในสมัยที่อะลี (อ.) ปกครอง แน่นอนเมืองนี้คือศูนย์กลางทางด้านวิชาการและวัฒนธรรมอิสลามมาตั้งแต่สมัยนั้น

 

วันหนึ่งได้มีบุรุษสองคนพบกันที่นอกเมืองกูฟะฮ์ คนแรกคืออมีรุล มุอ์มีนีน อีกคนหนึ่งคือชาวคริสเตียน ซึ่งเขายังไม่เคยรู้จักตัวจริงของอะลี(อ.) คนทั้งสองต่างมีอัธยาศัยไมตรีกันในการสนทนา ขณะที่ทั้งสองเดินทางมาด้วยกันมาตามเส้นทางจนกระทั่งเมื่อมาถึงทางแยก ซึ่งทางสายหนึ่งจะไปยังเมืองกูฟะฮ์และทางอีกสายนั้นจะตรงไปยังหมู่บ้านที่อยู่ใกล้เคียง ชาวคริสเตียนจึงเดินในเส้นทางที่จะไปยังหมู่บ้าน เพราะบ้านของเขาอยู่ที่นั่น ส่วนอะลีนั้นที่จริงแล้วจะต้องไปในเส้นทางสู่เมืองกูฟะฮ์แต่ท่านกลับเดินไปในเส้นทางที่จะไปยังหมู่บ้าน ชาวคริสเตียนคนนั้นรู้สึกแปลกใจ จึงถามว่า “ท่านไม่ต้องการจะกลับไปเมืองกูฟะฮ์ดอกหรือ?”

 

   อิมามตอบว่า “ก็กลับนั่นแหละ แต่ว่าฉันต้องการจะตามไปเป็นเพื่อนท่านอีกสักเล็กน้อย เพื่อให้ความเป็นเพื่อนร่วมทางสมบรูณ์ยิ่งขึ้น แท้จริงแล้วสหายร่วมทางย่อมมีสิทธิอยู่ประการหนึ่ง ซึ่งฉันชอบที่จะมอบสิทธิอันนี้ให้กับท่าน”

 

ชายคนนั้นรู้สึกประทับใจมาก เขาคิดในใจว่า “โอ้พระเจ้า นี่คงเป็นศาสนาที่ยิ่งใหญ่จริงๆ จึงสอนผู้ให้คนมีมารยาทที่มีเกียรติได้ถึงเพียงนี้”

 

ชาวคริสเตียนผู้นั้นได้เข้ารับอิสลามและเสริมสัมพันธภาพของตนกับประชาชาติอิสลามในเวลาต่อมา เขาจะรู้สึกตื่นเต้นกับตัวเองอย่างมากมายเพียงใดหนอ เมื่อเขาถูกเปิดเผยให้รูว่าสหายร่วมทางของเขา ในวันนั้นมิใช่ใครอื่นนอกจากอมีรุลมุอ์มิมีน ผู้ปกครองรัฐอิสลามอันไพศาล

 

จิตใจที่มั่นคง

 

คนเราสามารถจะควบคุมตัวเอง และกำหนดบทบาทของตนเองให้อยู่กับความถูกต้องได้เสมอในภาวะที่เป็นปกติ แต่เมื่อถึงคราวที่ต้องเผชิญกับพายุอารมณ์จากความโกรธและการราวี จะเห็นได้ว่าในช่วงนาทีอันคับขัน การควบคุมตนเองจะหมดไป และเป็นเรื่องที่ลำบากอย่างยิ่ง สำหรับเขาที่จะควบคุมจิตใจของตนเองให้เป็นปกติได้

 

 อย่างไรก็ตาม อะลี (อ.) เป็นผู้ที่มีใจหนักแน่นในทุกสภาพการณ์และทุกกรณี จุดยืนของท่านไม่เคยได้รับผลกระทบใดๆ เพราะสภาพทางด้านจิตใจของท่านนั่นเอง ท่านสามารถดำเนินบทบาทให้อยู่ในกรอบที่อัลลอฮ์ทรงพึงพอพระทัยได้เสมอ พฤติกรรมของท่านที่บ้าน จุดยืนของท่านในสมรภูมิ การปฏิบัติตัวกับคนทั้งหลาย .... เป็นไปได้ด้วยความนอบน้อมต่ออิสลาม ท่านสามารถประคับประคองตนเองให้อยู่ในจุดนี้ได้ ดังนั้นท่านจึงเป็นบุรุษตัวอย่างของมุสลิมที่เป็นผู้ศรัทธาอย่างแท้จริงต่อพระผู้อภิบาลของตน

 

ในสงครามค็อนดัก เมื่อพวกตั้งภาคีจะโจมตีเมืองมะดีนะฮ์ ฝ่ายมุสลิมก็ได้ขุดสนามเพลาะ เพื่อป้องกันเมืองมะดีนะฮ์ตามคำสั่งของท่านศาสดา ให้พ้นจากการรุกรานของศัตรู สถานการณ์ยามนั้นอยู่ในภาวะที่อันตรายที่สุด เมื่อทหารม้าบางคนของพวกตั้งภาคี สามารถตีฝ่าเข้ามาได้และในจำนวนนักรบเก่งกล้าของพวกเขานั้นมี “อัมร์ บิน อับดุวัด” ที่สามารถบุกข้ามสนามเพลาะเข้ามาได้ และออกมาท้าทายทหารมุสลิม

 

 “อัมร์ บินอับดุวัด” มิใช่คนธรรมดา หากแต่เป็นวีระบุรุษผู้กล้าหาญชาญชัยคนหนึ่ง ที่ทหารมุสลิมเองก็ยังครั่นคร้ามในการที่จะเผชิญหน้ากับเขา ณ ที่นั้นอะลี วีรบุรุษของอิสลามก้าวออกไปเพื่อต่อกรกับเขา และพุ่งปราดไปหาด้วยความกล้าหาญ ท่านศาสนทูตเฝ้ามองอะลีด้วยความภาคภูมิใจแล้วกล่าวว่า “บัดนี้ความศรัทธาทั้งปวงได้เผชิญหน้ากับการตั้งภาคีทั้งปวงแล้ว”

 

อัมร์พยายามที่จะหลีกเลี่ยงการต่อสู้กับอะลี จึงกล่าวว่า “จงกลับไปเสียเถิด เพราะฉันไม่ต้องการจะฆ่าแก”

    แต่อะลีตอบไปด้วยความศรัทธาอันยิ่งใหญ่ว่า “แต่ทว่าฉันต้องการจะฆ่าแก”

 

 ตรงนี้เองที่อัมร์ บิน อับดุวัด เกิดบันดาลโทสะขึ้น จึงฟาดดาบเข้าใส่อะลีอย่างแรง แต่อะลีสามารถหลบคมดาบของเขาไปได้ แล้วตอบกลับไปด้วยการตวัดดาบเข้าใส่ยังผลให้อัมร์ อิบนิ อับดุวัดเร่งลงกองกับพื้นทันที

 

ขณะที่ท่านอะลีขึ้นคร่อมหน้าอกของอัมร์ อับนิ อับดุวัดนั้น เขาได้ถ่มน้ำลายรดใบหน้าของท่านอะลี ท่านรู้สึกโกรธจึงยั้งมือไว้ ไม่ลงมือฆ่าจนสามารถระงับความโกรธของตนเองให้ได้เสียก่อน ทั้งนี้ก็เพื่อมิให้การสังหารที่กระทำลงไปเป็นเรื่องของการแก้แค้นส่วนตัว หากแต่เป็นการกระทำที่บริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮ์ และเป็นไปในหนทางของอิสลาม การทำหน้าที่ของท่านอะลีในสนามรบและสมรภูมิ ได้กลายเป็นอุดมการณ์อันสูงส่งสำหรับแนวทางในการทำศึก จุดยืนของท่านได้ทิ้งร่องรอยอันยิ่งใหญ่ไว้ในประวัติศาสตร์ของอาหรับและอิสลาม

 

  อะลีกลับไปยังที่ตั้งพร้อมกับนำข่าวแห่งชัยชนะไปมอบให้กับท่านศาสดา ซึ่งต้อนรับเขาอย่างสมเกียรติ แล้วกล่าวว่า “การที่อะลีสามารถสังหารอัมร์ได้สำเร็จนั้น มีค่าเทียบเท่ากับการเคารพภักดีของมวลมนุษย์และญินรวมกัน”

 

  ฝ่ายพวกตั้งภาคีที่กำลังดูเหตุการณ์ในสนามรบอยู่ เมื่อเห็นวีรบุรุษของพวกตนร่วงลงกับพื้นแล้ว และอะลีได้ตะโกนว่า “อัลลอฮ์อักบัร” จิตใจของพวกเขาก็ได้แตกต่างสลายไปสิ้น ความรู้สึกผิดหวังเข้าครอบงำหัวใจทันทีทำให้พวกเขายกเลิกการล้อมเมืองมะดีนะฮ์ และถอยทัพหลบหนีไปท่ามกลางความมืด ในฐานะผู้พ่ายแพ้

 

ขอขอบคุณ www.ahlbeyt.com

กรุณาแสดงความคิดเห็นด้วย

ความคิดเห็นของผู้ใช้งานทั้งหลาย

ไม่่มีความคิดเห็น
*
*

เว็บไซต์ อิมาม อัลฮะซะนัยน์ (อลัยฮิมัสลาม)เพื่อคุณค่าและสารธรรมอิสลาม